หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 734
บทที่ 734
มีอนุตั้งครรภ์สี่คน นี่แสดงว่าโรคลับของเจ้าห้าหายดีแล้ว เช่นนั้นที่เขาวางแผนให้เจ้าห้าตบะแตกล่วงหน้าก่อนหน้านี้ มิใช่ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารล่อล่ะหรือ
หากตอนนั้นเขาไม่ได้วางอุบายอย่างนั้น ในครรภ์ของอนุนางนั้นของเจ้าห้าตอนนี้ก็คงไม่มีเจ้าลูกสุนัขน้อยอายุหลายเดือนแล้ว
ทีนี้เป็นอย่างไรล่ะ เจ้าห้ากำลังจะให้กำเนิดลูกสุนัขน้อยออกมาถึงสี่ตัว และไม่ต้องกลัวว่าจะหัวใจวายตายตอนเสพสุขกับสตรีแล้ว!
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มู่อ๋องก็สะเทือนใจเหลือหลาย
เมื่อเป็นเช่นนี้จะลงมือกับทายาทของเจ้าห้าอีกก็ทำได้ยากเย็นยิ่งนัก…
มู่อ๋องเดินงุ่นง่านไปมาในห้องหนังสือ เขาไม่ทันระวังชนเข้ากับมุมโต๊ะไม้พะยูงเลยเตะขาโต๊ะเต็มแรงด้วยความเจ็บ ในดวงตาทั้งคู่ทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง
ในเมื่อกำจัดทายาทไม่ได้ เขาก็จะตัดไฟแต่ต้นลม หาโอกาสปลิดชีพเจ้าห้าไปเสียเลย!
มู่อ๋องยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าความคิดนี้เข้าท่า
เจ้าห้าจะตั้งหน้าตั้งตามีลูกออกมามากเท่าไรก็ช่าง ขอแค่เจ้าห้าตายไปซะ เหลือแต่พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมีประโยชน์อะไร หรือว่าเสด็จพ่อจะข้ามหัวพระโอรสที่เติบใหญ่แล้วอย่างเขาไปมอบบัลลังก์ให้พระราชนัดดาเล่า
มู่อ๋องทิ้งตัวลงนั่งด้วยจิตใจที่เยือกเย็นลงในที่สุด
ยังมีเวลาอยู่ เพียงหาโอกาสให้ได้ก่อนเสด็จพ่อไปดื่มน้ำชากับเจียงถังอดีตผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินก็สิ้นเรื่องแล้ว
มู่อ๋องในยามนี้สงบนิ่งประหนึ่งอสรพิษรอจังหวะฉกเหยื่อ
คิมหันต์ฤดูที่ร้อนระอุผ่านเลยไปอย่างว่องไว ฤดูใบไม้ร่วงของรัชศกหมิงคังปีที่ยี่สิบหกเย็นสบายเป็นพิเศษ พอเข้าเดือนสิบซึ่งปีที่ผ่านๆ มาเหล่าชาวเมืองหลวงเพิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสวมอาภรณ์ผ้าหนาสองชั้น ทว่าในปีนี้กลับมีหิมะตกลงมาแล้ว
พอถึงเดือนสิบเอ็ด หิมะตกหนักติดๆ กันไม่ขาดสาย และมีทีท่าว่าจะหนาวจัดถึงขั้นหยดน้ำไหลกลายเป็นน้ำแข็งได้ ในเมืองหลวงมีคนออกจากเรือนมาเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกน้อยลง นอกจากเป็นธุระสำคัญแล้วต่างเก็บตัวอยู่ในเรือนผิงไฟให้อุ่นกาย
บัดนี้จวนสกุลหลีมีเฮ่าเกอเอ๋อร์บุตรชายที่ปิงเหนียงทิ้งเอาไว้กับฝูเกอเอ๋อร์บุตรชายวัยยังไม่ถึงขวบของเหอซื่อ รวมกับหลิวซื่อที่ใกล้คลอดบุตรแล้ว เป็นธรรมดาที่จะจุดตี้หลงให้ลุกโชนโดยไม่ตระหนี่เงินค่าไม้ฟืนแม้แต่น้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองดูน้ำแข็งย้อยห้อยลงมาจากชายคาเรือนแล้วถอนใจเฮือกหนึ่ง นางคุยสัพเพเหระกับเฉียวเจาที่มาคารวะยามเช้า “หน้าหนาวปีนี้หิมะตกหนักไปบ้าง เกรงว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะเกิดน้ำท่วมแล้ว”
เฉียวเจาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
