หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 726
บทที่ 726
“ติดประกาศผลสอบแล้ว!”
เจ้าหน้าที่ทางการเพิ่งติดประกาศดอกซิ่งเสร็จก็มีคนกรูเข้าไปล้อมวงมุงดูกันเนืองแน่นหน้าป้ายประกาศจนไม่มีช่องว่าง
พวกบัณฑิตจากตระกูลสูงศักดิ์ยังพอทำเนา คนที่ไว้ตัวสักหน่อยจะส่งบ่าวผู้ชายเข้าไปดู ส่วนคนที่อดใจรอไม่ไหวหรือบัณฑิตที่ชาติตระกูลสามัญล้วนเบียดเสียดอยู่ตรงนั้นยื้อแย่งกันมองหาว่ามีชื่อของตนเองบนป้ายประกาศหรือไม่
บัณฑิตวัยเกือบสามสิบผู้หนึ่งท่าทางร้อนรนอยู่มาก เขาเขย่งเท้ามองไปพลางร้องตะโกนไปพลาง “ขอทางหน่อยๆ”
เมื่อแหวกฝ่าคนที่ขวางอยู่ข้างหน้าเข้าไปได้ เขาอาศัยเรือนกายสูงโปร่งมองเห็นป้ายประกาศสีแดงตัวอักษรสีดำได้ในที่สุด
ไม่เหมือนผู้อื่นที่ไล่สายตาจากบนลงล่าง เขาไล่ดูจากล่างขึ้นบน และมองเห็นชื่อของตนเองอยู่ในแถวที่สองจากด้านล่าง
“ผ่านแล้วๆ ข้าสอบผ่านแล้ว!” บัณฑิตชักเท้าออกวิ่งไปข้างนอกด้วยสายตาตื่นเต้นเจียนคลั่ง
ภรรยาของเขาทนกัดก้อนเกลือกินจนผมหงอกเพื่อให้เขาได้เล่าเรียนศึกษา ตลอดหลายปีมานี้กระทั่งปิ่นสักแท่งก็หักใจซื้อไม่ลง ในที่สุดเขาก็สอบผ่านแล้ว ต้องรีบนำข่าวดีนี้ไปบอกภรรยาให้นางดีอกดีใจไปด้วย
“ตาบอดหรือไร!” คนที่โดนบัณฑิตผู้นั้นวิ่งชนร้องด่าคำหนึ่ง คนด้านข้างรีบรั้งเขาไว้
“ช่างเถอะๆ เขาจวนจะได้เป็นใต้เท้าใหญ่รอมร่อ วิ่งมาชนเจ้า ดีไม่ดียังเผื่อแผ่ความโชคดีมาให้ จะคิดเล็กคิดน้อยอะไรเล่า”
บัณฑิตผู้นั้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้กับหู เพียงรู้สึกคล้ายตนได้ลืมตาอ้าปากสักที เขาวิ่งออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่เพิ่งไปถึงปากตรอกแห่งหนึ่ง ภาพเบื้องหน้าพลันดับวูบพร้อมกับถุงกระสอบใบหนึ่งครอบลงมาทางศีรษะ
“จับได้คนหนึ่งแล้วๆ”
“จะเอะอะโวยวายด้วยเหตุใด ยังไม่รีบพาตัวไปอีก”
บัณฑิตที่มีถุงกระสอบครอบหัวไว้ดิ้นขัดขืนสุดชีวิต “ไม่ได้ๆ รีบปล่อยข้านะ ข้าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว…”
น่าเสียดายไม่มีใครสนใจฟังคำพูดของเขา คนกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมเขาไว้พาตัวจากไปอย่างว่องไว
บนร้านน้ำชาไม่ไกลนัก ฉือชั่นตบตัวจูเยี่ยนเบาๆ “จื่อเจ๋อ เห็นหรือยัง หากเจ้าเข้าไปก็ต้องพบกับบทลงเอยเช่นนี้”
