หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 72
ภาพของเจียงอู่ผุดขึ้นในห้วงความคิดของเจียงหย่วนเฉา
เรือนกายผอมสูง โครงหน้าคมลึก ปลายจมูกงุ้มลงดังที่เรียกกันทั่วไปว่าจมูกเหยี่ยว เวลาที่เขามองใคร ไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็สร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้ได้แล้ว
คนประเภทนี้หรือจะพัวพันกับหญิงคณิกานางหนึ่ง ถึงขั้นยั่วโทสะท่านพ่อบุญธรรมเพราะเหตุนี้?
เจียงหย่วนเฉาไม่เชื่อข้ออ้างพรรค์นี้แม้สักกระผีก
จับตาดูต่อไป มีความเคลื่อนไหวใดรีบกลับมารายงานโดยไว
ขอรับ เจียงหลินขานรับแล้วหมุนกายเดินออกไป เห็นเจียงเฮ่อยืนอยู่หน้าประตู
ไสหัวเข้ามา เจียงหย่วนเฉาพูดเรียบๆ
เจียงเฮ่อลุกลนเข้ามา เจียงหย่วนเฉาเลิกคิ้วกล่าวว่า ถ้าบอกเหตุผลที่เข้าท่าไม่ได้ ไปรับโทษด้วยตนเอง
เจียงเฮ่อทำคอย่นพูดเสียงต่ำ ใต้เท้า ข้าคิดขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ตอนกวนจวินโหวออกจากจวนเสนาบดีโค่ว คล้ายว่าจะได้รับบาดเจ็บขอรับ
ได้รับบาดเจ็บ?
ขอรับ เขายัดผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงหัวไหล่ พออยู่ใกล้ๆ ข้าได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ
อื้อ ข่าวนี้ไม่เลว เจียงหย่วนเฉาทำสีหน้าดีขึ้นบ้าง
เจียงเฮ่อคึกคักกระฉับกระเฉงขึ้น เขาถูไม้ถูมือไปมา ใต้เท้า พวกเราจะเล่นงานเจ้าหนุ่มนั่นเช่นไรดีขอรับ
เจียงหย่วนเฉามองไปทางผู้ใต้บังคับบัญชาที่แสนจะปัญญาทึบแวบหนึ่ง นึกชังที่มิอาจหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ เล่นงานอะไรกัน พอรู้ว่ากวนจวินโหวได้รับบาดเจ็บก็เล่นงานเขาได้แล้วรึ เจ้านึกว่าเขาให้เจ้านำความมาบอกเพื่ออะไร
เซ่าหมิงยวนกล้าพูดเช่นนั้นย่อมจะไม่หวาดกลัวองครักษ์จินหลินอย่างพวกเขาแน่นอน
องครักษ์จินหลินเป็นสายสืบของฮ่องเต้ ตราบเท่าที่ฮ่องเต้ไม่มีความคิดจะแตะต้องกวนจวินโหว องครักษ์จินหลินก็ได้แต่ซุ่มตัวไม่เคลื่อนไหว
อีกอย่างเซ่าหมิงยวนหาใช่นักรบที่ทำสงครามเป็นอย่างเดียวจริงๆ
เช่นนั้น… เจียงเฮ่อจนวาจา เขาคิดในใจว่า ในเมื่อใต้เท้าเห็นว่าข่าวกวนจวินโหวไม่มีประโยชน์ใด ไยต้องพูดว่าเป็นข่าวดีด้วยเล่า
เจียงหย่วนเฉามองปราดเดียวก็อ่านใจผู้ใต้บังคับบัญชาออก เขายกเปลือกตาขึ้นพลางกล่าว ก็แค่ดีใจเท่านั้น มิได้รึ
ได้ขอรับๆ เจียงเฮ่อถอยออกจากห้องไปแหงนคอมองฟ้า อยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา
นับแต่ใต้เท้าเข้าเมืองหลวง นับวันความคิดก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
บางทีอาจถึงวัยตบแต่งภรรยาแล้วกระมัง
เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาปากมากไม่อยู่ ภายในห้องจึงเงียบสงบลง เจียงหย่วนเฉาเอาสองมือประสานกันรองใต้ต้นคอ นอนหงายมองเพดานห้อง
คุณชายเฉียวทำร้ายเซ่าหมิงยวนหรือ เขาคะเนพลาดไปแล้ว ถ้ารู้แต่แรกเขาคงไปเฝ้าดูเอง ดูว่าเซ่าหมิงยวนโดนคุณชายเฉียวเล่นงานจนน่วมอย่างไร
