หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 720
บทที่ 720
สามวันให้หลัง องค์หญิงเจินเจินซึ่งดูสดชื่นแข็งแรงขึ้นไม่น้อยกล่าวอำลากับเฉียวเจา
“คุณหนูหลี หนนี้ทำให้ท่านต้องยุ่งยากวุ่นวายแล้ว ทั้งที่ท่านป่วยอยู่ยังต้องฝังเข็มขับพิษให้ข้าอีก”
เฉียวเจานั้นเดิมทีแค่บาดเจ็บภายนอก พอได้พักฟื้นในช่วงที่ผ่านมาก็อาการดีขึ้นมาก นางได้ยินถ้อยคำนี้แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “องค์หญิงจะตรัสเช่นนี้ไปไย วันหน้าทรงได้ใช้ชีวิตตามพระประสงค์ก็คุ้มค่าแล้วเพคะ”
องค์หญิงเจินเจินพลันปิดหน้าร่ำไห้
หลงอิ่งยืนห่างไปไม่ไกล เห็นนางร้องไห้ก็เริ่มกระวนกระวาย แต่มิได้เดินเข้ามา
ด้านเฉียวเจามิได้พูดปลอบ เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งให้
องค์หญิงเจินเจินรับมาเช็ดน้ำตาแล้วส่งยิ้มให้นาง “ขออภัย ข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็อยากร้องไห้”
พอกล่าวอำลากับคุณหนูหลีในวันนี้แล้ว นางกับหลงอิ่งจะจากเมืองหลวงไปไกลแสนไกล ชั่วชีวิตคงไม่กลับมาอีก สิ่งที่พันธนาการนางไว้กับกรงขังแห่งนั้นเป็นอันขาดสะบั้นลง ถึงแม้จะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งอก แต่ในใจยังคงเศร้าโศกอยู่บ้าง
ที่นั่นเป็นที่ที่นางใช้ชีวิตมานานถึงสิบเจ็ดปี
“คุณหนูหลี พวกข้าไปแล้วนะ”
“องค์หญิงถนอมพระวรกายด้วย”
องค์หญิงเจินเจินเม้มปาก “ท่านอย่าเรียกข้าว่าองค์หญิงอีกเลย กระทั่งหลงอิ่งยังเรียกข้าว่าเจินเจินแล้ว หรือว่าท่านไม่เต็มใจเรียกขานชื่อข้าใช่หรือไม่”
เฉียวเจายิ้มแล้ว นางกล่าวจากใจจริง “เจินเจิน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
องค์หญิงเจินเจินยิ้มตอบแล้วพลันก้าวเข้าไปกอดนาง
ตัวเฉียวเจาแข็งทื่ออยู่บ้างไปในพริบตา
นอกจากคุ้นเคยกับความปากว่ามือถึงของคนบางคน อันที่จริงนางไม่ใคร่เคยชินกับการใกล้ชิดกับคนอื่นเกินไป
กระนั้นเฉียวเจาก็ปล่อยตัวตามสบายได้อย่างรวดเร็วแล้วกอดตอบอีกฝ่าย
องค์หญิงเจินเจินคลายมือออก นางหน้าแดงระเรื่อ “ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนข้าไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่น หนำซ้ำยังก่อความยุ่งยากให้ท่านไม่น้อย แต่ตอนนี้ข้ากำลังจะไปแล้วเลยอยากบอกบางอย่างกับท่าน ไม่ว่าท่านจะเห็นข้าเป็นสหายหรือไม่ก็ตาม ในใจข้านับท่านเป็นสหายแล้ว ข้าโชคดีมากที่ได้รู้จักท่าน”
คุณหนูหลีเป็นสตรีพิเศษมากที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาในชีวิตของการเป็นองค์หญิงนานสิบเจ็ดปี ถึงขั้นที่ว่าเป็นเพราะได้เห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างอิสระตามใจปรารถนาเฉกนี้ ถึงทำให้นางสละฐานันดรศักดิ์องค์หญิงได้โดยไม่ลังเลใจแต่อย่างใด
“ข้าไปล่ะนะ” องค์หญิงเจินเจินส่งยิ้มให้เฉียวเจา
“เจินเจิน…” เฉียวเจาส่งเสียงเรียก
องค์หญิงเจินเจินหยุดยืนนิ่งมองนาง
“ในใจข้าท่านก็เป็นสหายที่ควรค่าแก่การคบหาดุจเดียวกัน”