จูเยี่ยนโคลงศีรษะ “คนผู้นั้นบอกอย่างชัดเจนว่าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว คนเหล่านั้นยังจะพาเขาไปอีกหรือนี่ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“นี่เหตุใดจะมิได้เล่า” ฉือชั่นยืนเกาะราวรั้วหยกขาวด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย “เจ้าไม่เห็นคนผู้นั้นแต่งกายสามัญธรรมดาหรือ เห็นได้ว่าเป็นบัณฑิตยากจน จู่ๆ เป็นดั่งมัจฉาข้ามประตูมังกรในชั่วข้ามคืน ย่อมจะเนื้อหอมเป็นที่หมายปองของตระกูลเศรษฐีคหบดีพวกนั้นพอดี หากจับคนเช่นเจ้าไป ยังมิต้องส่งกลับมาแต่โดยดีหรอกหรือ”
“ข้าจะสอบผ่านหรือไม่ยังไม่รู้เลย” จูเยี่ยนหยักยิ้ม ไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นสักเท่าไร
เขาทำอย่างเต็มที่และรู้ว่าตนแสดงฝีมือได้ไม่เลว ที่เหลือขึ้นอยู่กับโชคดวงแล้ว
“แค่ไม่รู้ว่าถึงเวลาคนผู้นั้นจะเลือกสตรีคนใหม่ผู้เพียบพร้อมหรือว่าภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก” ฉือชั่นกล่าวเสียงหยันๆ เขาดึงความสนใจกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนถามไปทางด้านใน “ถิงเฉวียน คุณชายเฉียว ไม่ออกมาชมดูความครึกครื้นกันหรือ”
เซ่าหมิงยวนกับเฉียวโม่เดินตามหลังกันออกมา ต่างถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือ
“ครั้งนี้คุณชายเฉียวต้องไม่พลาดเป็นแน่กระมัง” จูเยี่ยนถามยิ้มๆ
ถึงแม้จะประสบผ่านเหตุพลิกผันเหล่านั้นมา แต่เขาคือหลานชายของอาจารย์เฉียวจัว บุคคลอัจฉริยะที่สอบผ่านเป็นบัณฑิตจวี่เหรินได้ตั้งแต่อายุสิบสาม ถ้าสอบขุนนางระดับฮุ่ยซื่อไม่ผ่านคงเป็นเรื่องแปลก
เฉียวโม่กล่าวตอบยิ้มๆ “หาได้มั่นใจเต็มสิบส่วนไม่”
สามอันดับแรกไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่จะได้เป็นฮุ่ยหยวน* หรือไม่นั้นยังบอกได้ยาก ถึงอย่างไรความชื่นชอบเฉพาะตัวของผู้คุมสอบมีผลต่อการจัดอันดับส่วนหนึ่ง
“คุณชายเฉียวถ่อมตัวไปแล้ว ถ้าท่านไม่มั่นใจ เช่นนั้นข้าคงได้แต่รอการสอบรอบหน้าแล้ว” จูเยี่ยนเลื่อมใสในการวางตัวของเฉียวโม่อย่างยิ่ง
สมแล้วที่เป็นชาวสกุลเฉียว เรื่องที่มั่นใจได้สิบส่วนชัดๆ ยังถ่อมตัวได้อย่างนี้ ไม่มีความยโสหลงตนเองเฉกเช่นลูกหลานในตระกูลสูงศักดิ์แม้สักกระผีก ช่างน่านับถือจริงๆ
เฉียวโม่รู้แก่ใจดีว่าจูเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว แต่เขามิได้พูดออกมา เพียงยกยิ้มน้อยๆ
เสียงฝีเท้าดังตึงๆ ลอยมา เถาเซิงซึ่งโดนเบียดจนรองเท้าหลุดหายไปข้างหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา “คุณชาย เห็น…เห็นแล้ว…”