เจียงหย่วนเฉาลุกขึ้นนั่งตัวตรง ใช้นิ้วมือเรียวยาวจุ่มน้ำชาเขียนอักษรทีละขีดทีละเส้นบนโต๊ะเป็นวันเวลาบรรทัดหนึ่ง
ลายมือของเขาไม่นับว่าดี
เขาเริ่มเล่าเรียนเขียนอ่านหลังท่านพ่อบุญธรรมรับมาเลี้ยงดู ในการเป็นองครักษ์จินหลินผู้หนึ่ง อ่านหนังสือออกก็เพียงพอแล้ว ในบรรดาพี่น้องลายมือของเขาถือว่าดีเด่นกว่าทุกคนแล้ว
แต่ว่ายังห่างชั้นกับคุณชายชาติตระกูลสูงเหล่านั้นไกลลิบ ถึงขั้นเทียบไม่ได้แม้แต่เซ่าหมิงยวนด้วยซ้ำไป
ไม่สิ เขาลืมนึกไป เซ่าหมิงยวนเดิมก็คือลูกหลานสกุลใหญ่โตอยู่แล้ว จะเรียกว่าเป็นพวกคุณชายสูงส่งทรงเกียรติก็ย่อมได้ แต่เพราะความชอบจากการรบอันโดดเด่นเหล่านั้นทำให้คนลืมศักดิ์ฐานะแต่เดิมไป จำได้แต่ ‘กวนจวินโหวผู้มิเคยพ่ายศึก’
ฉะนั้นเขากับพวกนั้นอยู่กันคนละโลกมาโดยตลอด
เจียงหย่วนเฉาคิดไปเช่นนี้ ความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็เป็นดั่งต้นหญ้าที่ขึ้นรกแผ่ลามไปทั้งใจ
หากเมื่อแรกรู้จักนาง เขามิใช่องครักษ์จินหลินชื่อเสียงฉาวโฉ่ หรือนางมิใช่คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์สุจริต จะมีอะไรต่างออกไปหรือไม่
อย่างน้อย นางคงไม่ตาย!
มุมปากของเจียงหย่วนเฉามีรอยยิ้มไร้ไออุ่นผุดขึ้น เขายกมือลบคราบน้ำบนโต๊ะออกเบาๆ
วันที่เป็นวันแห่ศพนางไปฝัง เขาจะไปดูนาง
เรือนเล็กฝั่งซ้ายของเรือนหยาเหอ
ต้นทับทิมในลานมีดอกสีแดงเพลิงบาดตาผลิบานหลายดอกแล้ว นกกระเต็นตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ พอได้ยินเสียงดังก็รีบกระพือปีกพึ่บพั่บบินหนีไป ทิ้งให้กิ่งไม้ที่ถูกมันเหยียบสั่นไหวระริกจนดอกไม้ที่เพิ่งบานหลุดร่วงลงพื้น
ปิงลวี่เดินด้วยฝีเท้าฉับไวมาตามทางเดินศิลาเขียวแคบๆ กลางลานตรงเข้าไปในเรือน
คุณหนู ข่าวดีเจ้าค่ะ
นับแต่เฉียวเจารู้จากอาจูว่าเซ่าหมิงยวนไปที่จวนเสนาบดีโค่ว แล้วเป็นไปได้ว่าจะประจันหน้ากับพี่ชายตน ในใจก็ยากจะสงบนิ่งได้ นางนั่งขัดสมาธิบนตั่งคนงามศึกษากระดานหมากเพื่อพยายามสงบอกสงบใจ
พอได้ยินเสียงบอกของปิงลวี่ นางจึงวางเม็ดหมากในมือกลับลงโถ ยิ้มบางๆ พลางไต่ถาม มีข่าวดีอะไรหรือ
ปิงลวี่ก้าวเข้ามาแล้วปรายตามองอาจูทางด้านหลังเฉียวเจาอย่างลำพองใจ ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มสำราญใจ ยังมิใช่เรื่องที่คุณหนูรองท้องเสียหรือเจ้าคะ ตอนนี้แพร่มาถึงจวนตะวันตกของเราแล้ว ทุกคนรู้กันหมดว่าตอนคุณหนูรองอยู่ในห้องดีดพิณ กลั้นไว้ไม่ไหวกุมท้องวิ่งปรูดออกไปต่อหน้าต่อตาอาจารย์สอนพิณ
ปิงลวี่เล่าถึงตรงนี้แล้วมุ่นคิ้ว พูดอย่างเสียดายเป็นอันมาก ตอนนั้นคุณหนูใหญ่กลบเกลื่อนได้เก่ง ทั้งที่กินอาหารแล้วท้องเสียเหมือนกับคุณหนูรอง แต่กลับมิได้ทำเรื่องที่คนหยิบไปนินทาได้
นี่ก็คือข่าวดีหรือ เฉียวเจาหัวเราะ