“จริงหรือ” ดวงตาขององค์หญิงเจินเจินมีประกายตื่นเต้นยินดีจุดวาบขึ้น
“แน่นอน”
เฉินกวงเดินเข้ามา “รีบเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ สบช่องคนพลุกพล่านในตอนนี้ออกจากเมืองได้สะดวก”
“เช่นนั้นพวกข้าไปแล้วนะ” องค์หญิงเจินเจินออกจากสกุลหลีอย่างเงียบๆ พร้อมกับหลงอิ่ง
เฉินกวงเห็นเฉียวเจายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับกาย จึงพูดปลอบว่า “คุณหนูสามวางใจได้ หลงอิ่งต้องดูแลองค์หญิงเก้าอย่างดีแน่นอนขอรับ”
“อื้อ หลงอิ่งซื่อสัตย์ภักดี จุดนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลใจจริงๆ”
เฉินกวงมองนางอย่างหลากใจ “คุณหนูสาม ท่านคงมิได้นึกว่าหลงอิ่งแค่มีใจปกป้องผู้เป็นนายเพียงอย่างเดียวกระมัง”
พอเห็นเฉียวเจามีสีหน้างุนงง เฉินกวงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายผิดหวังที่นางไม่ได้ดั่งใจตน “ความรู้สึกที่หลงอิ่งมีต่อองค์หญิงเก้าต้องเป็นความรักฉันชายหญิงอย่างแน่นอน”
สวรรค์ คุณหนูสามความรู้สึกช้าขนาดนี้ ท่านแม่ทัพของข้าจะง่ายดายหรือ
แต่พูดไปแล้ว ไฉนจนบัดนี้คนฉลาดหัวไวเช่นข้ายังหาภรรยาไม่ได้เล่า
เฉินกวงโอดครวญในใจแล้วมองเฉียวเจาปราดหนึ่งอย่างตัดพ้อต่อว่า
แม่นางเฉียวเหยียดมุมปาก “ปิงลวี่ ไปกันเถอะ”
ข้าดูไม่ออกแล้วเป็นอย่างไร
เป็นบุรุษอกสามศอกผู้หนึ่งยังช่างนินทาอย่างนี้ สมน้ำหน้าที่ยังไม่มีภรรยาสักที
เป็นต้นคิมหันต์ฤดูแล้ว อากาศข้างนอกปลอดโปร่งสดใส การตายขององค์หญิงพระองค์หนึ่งมิได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเมืองหลวง ตามถนนหนทางมีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่จอแจดุจปกติ
องค์หญิงเจินเจินที่ปลอมกายแล้วกับหลงอิ่งเดินปะปนอยู่กลางหมู่ฝูงชนไปทางหน้าประตูเมือง
มือข้างหนึ่งวางลงบนหัวไหล่องครักษ์หนุ่มที่คอยคุ้มกันองค์หญิงอยู่ เขาหมุนกายขวับกลับไป
“ถ้าไม่อยากให้ลงมือตรงนี้ล่ะก็ตามข้าไป” ผู้มาเยือนกล่าวเสียงกระซิบ
หลงอิ่งมององค์หญิงเจินเจินแล้วพยักหน้าเบาๆ
ใบหน้านางซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดดุจใบไม้ปลิดปลิวกลางสายลมสารทฤดู
ชั่วพริบตานี้ ภาพเหตุการณ์ฐานะของนางถูกเปิดโปงในลักษณาการต่างๆ ผุดขึ้นในห้วงสมองนางต่อๆ กันละม้ายโคมม้าวิ่ง สุดท้ายเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ความรู้สึกไม่ยอมจำนน
นางคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าต่อจากนี้จะไปที่ใด และในอนาคตจะทำมาหาเลี้ยงชีพใช้ชีวิตอยู่กับหลงอิ่งสองคนเช่นไร
นางปรุงเครื่องหอมเป็น วันหน้าสามารถเปิดร้านขายเครื่องหอมเล็กๆ สักแห่ง บางทียังอาจจะ…
องค์หญิงเจินเจินคิดต่อไปไม่ได้แล้ว นางก้มหน้าหลบอยู่หลังหลงอิ่งออกเดินตามไปอย่างเงียบๆ
ผู้มาเยือนหยุดฝีเท้าในตรอกเปลี่ยวสายหนึ่ง
ชายเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาหลงอิ่ง เขาหน้าเปลี่ยนสีกะทันหันยามเห็นรูปโฉมโนมพรรณของอีกฝ่ายได้ชัดถนัดถนี่ “ผู้บัญชาการเจียง?”