เพื่อเงินรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เขาเลยขันอาสาไปดูป้ายประกาศผลจนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว เป็นเขาง่ายดายหรือไร
“มีชื่อซื่อจื่อสกุลจูบนนั้นหรือไม่” ฉือชั่นเอ่ยถามขึ้น ถึงอย่างไรเขาก็ลำเอียงไปทางสหายรักแต่วัยเยาว์ของตน
เถาเซิงหน้าบานเป็นจานเชิง เขาพยักหน้าหงึกๆ “มีขอรับ ซื่อจื่อสกุลจูสอบได้ที่หนึ่งร้อยยี่สิบหก”
“จื่อเจ๋อ ยินดีด้วย” ทุกคนพากันแสดงความยินดีต่อจูเยี่ยน
จูเยี่ยนผู้สุขุมลุ่มลึกก็ยังเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมาในเวลานี้
ได้ที่หนึ่งร้อยยี่สิบหก นี่ย่อมมิใช่อันดับต้นๆ แน่นอน แต่ก็ไม่เลวแล้ว
อย่าลืมว่าทั่วแผ่นดินมีผู้เล่าเรียนเขียนอ่านมากมายดุจดวงดาวบนฟากฟ้า โดยเฉพาะลูกหลานของขุนนางสายบุ๋นกับบัณฑิตยากจนส่วนใหญ่ที่จะเป็นขุนนางก็ต้องเข้าสอบรับราชการทางเดียวเท่านั้น แล้วเส้นทางสายนี้เดินได้ลำบากยากเย็นปานใดมีเพียงเหล่าบัณฑิตที่มานะบากบั่นท่องตำรามานานกว่าสิบปีถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
ส่วนผู้มีศักดิ์ฐานะเป็นซื่อจื่อของจวนโหวที่จะเป็นขุนนางผ่านการสอบเข้ารับราชการอย่างเขา ในหมู่ผู้สูงศักดิ์และลูกหลานของแม่ทัพนักรบก็นับว่าหาได้ยากดุจขนหงส์เขากิเลน
“ขึ้นชื่อบนป้ายประกาศทองกับค่ำคืนใต้แสงเทียนวันเข้าหอ จื่อเจ๋อ เจ้าใกล้จะมีงานมงคลคู่แล้วนะ” เซ่าหมิงยวนดีใจแทนสหายรักจากใจจริง
ดูสหายวัยเยาว์ของเขาสิ ตบแต่งภรรยาได้ราบรื่นเพียงไหน พอผ่านการสอบหน้าพระที่นั่งเดือนหน้าและกลายเป็นข้าราชบริพารของโอรสสวรรค์อย่างเป็นทางการ ฝ่ายหญิงต้องยินดีที่จะจัดงานมงคลซ้อนมงคล เพื่อเป็นลางดีมีมงคลคู่มาเยือนประตู
ครั้นหันกลับมาดูตนเองอีกที…พอคิดถึงว่ากว่าจะได้แต่งงานยังต้องรออีกเก้าเดือน เซ่าหมิงยวนก็จมจ่อมอยู่ในความรู้สึกกังขาต่อตนเองแล้ว
หรือว่าชาติที่แล้วข้าเคยทุบตีเฒ่าจันทรา…
ได้ยินคำอวยพรของเซ่าหมิงยวน จูเยี่ยนหาได้มีท่าทางกระดากกระเดื่องไม่ ซ้ำยังยิ้มตามไปด้วย
คู่หมั้นคือคนที่พวกผู้อาวุโสเลือกเฟ้นอย่างดี ทั้งเป็นสหายรักของน้องสาว เขาเป็นชายหนุ่มที่อายุอานามไม่น้อยแล้ว อันที่จริงเขาก็วาดหวังรอคอยชีวิตแต่งงานที่กำลังจะมาถึงเป็นอันมาก
“คุณชายเฉียวล่ะ” เซ่าหมิงยวนไต่ถาม
เถาเซิงยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริทันที ในดวงตาราวกับมีดวงดาวระยิบระยับ “คุณชายเฉียว ท่านเก่งกาจเหลือเกินจริงๆ ชื่อของท่านอยู่ลำดับที่หนึ่งเลยขอรับ”
ได้ที่หนึ่ง?!