ปิงลวี่ทำหน้าระรื่นชื่นบาน เป็นข่าวดีแน่นอนเจ้าค่ะ พอเป็นเช่นนี้ คุณหนูรองยังจะมีหน้าไปเข้าเรียนวิชาดีดพิณอีกได้อย่างไร คุณหนูรอดูเถอะ หลังจากนี้คุณหนูรองไม่มีทางปรากฏตัวในห้องดีดพิณอีกแน่ ดีไม่ดีนะ คุณหนูรองทำเรื่องน่าขายหน้าคราวนี้ วันหน้าเห็นท่านยังต้องเดินอ้อมไปอีกทาง ท่านว่านี่ไม่นับเป็นข่าวดีหรือเจ้าคะ
เฉียวเจายกมือหยิกแก้มสาวใช้แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน นี่เป็นแค่ข่าวที่ไม่สลักสำคัญอันใดเลย
เอ๊ะ? ปิงลวี่ชะงักไป นางอดโต้แย้งไม่ได้ เหตุใดไม่สลักสำคัญล่ะเจ้าคะ คุณหนูรองได้รับความอับอายสักคราเป็นเรื่องสาแก่ใจที่หาได้ยากเย็นปานใดกัน
ตั้งแต่เล็กจนโต พวกคุณหนูทั้งสองจวนมีคนใดบ้างไม่อ่อนข้อให้คุณหนูรอง
คุณหนูรองเพิ่งขายหน้าครั้งใหญ่ไปมิใช่หรือ อาจูเอ่ยเตือนขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ปิงลวี่อ้าปากแต่พูดไม่ออกแล้ว
นางถลึงตาใส่อาจูพลางนึกในใจ ใครให้เจ้าเสนอหน้าพูดเตือน หึ…น่าชังนัก!
ทุกคราที่เห็นสาวใช้น้อยผู้นี้ เฉียวเจามักอารมณ์ดีขึ้นอย่างแปลกประหลาด นางบอกยิ้มๆ ปิงลวี่ ช่วยไปยกน้ำหวานมาให้ข้าสักถ้วยเถอะ
พอได้ยินคุณหนูเอ่ยสั่ง ปิงลวี่หยุดค่อนขอดในใจทันที กล่าวเสียงกังวานใส ได้เจ้าค่ะ
ปิงลวี่หมุนกายออกไป ในห้องก็คืนสู่ความสงบ
อาจูเงียบขรึมดังเคย
เฉียวเจาพลันช้อนตาขึ้นอมยิ้มมองนาง อาจู เดินหมากเป็นหรือไม่
อาจูนิ่งขึงไป นานครู่ใหญ่ถึงเอ่ยตอบ เมื่อก่อนเคยหัดเล็กๆ น้อยๆ แต่เดินไม่ดีนักเจ้าค่ะ
เฉียวเจาชี้นิ้วบอกให้นางนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไม่ยากหรอก มา ข้าจะสอนเจ้า
… คราวก่อนตอนคุณหนูสอนท่ากดนวดจุดชุดนั้นก็บอกว่าไม่ยาก นางต้องฝึกหนักอยู่เจ็ดแปดวันเต็มๆ ถึงพอจำขั้นตอนได้อย่างถูๆ ไถๆ
ยามปิงลวี่ยกน้ำหวานเข้ามา เห็นคนในห้องนั่งหันหน้าเข้าหากัน คุณหนูของตนกำลังชี้แนะอาจูเดินหมากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวล
ปิงลวี่ยืนอยู่หน้าประตูพลันนึกน้อยใจอยู่สักหน่อย
คุณหนูถึงกับสอนอาจูเดินหมาก ไม่เห็นสอนข้าบ้างเลย!
ถึงกระนั้นย่อมต้องไม่ใช่ความผิดของคุณหนู แต่เป็นนางตัวดีอาจูผู้นี้เป็นแน่ที่วางยาเสน่ห์คุณหนู หมายจะแย่งคุณหนูไปจากนาง
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ได้การ ตำแหน่งสาวใช้อันดับหนึ่งของข้าจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว!
ปิงลวี่ยกน้ำหวานเดินลงส้นเท้าตึงๆ เข้ามาพลางบอกเสียงดัง คุณหนู เชิญดื่มน้ำเจ้าค่ะ
เฉียวเจาวางเม็ดหมากลงแล้วรับถ้วยน้ำหวานไป
ปิงลวี่สบช่องเอ่ยขอร้องขึ้น คุณหนู ท่านสอนข้าเดินหมากด้วยสิเจ้าคะ
เดินเป็นบ้างหรือไม่
เป็นเจ้าค่ะ ช้างเดินแนวทแยงมุมสี่ทิศ ม้าเดินหน้าหนึ่งก้าวเลี้ยวหนึ่งก้าว ปืนใหญ่จะกินต้องคั่นหมากหนึ่งตัว เรือเดินตรงทั้งซ้ายขวาตามแต่ใจเจ้าค่ะ สาวใช้น้อยกล่าวตอบอย่างฉะฉานมั่นใจ
อาจูก้มหน้ามองกระดานหมาก
นี่เป็นหมากรุกกระมัง