หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 703
บทที่ 703
เฉียวเจาสะกิดเรียกเซ่าหมิงยวนอย่างยากลำบาก “ถิงเฉวียน ท่านให้เฉินกวงส่งข้ากลับนะ ท่าน…เข้าเมืองหลวงเองโดยไม่มีพระราชโองการ หากมีข่าวแพร่ออกไป…”
“ไม่ต้องกลัว ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินก็เห็นข้าแล้ว ยังจะมีอะไรน่ากลัวอีก” เขาก้มหน้าลงจูบเรือนผมนางพร้อมกระซิบบอก “ข้าพาเจ้ากลับเรือน”
เฉียวเจาไม่กล่าวคำใดอีก นางเอาแก้มแนบกับเสื้อเกราะเย็นเฉียบของเขา จิตใจที่มิได้ผ่อนคลายลงสักชั่วเค่อถึงนับว่าสงบนิ่งลงแล้ว
แสงไฟในจวนสกุลหลีสว่างไสว โคมไฟสีแดงถูกเปลี่ยนเป็นโคมไฟสีขาว มันแกว่งไกวเบาๆ ตามแรงลมกลางผืนราตรีมืดมิด พาให้บรรยากาศแลดูเงียบเหงาวังเวงใจ
เซ่าหมิงยวนบุ้ยใบ้บอกให้เฉินกวงที่เฝ้ารออยู่ตรงนั้นไปเคาะประตู
“ใคร” สุ้มเสียงระแวดระวังดังขึ้นที่หน้าประตู
“เฉินกวง”
ประตูเปิดออกดังเอี๊ยด
“คุณหนูสามกลับมาแล้ว อย่าเอ็ดไป” เฉินกวงเอ่ยเตือนยามเฝ้าประตู เขาเบี่ยงกายเปิดทางให้เซ่าหมิงยวนเข้าไป
ใต้แสงโคมเรื่อเรือง ร่างชายหนุ่มในชุดเกราะเงินมีรอยเลือดเปรอะเป็นดวงๆ ประหนึ่งเพิ่งกลับมาจากสมรภูมินรก
ยามเฝ้าประตูสะท้านเยือกในอก เขาก้มหน้าลงต่ำๆ
คนที่อุ้มคุณหนูสามไว้คือ…สวรรค์ เป็นกวนจวินโหวหรือนี่!
กวนจวินโหวไปปราบชาวต๋าจื่อแล้วมิใช่หรือ ไฉนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ แล้วเหตุใดคุณหนูสามถึงอยู่กับกวนจวินโหว
ชั่วพริบตาเดียวมีความคิดผุดขึ้นในหัวของยามเฝ้าประตูนับไม่ถ้วน รอเมื่อทุกคนเข้าประตูมาแล้ว เขาปิดประตูใหญ่อย่างมิดชิดทันควัน
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เซ่าหมิงยวนมาที่นี่ นับได้ว่าคุ้นเคยที่ทางพอสมควร เขาจึงมุ่งหน้าตรงไปที่เรือนชิงซงทันที
ในเรือนชิงซงมีเงาโคมไฟไหววูบวาบ สาวใช้นางหนึ่งยืนสัปหงกเฝ้าอยู่หน้าประตู
เสียงฝีเท้าทำให้นางสะดุ้งสุดตัวละม้ายวิหคตื่นธนู พอเห็นชายหนุ่มโผล่มากะทันหัน นางเกือบส่งเสียงร้องอุทานออกมา
“ข้าเอง เฉินกวง”
“เฉินกวง เจ้ามาได้อย่างไร” เมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเฉินกวง ปิงลวี่ตาเป็นประกายทันใด “คุณหนูของข้าล่ะ”
สาวใช้น้อยที่เฝ้าอยู่นอกประตูเรือนชิงซงกลับเป็นปิงลวี่นั่นเอง
“คุณหนูสามกลับมาแล้ว” เฉินกวงขยับตัวออกด้านข้าง ปิงลวี่ถึงเห็นเซ่าหมิงยวนทางด้านหลัง
ทันทีที่เห็นคนในอ้อมแขนเขา ปิงลวี่จะถลันเข้าไปหาจนเฉินกวงต้องรีบดึงนางไว้ “เบาเสียงหน่อย เจ้าอยากเอะอะจนใครๆ รู้กันไปทั่วรึ”
“ข้าไม่ทำเสียงดังๆ” ปิงลวี่ปิดปากไว้ น้ำตาร่วงเผาะๆ “คุณหนูของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นไร” เฉินกวงเห็นเซ่าหมิงยวนทำหน้าบึ้งแล้วรีบพูดปลอบ
ปิงลวี่ถอนใจโล่งอก นางปาดน้ำตาออกแล้วเผยรอยยิ้ม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูของข้าเป็นผู้มีบุญ สวรรค์ย่อมคุ้มครอง”
“เจ้าอยู่ที่เรือนชิงซงได้อย่างไร” เฉินกวงไต่ถามอย่างงุนงง
