หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 721
บทที่ 721
ยามพระราชพิธีพระศพขององค์หญิงเก้าดำเนินไปได้ครึ่งทาง ฮ่องเต้หมิงคังเสด็จออกจากการจำศีลในที่สุด เรื่องแรกที่เขาทำคือเรียกเว่ยอู๋เสียมาถามความ
ยามมองเห็นดวงหน้าชราคุ้นตาของขันทีคนสนิท เป็นคราแรกที่ฮ่องเต้หมิงคังรู้สึกวิตกกังวลชอบกลอยู่สักหน่อย เขาเอนหลังพิงบัลลังก์มังกร กระแอมไอให้คอโล่งก่อนเอ่ยขึ้น “เว่ยอู๋เสีย ช่วงเวลาที่เราจำศีลอยู่นี้ ภายนอกวังคงไม่ได้เกิดเรื่องผิดปกติอะไรกระมัง”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอู๋เสียเริ่มใคร่ครวญว่าจะรายงานเรื่องการตายขององค์หญิงเก้าต่อฮ่องเต้หมิงคังอย่างไรดี
“เป็นเช่นนั้นก็ดี” ฮ่องเต้หมิงคังดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาหวั่นใจว่าเว่ยอู๋เสียจะจับสังเกตได้ จึงยกน้ำชารสอ่อนขึ้นดื่มคำหนึ่ง
เว่ยอู๋เสียก้มหน้าไม่ขยับกาย
ฮ่องเต้หมิงคังวางถ้วยน้ำชาลง เรียวคิ้วยาวขมวดเข้าหากัน “ยังมีเรื่องอยากบอกรึ”
เว่ยอู๋เสียก้มหัวต่ำลง “กราบทูลฝ่าบาท แม้ว่าภายนอกวังจะไม่เกิดเรื่องผิดปกติ ทว่าภายในวัง…”
หนังตาของฮ่องเต้กระตุกทีหนึ่ง “พูด ภายในวังเกิดเรื่องใดขึ้น”
“องค์หญิงเก้าสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อยู่นานพักหนึ่ง
เว่ยอู๋เสียยืนอย่างสงบเรียบร้อยไม่กล่าววาจาสักคำ
ในเวลาอย่างนี้อ้าปากพูดเองก็คือรนหาที่ตาย ปล่อยให้ฮ่องเต้สงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า
ผ่านไปเป็นนาน ฮ่องเต้หมิงคังเอ่ยถามขึ้นว่า “องค์หญิงเก้าคือคนที่รูปโฉมงามกว่าใช่หรือไม่”
ฮ่องเต้จำศีลคราวนี้รุดหน้าขึ้นไปถึงขั้นปล่อยวางตัวตน ฟ้ากับคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เรื่องทางโลกมากมายล้วนจดจำไม่ใคร่ชัดเจนแล้ว…
เว่ยอู๋เสียทำสีหน้าปั้นยากในชั่วพริบตาหนึ่ง ยังดีว่าเขาก้มหัวลงไม่ให้ใครมองเห็น “ฝ่าบาททรงพระปรีชาปราดเปรื่อง องค์หญิงเก้าทรงมีพระสิริโฉมงามเลิศในแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ”
“เรานึกออกแล้ว เสด็จแม่ของนางคือลี่ผิน” ฮ่องเต้หมิงคังนึกออกแล้ว เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น “องค์หญิงเก้าตายได้อย่างไร เราจำได้ว่านางแข็งแรงร่าเริงดีอยู่แท้ๆ”
“กระหม่อมได้ซักถามหมอหลวงเป็นการส่วนตัวแล้ว องค์หญิงเก้าน่าจะ…สิ้นพระชนม์เพราะยาพิษ…”
ดวงตาของฮ่องเต้หมิงคังนิ่งขึงไป เขาเอ่ยถามทันที “แล้วคู่หมั้นของกวนจวินโหวล่ะ”
เว่ยอู๋เสียไม่อาจไม่เลื่อมใสในฮ่องเต้ของตน ยามปกติดูเหมือนไม่แยแสเรื่องโลกภายนอก แต่พอเป็นเรื่องสำคัญยังเฉียบไวดีอยู่
“คู่หมั้นของกวนจวินโหวสบายดีพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานยังออกจากเรือนไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือชื่อดังของเมืองหลวง”
ไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือชื่อดังของเมืองหลวง ก็แสดงว่าบัดนี้ชาวเมืองหลวงต่างล่วงรู้ว่านางสบายดีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นความตั้งใจของฮ่องเต้ก่อนหน้านี้คงได้แต่เป็นอันล้มเหลวไป
ว่าไปแล้วคุณหนูสามสกุลหลีผู้นั้นเป็นคนฉลาดจริงๆ
ฮ่องเต้หมิงคังนวดๆ หว่างคิ้ว เห็นชัดว่าคิดถึงจุดนี้ได้แล้วเหมือนกัน เขาพลันรู้สึกคับอกคับใจยิ่ง