ทุกคนเอ่ยแสดงความยินดีกับเฉียวโม่โดยไม่รอช้า “ยินดีด้วยที่ได้เป็นฮุ่ยหยวน”
“ฮุ่ยหยวนอยู่ที่ใดๆ”
คนมากมายแห่กันมาที่ร้านน้ำชาที่พวกเขาอยู่เพื่อยลโฉมฮุ่ยหยวนคนใหม่ให้เป็นบุญตา
คนนำหน้าก็คือผู้ดูแลของร้านน้ำชา เขาหอบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือไว้ในอ้อมแขน หมายจะเก็บสะสมลายมือของผู้สอบได้ที่หนึ่งไว้เป็นสมบัติล้ำค่า
ชั่วพริบตานั้น เซ่าหมิงยวนใช้มือหนึ่งจับเฉียวโม่ มือหนึ่งจับจูเยี่ยนแล้วพาทั้งสองคนกระโดดลงจากชั้นบนของร้านน้ำชาหลบหนีผู้คนที่กำลังคลั่งไคล้อยู่
ฉือชั่นอึ้งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะกระโดดตามลงไปแล้วกล่าวด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “เซ่าหมิงยวน เจ้าเลือกที่รักมักที่ชังมาก”
เซ่าหมิงยวนรู้ว่าเขาขี้ใจน้อยก็รีบเอ่ยอธิบาย “เจ้ามิได้เข้าร่วมการสอบสักหน่อย”
ฉือชั่นเหยียดยกมุมปากแล้วตะโกนเสียงดังฉับพลัน “ฮุ่ยหยวนอยู่ตรงนี้!”
เซ่าหมิงยวนซึ่งถูกสหายรักผลักออกไปเห็นฝูงชนที่รุมล้อมเขาไว้ในพริบตาแล้วงงงันอยู่บ้าง
“เร็วเข้าๆ รีบแบกฮุ่ยหยวนขึ้นพาตัวไปเลย คุณชายเฉียวยังไม่หมั้นหมาย”
สำหรับเฉียวโม่ซึ่งสอบครั้งเดียวก็ได้เป็นที่หนึ่งแต่กลับไม่มีวงศ์วานว่านเครือคุ้มครอง เป็นดั่งเนื้อชิ้นใหญ่ในบรรดาเนื้อชิ้นใหญ่ตามสายตาของคนจำนวนมากเลยทีเดียว ก่อนที่จะประกาศผลการสอบขุนนาง มีจวนต่างๆ จ้องตาเป็นมันแต่แรกตั้งเท่าไรก็สุดรู้ พอขณะนี้ได้ยินว่าผู้สอบได้ที่หนึ่งอยู่ที่นี่ คนเหล่านั้นเริ่มแย่งชิงกันโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เซ่าหมิงยวนทำหน้าบึ้งมองคนที่ยื่นมือมาหาตน กระทั่งสายคาดเอวก็ถูกคนจับไว้แล้ว เขาทนไม่ไหวในที่สุด
มาตรว่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์จะไม่ดี แต่ถ้าเขาถูกดึงกางเกงหลุดกลางถนน คะเนว่าเจาเจาคงถอนหมั้นเพราะรังเกียจกระมัง
“หยุดมือ!” เซ่าหมิงยวนร้องตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบทันใด
“ดูให้ชัดๆ ข้าไม่ใช่คุณชายเฉียวที่เป็นฮุ่ยหยวน”
ผู้คนชะงักกึก จากนั้นขยี้ตาไปตามๆ กัน
มารดามันเถอะ กวนจวินโหวหรือนี่!