“ข้ากับอาจูตกลงกันไว้แล้วว่าจะผลัดกันเฝ้าอยู่ตรงนี้คนละครึ่งคืน พอพวกเจ้ามีข่าวของคุณหนูต้องมาที่เรือนชิงซงก่อนเป็นแน่ แบบนี้พวกข้าก็ได้รู้ข่าวของคุณหนูทันท่วงที”
“รีบไปรายงานให้ฮูหยินผู้เฒ่ารับทราบเถอะ” เฉิงกวงถอนใจเฮือก
“ได้ ฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่นอนเป็นแน่”
ปิงลวี่หมุนกายเดินเข้าข้างใน ไม่นานนักก็มีเสียงความเคลื่อนไหวในเรือนชิงซง
ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสสาวเท้าออกมาพร้อมกับปิงลวี่ นางเห็นเซ่าหมิงยวนแล้วทำท่าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะกุลีกุจอเชิญพวกเขาเข้าไป
หญิงชรายังไม่นอนจริงๆ กระทั่งอาภรณ์ชุดที่สวมตอนกลางวันก็ยังมิได้ผลัดเปลี่ยน นางแต่งกายอย่างเรียบร้อยนั่งอยู่ในเรือนโถง
“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าพาเจาเจากลับมาแล้วขอรับ” เซ่าหมิงยวนอุ้มเฉียวเจาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแสดงคารวะต่อหญิงชรา
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลุกพรวดขึ้น สาวเท้าเร็วรี่หลายก้าวไปใกล้ๆ คนทั้งสอง นางเห็นสภาพของเฉียวเจาก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันใด “หลานเจา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เฉียวเจาฝืนยิ้มออกมา “ท่านย่า ข้าไม่เป็นไร…”
“ไม่เป็นไรก็ดีๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหลั่งน้ำตาเป็นสาย ไม่หลงเหลือความสุขุมเยือกเย็นเป็นนิจให้เห็นอีก
สำหรับหญิงชราวัยเกือบหกสิบผู้หนึ่ง การสูญเสียบุตรชายและหลานสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งยังต้องเพียรพยายามปิดบังลูกสะใภ้สองคนไว้ เพียงตรองดูก็จะรู้ถึงความกดดันและเป็นทุกข์ในใจนางได้
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเพิ่งโล่งอก พอมองปราดเดียวเห็นมือของเฉียวเจาก็หน้าถอดสีกะทันหัน คิดจะไปกุมมือหลานสาวก็กลัวทำนางเจ็บ ได้แต่เอ่ยถามเสียงสั่นเทา “ท่านโหว ตกลงเป็นผู้ใดจับตัวเจาเจาไป พวกนั้นใช้ทัณฑ์ทรมานนางหรือ”
เอาเข็มเงินกับไม้กลัดแทงเข้าเล็บ นี่เป็นหนึ่งในทัณฑ์ทรมานแล้ว ถึงกับใช้กับเด็กสาวผู้หนึ่ง ต่อให้เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันก็ยังรู้สึกโกรธแค้น นับประสาอะไรกับหลานสาวแท้ๆ ของตน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแทบยืนทรงตัวไม่อยู่จนต้องเกาะพนักเก้าอี้ไว้ ความโกรธเกรี้ยวดุจคลื่นทะเลถาโถมเข้าใส่กลางใจนาง
“ข้าไร้ความสามารถ ขณะนี้ยังตามหาคนที่ลักพาตัวเจาเจาไปไม่เจอขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดึงสติคืนมาได้เล็กน้อยแล้วอดนิ่งขึงไปไม่ได้ “ท่านโหว แล้วท่านกลับมาตั้งแต่ตอนไหน”
“เพิ่งกลับมาถึงขอรับ ข้ามาช้าเกินไป”
“ท่าน...” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตั้งใจจะถามว่าสถานการณ์รบเป็นเช่นไรก็เห็นว่าไม่เหมาะ นางกลืนคำพูดนี้กลับลงคอไปแล้วเอ่ยสั่งสาวใช้ “ชิงอวิ๋น หงซง พวกเจ้าพาคุณหนูสามไปนอนพักที่เรือนอุ่น”
“ฮูหยินผู้เฒ่า เจาเจาได้รับบาดเจ็บไม่พึงเปลี่ยนมือคนอุ้มไปมา ข้าพานางไปที่นั่นเลยดีกว่าขอรับ”