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าองค์หญิงเก้าตายเพราะยาพิษ เช่นนั้นนางถูกคนวางยาพิษหรือว่ากินยาพิษฆ่าตัวตาย”
เว่ยอู๋เสียก้มหน้าเอ่ยตอบ “พิษที่องค์หญิงเก้าได้รับเหมือนกับยาพิษขวดที่พระสนมลี่ผินได้รับพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังเข้าใจความหมายของเขาแล้ว “นางเสียสติไปแล้วหรือไร”
เว่ยอู๋เสียก้มหน้าไม่กล่าวตอบ
องค์หญิงเก้าไม่ได้เสียสติ หากแต่ใจกล้าเกินไปต่างหาก ถึงกับแกล้งตายหนีออกจากวังหลวง
สองวันนั้นเขาส่งคนไปตามสืบลับๆ เป้าหมายแรกคือจวนสกุลหลี เพราะทีแรกองค์หญิงเก้าไปเยือนที่นั่นพร้อมภารกิจ แต่หลังจากกลับมาก็กินยาพิษแกล้งตาย จึงมีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วนว่าเกี่ยวข้องกับคุณหนูสามสกุลหลี
คิดไม่ถึงว่ารอบจวนสกุลหลีกลับเต็มไปด้วยคนของกวนจวินโหว เขาต้องการสืบข่าวลับๆ ไม่อาจเผยตัวว่าเป็นคนของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวา เลยได้แต่คุมเชิงกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนบัดนี้ยังไม่พบร่องรอยขององค์หญิงเก้า เขาจะรายงานต่อฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่เป็นการดี
ฮ่องเต้อยากกำจัดกวนจวินโหวใจจะขาดแต่แรก แต่ยามนี้ต้าเหลียงจะปราศจากกวนจวินโหวไม่ได้ ต่อให้ฮ่องเต้ไม่พึงพระทัยมากกว่านี้ก็ต้องเปิดทางลงให้ตนเอง ถ้าเขารายงานเรื่องนี้ก่อนจะจับตัวองค์หญิงเก้าได้ นี่จะไม่เป็นการกวนโทโสฮ่องเต้ล่ะหรือ
ฮ่องเต้ไม่สบอารมณ์ คนที่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดจะได้อยู่อย่างเป็นสุขที่ไหนกัน
เว่ยอู๋เสียมาดหมายอยู่ในใจว่าหากจับองค์หญิงเก้าได้จะพาตัวกลับมารายงานต่อฮ่องเต้ และตั้งข้อกล่าวหากวนจวินโหวสักอย่างหนึ่งเพื่อให้ฮ่องเต้คิดบัญชีกับเขาทีหลังได้ แต่ถ้าจับคนไม่ได้ เรื่องนี้ก็ตอกตะปูปิดฝาโลงด้วยการตายขององค์หญิงเก้าไปเสีย เอาเป็นว่าเขาจะนำความเดือดร้อนมาให้ตนเองไม่ได้
“น่าโมโหสิ้นดี!” เมื่ออยู่ต่อหน้าขันทีคนสนิท ฮ่องเต้หมิงคังมิได้เก็บงำอารมณ์อันใด คว้าถ้วยน้ำชาขว้างลงไปบนพื้นทันที
ถ้วยกระเบื้องแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วอึดใจ ส่งผลให้คนรับใช้ที่เฝ้าอยู่นอกประตูถอยไปอยู่ไกลขึ้นด้วยความเสียขวัญ
“เว่ยอู๋เสีย!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“หรือว่าระหว่างที่เราจำศีลอยู่นี้ ทั้งนอกวังในวังไม่มีเรื่องดีๆ สักเรื่องเลยใช่หรือไม่”
เขาจำศีลคราหนึ่ง ประเดี๋ยวก็สูญเสียคนใกล้ชิดไป ประเดี๋ยวก็ถูกชาวต๋าจื่อบุกมาจู่โจมถึงเมืองหลวง นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่
หรือกลัวเขาจะขึ้นสวรรค์ไปเป็นเซียน ละทิ้งแผ่นดินต้าเหลียงไม่ดูดำดูดีใช่หรือไม่
ทว่าเขาไม่เคยคิดจะปลีกตัวอยู่ตามลำพังอย่างอิสรเสรีหลังบำเพ็ญตบะสำเร็จกลายเป็นเซียน แต่ตั้งใจจะครอบครองใต้หล้าไปชั่วกาลนาน ถึงอย่างไรนี่เป็นสิ่งที่บรรพชนตกทอดต่อมาให้ในมือเขา ยกให้ใครก็ไม่วางใจเท่าตนเอง
“มีพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอู๋เสียเห็นฮ่องเต้ใกล้จะบันดาลโทสะแล้ว จึงรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
