หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 704
บทที่ 704
หลีกวงเหวินเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะคว้าแจกันดอกไม้บนโต๊ะเล็กข้างประตูขึ้นขว้างไป
เซ่าหมิงยวนลืมตาพึ่บ คว้ามันเอาไว้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวแล้วเผยรอยยิ้มฝืดๆ อย่างอ่อนเพลีย “ท่านพ่อตา ข้าเองขอรับ”
หลีกวงเหวินทำตาปริบๆ ด้วยความงงงัน “ไฉนเจ้าอยู่ที่นี่ได้”
“ท่านโหวพาหลานเจามาส่งน่ะสิ” เสียงบอกของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดังมาจากข้างหลัง
หลีกวงเหวินหมุนกายไปทันที เขามองมารดาอย่างเหลือเชื่อ “ท่านแม่ แล้วท่านปล่อยให้เจ้าหนุ่มบัดซบผู้นี้นอนอยู่ตรงนี้หรือขอรับ”
นี่ใช่ท่านย่าแท้ๆ หรือไม่กันแน่ มีอย่างที่ไหนถึงวางใจขนาดนี้!
“ข้าเสียมารยาทแล้ว เมื่อครู่เผลอหลับไปขอรับ” เซ่าหมิงยวนมองเฉียวเจาที่หลับสนิทไปแล้วอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาจับชายผ้าห่มเหน็บให้เข้าที่แล้วตั้งท่าจะลุกขึ้น
เด็กสาวขยับมือพลางพูดพึมพำ “เซ่าหมิงยวน ท่านอย่าไปนะ…”
ด้วยอยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งและหลีกวงเหวิน ใบหูของเซ่าหมิงยวนจึงแดงก่ำอย่างช่วยมิได้ แต่ฝ่าเท้าเขากลับคล้ายถูกตรึงติดกับพื้นจนขยับก้าวไม่ออกแล้ว
หลีกวงเหวินมองบุตรสาวที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วในใจสับสนปนเปเป็นพิเศษ อันว่าบุตรสาวเติบใหญ่ไม่พึงรั้งไว้ในเรือนนั้นไม่ผิดเลยจริงๆ สบายเจ้าหนุ่มบัดซบผู้นี้ไปแล้ว
“ช่างเถอะ เจ้าอยู่เฉยๆ ในนี้เถอะ อย่าปลุกเจาเจาตื่น จำไว้ อยู่เฉยๆ เท่านั้นนะ!” หลีกวงเหวินถลึงตาใส่ชายหนุ่มก่อนเดินหน้าตึงออกไปอย่างไม่เต็มใจ
เซ่าหมิงยวนตื่นแล้วย่อมไม่อาจนั่งเฝ้าอยู่ในเรือนอุ่นต่อไปเรื่อยๆ ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ยี่หระอันใด แต่จะให้เจาเจาโดนคนอื่นหัวเราะเยาะไม่ได้
เขาลูบมือเฉียวเจาเบาๆ แล้วมองนางอย่างอาลัยอาวรณ์ถึงเดินออกไป
“ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยกันมาจนดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ท่านโหวก็เร่งเดินทางโดยมิได้หยุดพัก ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันอีกทีวันพรุ่งนี้” พอเห็นเซ่าหมิงยวนออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยังคงรู้สึกพึงใจ ไม่ว่าเป็นเหย้าเรือนใดให้บุรุษวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่งนอนค้างคืนในห้องหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนจะอย่างไรก็ไม่น่าฟัง
“ท่านโหว ท่านอย่ากลับจวนโหวเลย คืนนี้พักในห้องรับแขกแก้ขัดเถอะนะ”
เซ่าหมิงยวนสองจิตสองใจนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจบอกตามตรง “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าซื้อเรือนหลังที่อยู่ด้านข้างจวนสกุลหลีไว้ เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็กลับไปถึงแล้วขอรับ”
หญิงชราอึ้งงันไป นางหันไปมองบุตรชายคนโตทันที