หญิงชราพยักหน้าแล้วทำไม้ทำมือบอกให้ชิงอวิ๋นตามไป
ผ่านไปครู่หนึ่งชิงอวิ๋นออกมาแล้วแต่ไม่เห็นเงาของชายหนุ่ม
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งสายตาเป็นเชิงถาม
ชิงอวิ๋นทำสีหน้าพิกลๆ “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ท่านโหววางตัวคุณหนูสามลงแล้วก็…”
“ก็อย่างไร” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเป็นคนช่างสังเกต นางจับได้แต่แรกว่าอาภรณ์บนตัวเฉียวเจาถูกผลัดเปลี่ยนมาแล้ว มาตรว่าเสื้อผ้าชุดใหม่นี้จะเป็นสีและแบบคล้ายคลึงกับชุดที่หลานสาวสวมใส่มาแสดงคารวะยามเช้า แต่ไม่อาจปิดบังสายตาของนางได้
นางอาจจะวางหน้านิ่งเฉย แต่มีหรือในใจจะไม่หวาดหวั่นวิตก ยิ่งไม่เห็นเซ่าหมิงยวนออกมาก็ใจหล่นดังตุบ
หรือหลานเจาจะเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ท่านโหวกลัวนางคิดไม่ตก…
“ท่านโหวหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” ชิงอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ
นางไม่เคยเห็นคนที่นอนหลับไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้จริงๆ เพิ่งวางคุณหนูสามลงก็ฟุบลงข้างเตียงหลับไปเลย
เฉินกวงเอ่ยขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านแม่ทัพของพวกข้าอดหลับอดนอนเร่งเดินทางมาทั้งวันขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถอนใจเฮือกหนึ่ง “ช่างเถอะ พวกเจ้าอย่ารบกวนท่านโหว ปล่อยให้เขานอนไปเถอะ ชิงอวิ๋น เจ้าไปบอกกล่าวนายท่านใหญ่สักคำว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
ชิงอวิ๋นออกไปทำตามคำสั่ง ด้านปิงลวี่เฝ้าเฉียวเจาอยู่ในเรือนอุ่น หงซงก็ถูกสั่งให้ไปต้มน้ำแกง ในโถงจึงเหลือแค่เฉินกวงกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสองคน
“เฉินกวง พวกเจ้าพบคุณหนูสามที่ไหนหรือ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า เรื่องนี้ท่านถามท่านแม่ทัพของพวกข้าเถอะขอรับ ข้าไม่ทราบเช่นกัน หลังท่านแม่ทัพกลับมาแล้วถามข้าไม่กี่คำก็ขี่ม้าออกไป กลับมาอีกทีก็พาคุณหนูสามกลับมาแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังแล้วย่นหัวคิ้วแทบชนกัน นางแน่ใจได้แล้วว่าการหายตัวไปของหลานเจามิใช่เรื่องธรรมดาๆ ยังมีการตายของเจ้ารอง…
เมื่อคิดถึงบุตรชายคนรองที่ต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร หญิงชราก็เจ็บแปลบที่หัวใจ
“ท่านแม่ เจาเจากลับมาแล้วหรือขอรับ” หลีกวงเหวินวิ่งมาถึงอย่างเร่งร้อน เขาเกาะขอบประตูหายใจกระหืดกระหอบ
“นางนอนพักอยู่ในเรือนอุ่นแล้ว”
“ข้าไปดูสักหน่อย” หลีกวงเหวินก้าวขาจะออกเดินไปที่นั่น แต่ถูกมารดาเรียกไว้
“หลานเจาได้รับบาดเจ็บ มิใช่ง่ายดายกว่าจะได้นอนพักผ่อน เจ้าอย่าไปรบกวนนางเลย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”
“ข้าไม่พูด ขอดูแวบเดียวเท่านั้นขอรับ” หลีกวงเหวินได้ยินแล้วร้อนรุ่มใจมากขึ้น เขาพุ่งทะยานไปถึงเรือนอุ่นด้วยความร้อนใจดุจไฟลน มองปราดเดียวก็อดชะงักไปไม่ได้
เพราะอะไรข้างกายบุตรสาวเขายังมีบุรุษอีกผู้หนึ่ง!