ฮ่องเต้หมิงคังฝืนข่มใจให้เยือกเย็นลง เขาชายตามองเว่ยอู๋เสีย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกมาสิว่ามีเรื่องดีๆ อะไร”
เว่ยอู๋เสียเค้นสมองคิดอย่างหนักจนเหงื่อเย็นเกือบไหลลงมา ขณะที่ฮ่องเต้จ้องมองมาด้วยสายตาคาดคั้น ความคิดหนึ่งสว่างวาบขึ้นในหัวกะทันหัน เขากล่าวขึ้นว่า “อนุนางหนึ่งของรุ่ยอ๋องมีครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังฟังแล้วมีสีหน้าดีขึ้น “อ้อ นี่รุ่ยอ๋องมีทายาทสืบสกุลแล้วหรือ”
ตอนนี้เขามีพระโอรสทั้งหมดสองคนคือ รุ่ยอ๋องกับมู่อ๋อง
ถ้าหากเขาไม่อาจบรรลุวิถีแห่งชีวิตอมตะ วันหน้าก็ต้องมอบตำแหน่งนี้ให้พระโอรสคนใดคนหนึ่ง เขาไม่ค่อยได้พบหน้าค่าตาพระโอรสสองคนเท่าไรนัก
ทว่ารุ่ยอ๋องอายุมากกว่า ตามกฎมณเฑียรบาลแล้วเป็นธรรมดาที่เขาย่อมเอนเอียงไปทางแต่งตั้งพระโอรสองค์โตเป็นรัชทายาท
กระนั้นรุ่ยอ๋องไม่มีทายาทมาโดยตลอด ทำให้ไม่อาจวางใจได้จริงๆ ดังนั้นอนุของรุ่ยอ๋องตั้งครรภ์แล้วเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งโดยแท้
“เว่ยอู๋เสีย เจ้าไปร่างรายชื่อของขวัญ ตกรางวัลให้อนุของรุ่ยอ๋อง”
นานทีปีหนจะมีเรื่องน่าดีใจ ควรค่าแก่การมอบรางวัลจริงๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอู๋เสียระบายลมหายใจเฮือก
ในที่สุดก็กราบทูลรายงานเรื่องขององค์หญิงเก้าต่อฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น จะเป็นขันทีตรวจฎีกาเช่นเขานี้ง่ายดายหรือไร
“ไปเถอะ เราอยากอยู่เงียบๆ”
เขาต้องตรึกตรองเรื่องสำคัญอย่างการจำศีลนี้ให้ดีๆ สักหน่อยแล้ว
หมู่นี้รุ่ยอ๋องอารมณ์ดีพอดู เหตุผลมิใช่อื่นใด แต่เป็นเพราะหลังจากครบกำหนดเวลาหนึ่งปีตามคำกำชับของหมอเทวดาหลี่ เขาก็เริ่มต้นหว่านเมล็ดพันธุ์อย่างขมีขมัน และพบว่าแข็งแรงกระชุ่มกระชวยกว่าแต่ก่อนอย่างมาก จะบอกว่าคึกคะนองดุจม้าศึกก็ไม่เกินความจริงเลย
ในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง ถึงมิใช่เพื่อสืบสกุล นี่ก็เป็นจุดที่น่ายินดีเช่นกัน
รุ่ยอ๋องคิดคำนึงว่าบางทีอีกไม่นานก็จะได้ยินข่าวดีจากอนุคนอื่นๆ แล้ว
“ท่านอ๋อง เว่ยกงกงมาพ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องได้ยินว่าเว่ยอู๋เสียมาหาก็ตกอกตกใจ
คนผู้นี้มิใช่ขันทีตรวจฎีกาทั่วไป ยังเป็นหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวา อยู่ดีๆ มาที่วังรุ่ยอ๋องทำอะไร พักนี้เขาไม่ได้ทำเรื่องออกนอกลู่นอกทางอะไรนี่นา
“ท่านอ๋อง เว่ยกงกงมาในครานี้น่าจะเป็นเรื่องดี กระหม่อมเห็นขันทีชั้นผู้น้อยที่เขาพาติดตามมาหลายคนล้วนหอบกล่องแพรไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจิตใจที่วิตกกังวลของรุ่ยอ๋องถึงสงบลง เขารีบออกไปต้อนรับ
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอู๋เสียเห็นรุ่ยอ๋องแล้วมีรอยยิ้มประดับใบหน้ามากขึ้นกว่าในกาลก่อน “ฝ่าบาททรงได้ยินว่าท่านอ๋องมีข่าวดี จึงมีกระแสรับสั่งให้กระหม่อมมาแสดงความยินดีต่อท่านอ๋องโดยเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”
เสด็จพ่อยังจำข้าได้หรือนี่!
รุ่ยอ๋องปลาบปลื้มแทบตัวลอยกับข่าวดีนี้ เขากล่าวอย่างหน้าชื่นตาบาน “น่ายินดีจริงๆ”
เว่ยอู๋เสียพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “…”
เกินไปแล้วนะ นี่ไม่ได้เป็นการเสียบมีดเข้ากลางอกบุรุษที่ถูกตอนเช่นข้าล่ะหรือ!