เจียงหย่วนเฉาทำมือบอกองครักษ์จินหลินที่พาคนทั้งคู่มาที่นี่ให้ออกไปเฝ้าตรงปากตรอก เขาจ้องมองหลงอิ่งโดยไม่กล่าววาจาสักคำ จากนั้นเลื่อนสายตาไปหยุดที่ตัวองค์หญิงเจินเจิน
หลงอิ่งเอาตัวบังนางไว้ด้วยสีหน้าระแวดระวัง “ท่านจะเอาอย่างไร”
เจียงหย่วนเฉายิ้มแล้ว “ยาถอนพิษถูกส่งไปให้ทันเวลากระมัง”
“เป็นท่านเองหรือนี่” หลงอิ่งทำสีหน้าเหลือเชื่อ เหตุใดผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินถึงช่วยพวกเขา
เจียงหย่วนเฉาเปิดยิ้มบางๆ “คิดไม่ถึงว่าองครักษ์เล็กๆ เช่นเจ้าจะใจกล้าเพียงนี้ ถึงกับพาองค์หญิงออกจากวังหลวง”
“ท่านมาจับพวกข้ากลับไปหรือ”
“เปล่า ข้าแค่อยากถามว่าเจ้านึกว่าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์หายตัวไปแบบนี้แล้วจะปิดบังได้จริงๆ หรือ อย่าลืมว่าถึงมีนางกำนัลตายอย่างไร้สาเหตุในตำหนักในจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ แต่องครักษ์คนหนึ่งหายตัวไป จะอย่างไรก็ต้องมีคนซักถาม”
“ข้าไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว วันนี้ถ้าไม่ใช่ข้าพาองค์หญิงไปก็เป็นท่านต้องข้ามศพข้าไปก่อนถึงพาองค์หญิงกลับไปได้” หลงอิ่งกล่าวเสียงกระด้าง
“เจ้าเอาศพของพวกข้ากลับไปก็แล้วกัน” องค์หญิงเจินเจินก้าวออกมา นางเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ มองเจียงหย่วนเฉาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนผู้นี้ใจแข็งปานใด นางรู้ประจักษ์ชัดมานานแล้ว อย่างน้อยตอนหร่านรานจากไปก็ไม่เคยเห็นเขาเผยความทุกข์ใจให้เห็นแม้สักกระผีก นางไม่คิดว่าเขาจะใจดีเปิดทางรอดให้พวกนาง
เจียงหย่วนเฉายิ้มน้อยๆ “กระหม่อมหาได้มีความชื่นชอบพรรค์นี้ไม่ แต่กระหม่อมอยากเตือนพวกท่านสักคำว่าเรื่องที่พระสนมลี่ผินกระทำไว้พวกนั้นไม่อาจเล็ดลอดหูตาของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาไปได้ เว่ยอู๋เสียส่งคนออกตามหาพวกท่านอยู่ลับๆ แล้ว”
องค์หญิงเจินเจินกับหลงอิ่งสบตากัน ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเจียงหย่วนเฉา “เจ้าประสงค์สิ่งใดถึงบอกเรื่องนี้กับพวกข้า”
“จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว หากพวกท่านหลบหนีการจับกุมของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาไม่พ้น อย่าหักหลังคุณหนูสามสกุลหลี มิเช่นนั้น…” เจียงหย่วนเฉาหุบยิ้มตรงมุมปาก ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ “มิเช่นนั้นพวกท่านจะได้รู้ว่าเหตุใดคนที่ตอแยกับกององครักษ์จินหลินถึงต้องตายทั้งเป็น”
องค์หญิงเจินเจินสืบเท้าหนึ่งก้าวออกไปสบตากับเจียงหย่วนเฉา นางเหยียดแผ่นหลังตรงยามกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จุดประสงค์ที่เจ้าเอ่ยถึงนาง แต่เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้าบอก คุณหนูหลีเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ข้ายังไม่ถึงขั้นกระทำเรื่องที่เป็นการเนรคุณคนได้”
เจียงหย่วนเฉาหยักยิ้ม “ข้าจะเชื่อคำพูดนี้ไปก่อนชั่วคราว”
ถ้ามิใช่องค์หญิงเจินเจินเลือกกินยาพิษแทนที่จะทำร้ายเฉียวเจา เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะส่งยาขวดนั้นไปให้นาง
“เอาล่ะ พวกท่านไปเถอะ” เจียงหย่วนเฉาชูมือขึ้นโยนป้ายคำสั่งไปให้หลงอิ่ง “หวังว่าเจ้าจะไม่ต้องใช้มันเป็นดีที่สุด หากพวกเจ้าถูกคนของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวาจับได้ อย่าลืมทำลายมันทิ้งซะ” ว่าแล้วก็หมุนกายเดินปราดๆ ออกไป
เจียงเฮ่อเดินตามไปเงียบๆ “ใต้เท้า”
“หือ?”
“จะสนใจความเป็นความตายของพวกเขาไปด้วยเหตุใดกันขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาที่ยืนอาบแสงตะวันงามเจิดจ้าหรี่ตาลงน้อยๆ “หุบปาก!”