ว่าที่บุตรเขยซื้อเรือนที่อยู่ติดกับเรือนของคู่หมั้น นี่เข้าตำราที่ว่าหอคอยใกล้สายชลได้ยลแสงจันทร์ก่อน เจ้าใหญ่คงไม่แคล้วต้องเต้นเป็นเจ้าเข้า
กระนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรออยู่นานครู่หนึ่งไม่เห็นบุตรชายคนโตมีปฏิกิริยาใดก็อดตกใจไม่ได้
หรือว่าเจ้าใหญ่โมโหจนหน้ามืดตาลายไปแล้ว
หลังจากนั้นนางเห็นหลีกวงเหวินโบกมือไปมาพลางกล่าวอย่างรำคาญ “รีบๆ ไปเถอะ ใกล้แค่นี้ยังคิดจะอยู่ที่นี่อีกหรือไร”
เซ่าหมิงยวนทำหน้าแย้มยิ้มกล่าวอำลากับผู้อาวุโสทั้งสอง
รอเมื่อเขาไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองไปทางหลีกวงเหวิน “นี่มันอะไรกัน เจ้ารู้เรื่องที่หลานเขยซื้อเรือนติดกันไว้แต่แรกแล้วหรือ”
“ทราบสิขอรับ ตั้งแต่ตอนเขายังไม่ใช่เขยตระกูลเรา ข้าก็ทราบแล้ว”
เส้นเลือดตรงขมับของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเต้นตุบๆ นางแค่นเสียงเยาะ “เจ้าพูดแบบนี้ดูจะภาคภูมิใจเอาการด้วยสินะ”
“มีที่ไหนกัน…” หลีกวงเหวินโบกไม้โบกมือ แต่พอปะทะเข้ากับสายตาขุ่นเขียวของมารดา เขากลืนถ้อยคำหลังกลับลงคอไปเงียบๆ
“ไปพักผ่อนเถอะ” หญิงชราคร้านจะมองหน้าบุตรชายเบาปัญญาซ้ำอีกครา นางลุกขึ้นเดินเข้าสู่ด้านในของห้อง
จริงๆ เลย เจ้าลูกโง่งม ถูกคนเอาไปขายแล้วยังช่วยเขานับเงินอีกนะ แต่โง่งมสักนิดใช่ว่าจะไม่ดี ดังคำกล่าวว่าคนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่…
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถอนใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่งแล้วกลับห้องไปปิดตาลงนอนหลับได้ในที่สุด
เซ่าหมิงยวนกลับไปถึงเรือนด้านข้างจวนสกุลหลีกลับไม่นอนหลับพักผ่อนทันที เขาเรียกเฉินกวงมาถามความ
“เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ข้าฟัง”
เฉินกวงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียดจบแล้วหมอบตัวกับพื้นขอรับโทษทัณฑ์ “ท่านแม่ทัพ ข้าสมควรตาย โปรดลงโทษข้าด้วยเถอะ”
เซ่าหมิงยวนนั่งเงียบๆ ใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อยนิด
เฉินกวงหลับตาลง ดึงดาบยาวตรงเอวออกมาจะปาดคอ
เคร้ง!
เสียงนี้ดังขึ้น ดาบยาวถูกเซ่าหมิงยวนเตะกระเด็นไป
เซ่าหมิงยวนโบกมือไปมาอย่างอ่อนล้า “เจ้าออกไปพักผ่อนเถอะ คุณหนูสามกลับมาแล้ว ข้าจะเอาชีวิตเจ้าด้วยเหตุใด”
เขากล่าวถึงตรงนี้แล้วหัวเราะขื่นๆ เสียงหนึ่ง “แต่ถ้านางไม่กลับมา ไยข้าต้องเอาชีวิตของเจ้าอีก”
ครั้งนั้นเขาสูญเสียนางไป เขาเสียใจ เขารู้สึกผิด แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ทว่าหากสูญเสียนางไปในครั้งนี้ เกรงว่าเขาไม่อาจยืนหยัดต่อไปอีกได้แล้ว
เขาทำเพื่อบ้านเมืองและปวงประชามามากมายเหลือเกิน แต่กลับไม่เคยทำอะไรเพื่อนางเลย เหลือแค่นางไปที่ใด เขาก็ตามนางไปที่นั่น
“ท่านแม่ทัพ!” ใบหน้าของเฉินกวงฉายแววตื่นกลัว เขาจะไม่กระจ่างแจ้งความนัยในถ้อยคำของผู้เป็นนายได้เช่นไร
ท่านแม่ทัพมีความรักต่อคุณหนูหลีอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นความประมาทเลินเล่อของเขาจะมิใช่เกือบเป็นต้นเหตุให้ท่านแม่ทัพต้องตายล่ะหรือ!
เมื่อคิดคำนึงถึงตรงนี้ เฉินกวงก็เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ยิ่งรู้สึกหวาดผวาไม่หายมากขึ้น
“ไปพักผ่อนเถอะ ไม่ได้ปกป้องนางให้ดีเดิมทีก็กล่าวโทษคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว” เซ่าหมิงยวนเหนื่อยล้าจนไม่อยากพูดมากไปกว่านี้
เขาถอดเสื้อเกราะกับรองเท้าออกแล้วชำระกายลวกๆ จากนั้นเอนกายลงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง เซ่าหมิงยวนก็ตื่นขึ้นแล้ว เขาล้างหน้าบ้วนปากกินอาหารอย่างขอไปทีแล้วรีบไปที่จวนสกุลหลี
“ฮูหยินผู้เฒ่ายังนอนหลับอยู่ ส่วนนายท่านใหญ่ไปที่ว่าการกรมอาญาแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ” ชิงอวิ๋นยกน้ำชามาวางให้เขา ยามสายตาปะทะเข้ากับไรหนวดเขียวครึ้มตามแนวปลายคางบึกบึนที่ลืมโกนออกของอีกฝ่าย นางหลุบเปลือกตาลงทันทีไม่กล้ามองต่ออีก แต่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ท่านเขยสามถึงกับบุกบั่นเดินทางไกลพันลี้กลับมาเพื่อคุณหนูสาม ความรักใคร่ผูกพันระหว่างคนทั้งคู่นี้เป็นที่น่าชื่นชมอิจฉาโดยแท้ คุณหนูสามช่างโชคดีเหลือเกิน
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวชิงอวิ๋น แต่นางไม่กล้าคิดต่อไปอีก ก็ถอยออกไปอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อยมีมารยาท
เซ่าหมิงยวนดื่มน้ำชาไปหลายคำ เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตจากฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง เขาจะไปหาเฉียวเจาที่เรือนอุ่นก็ไม่เหมาะ เป็นเหตุให้เขาเริ่มร้อนรนกระวนกระวายอย่างช่วยมิได้
หลังเซ่าหมิงยวนนั่งจับเจ่าเฝ้ารออยู่ราวสองเค่อ ปิงลวี่ออกมาในที่สุด เขาลุกขึ้นยืนทันที
“คุณหนูสามตื่นแล้วหรือยัง”
“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูบอกว่าหิว ข้ากำลังจะไปเอาอาหารมาให้”
หิว? เซ่าหมิงยวนรู้สึกอยากร้องไห้กะทันหัน
หิวเป็นเรื่องดี หิวแล้วแสดงว่าพลังชีวิตของนางเริ่มฟื้นฟู ไม่เป็นอย่างที่ข้าเห็นเมื่อคืนนั่นอีก
เซ่าหมิงยวนไม่กล้าย้อนคิดถึงสภาพของเฉียวเจาเมื่อวานนี้ ทุกคราที่หวนประหวัดถึงมัน หัวใจเขาจะเจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีด
“บนตัวคุณหนูสามยังมีบาดแผล อย่าเพิ่งให้กินอาหารมีกลิ่นคาวรสเปรี้ยวรสเผ็ด แข็งเกินไปก็ไม่ได้ เป็นโจ๊กเนื้อสัตว์ดีที่สุด…” เซ่าหมิงยวนพร่ำสั่งกำชับอย่างเอาใจใส่
“ท่านแม่ทัพวางใจได้ ข้าทราบเจ้าค่ะ” ปิงลวี่กลั้นยิ้มไม่อยู่
เฉียวเจากลับมาแล้วทำให้สาวใช้น้อยกลับมาร่าเริงสดใสดังเดิม
“เจ้าไปเถอะ” แม้รู้ว่าท่าทางกระตือรือร้นจนออกนอกหน้าของตนทำให้คนอื่นขบขัน เซ่าหมิงยวนก็หาได้ใส่ใจไม่ เขาแอบกวาดตามองไปทางห้องที่เฉียวเจาอยู่
หลีกวงเหวินเดินเข้ามาด้วยความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ไร้เหตุผล ไร้เหตุผลสิ้นดี เอ๊ะ! ไฉนเจ้าอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“คารวะท่านพ่อตาขอรับ” เซ่าหมิงยวนแสดงคำนับต่อเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย
หลีกวงเหวินมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าคงไม่ได้คิดจะเป็นเขยแต่งเข้าเรือนกระมัง”
เซ่าหมิงยวนอึ้งไปประเดี๋ยวหนึ่ง จากนั้นก็เผยรอยยิ้ม “หากท่านพ่อตาไม่รังเกียจ นั่นก็ใช่ว่าจะไม่ได้นะขอรับ”
“แค่กๆๆ” หลีกวงเหวินไอออกมายกใหญ่
บุรุษที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงจะรับราชการไม่ได้ บุตรเขยเขาเดิมทีได้รับเบี้ยหวัดปีละสองพันตั้น หากไม่มีรายได้ก้อนนี้ หรือจะให้พ่อตาที่มีเบี้ยหวัดเดือนละแปดตั้นอย่างเขาเลี้ยงดูกัน
ไม่มีคนไร้ยางอายเยี่ยงนี้!
“เรื่องพรรค์นี้เจ้าเลิกคิดได้เลย” หลีกวงเหวินทำหน้าตึงกล่าวขึ้น เขาหวั่นกลัวว่าเซ่าหมิงยวนจะยืนกรานต่อ จึงรีบเอ่ยถามชิงอวิ๋น “ฮูหยินผู้เฒ่าล่ะ”