น้ำละลายจากหิมะมากขึ้นมิได้ก่อปัญหาน้ำท่วมอย่างเดียว ยังส่งผลให้ชาวเป่ยฉีกินไม่อิ่มท้อง ต่อให้เกรงกลัวกวนจวินโหวของต้าเหลียงปานใด เพื่อความอยู่รอดแล้วพวกเขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบเสงี่ยมแน่
ด้านซีเจียงซึ่งตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเช่นเดียวกัน และเป็นแว่นแคว้นเล็กๆ ที่อัตคัดขัดสนมาแต่ไหนแต่ไร ย่อมไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรในช่วงที่บังเกิดภัยธรรมชาติ พวกเขาคงสบช่องจับปลาในน้ำขุ่นตอนเป่ยฉีสร้างความวุ่นวายเป็นแน่แท้
เมื่อเป็นอย่างนี้ เซ่าหมิงยวนก็ต้องนำทัพออกรบบ่อยๆ อีกเช่นเคย
เฉียวเจาตระหนักได้ถึงจุดนี้ จึงพลันเริ่มกังวลใจกับกำหนดวันแต่งงานเสียแล้ว
แต่ฝ่ายเซ่าหมิงยวนนั้นกังวลใจยิ่งกว่านางเสียอีก
เท่าที่เขารู้จักพวกชาวต๋าจื่อ ในเดือนสองกับเดือนสามของทุกปีเป็นเวลาที่พวกนั้นแผลงฤทธิ์มากที่สุด แต่วันแต่งงานของเขากับเจาเจาเป็นเดือนสองพอดี…
ยามคิดถึงเรื่องนี้ทีไร เซ่าหมิงยวนก็ทุรนทุรายใจแทบทนไม่ไหว เขาต้องมีความแค้นกับเฒ่าจันทราแน่!
ไม่ได้ เขาต้องคิดหาหนทางดู ถ้าสามารถแหวกกฎให้เจาเจาแต่งเข้าเรือนมาตอนปลายปีได้ก็คงดี
ทว่าทางเซ่าหมิงยวนยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ด้านหลิวซื่อจู่ๆ ก็เจ็บท้องกะทันหัน
หลิวซื่อเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ก่อนหน้านี้ยังเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้วสองคน เมื่อได้หมอตำแยช่วยทำคลอดให้ เพียงสองชั่วยามเศษก็มีเสียงร้องไห้จ้าของเด็กทารกดังขึ้นในห้องคลอดบุตร
“ยินดีกับนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ ท่านได้บุตรชาย ตัวหนักถึงเจ็ดชั่งเชียวนะเจ้าคะ” คนทั้งห้องห้อมล้อมหลิวซื่อเอ่ยแสดงความยินดี
นางฝืนกำลังมองเด็กทารกผิวหนังยับย่นแวบหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมาโดยพลัน
“นายหญิงอย่าร้องไห้เลย ระวังจะเจ็บตานะเจ้าคะ”
หลิวซื่อยกมือเช็ดน้ำตาออก “พวกเจ้ารีบไปแจ้งข่าวดีต่อฮูหยินผู้เฒ่าเถอะ”
ขอบคุณฟ้าดิน แน่นอนว่าที่สำคัญกว่าคือขอบคุณคุณหนูสาม ข้ามีบุตรชายแล้วในที่สุด ภายภาคหน้าพวกเราสามแม่ลูกมีที่พึ่งพาแล้ว
สำหรับสามี…
หึๆ บัดนี้ข้ามีทั้งบุตรชายบุตรสาว ยังต้องการสามีไปด้วยเหตุใดเล่า กินต่างข้าวได้หรือ
จวนสกุลหลีมีทายาทชายเพิ่มขึ้นอีกคน พาให้ความโศกเศร้าจากการสูญเสียบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งบรรเทาเบาบางไปมาก นางสั่งให้สาวใช้แจกจ่ายเงินขวัญถุงเพื่อเป็นสิริมงคลไม่น้อย ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรื่นเริงยินดี
หลังหลิวซื่อคลอดลูกอย่างราบรื่น ตอนนี้ภายในจวนก็ไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงชั่วคราว แต่ช่วงนี้อากาศหนาวเหน็บจับใจ เฉียวเจาเลยซุกตัวอยู่บนเตียงเตาอ่านหนังสือเดินหมากรุกทั้งวันเป็นการฆ่าเวลา วันนี้เฉินกวงมาส่งข่าวบอกนางว่าเซ่าหมิงยวนรออยู่ที่เรือนด้านข้าง
เฉียวเจาสวมเสื้อกันหนาวและใส่รองเท้าหนังกวางเรียบร้อยแล้วพาปิงลวี่ไปที่นั่น
เซ่าหมิงยวนรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ เห็นนางมาถึงก็รีบกุมมือนางไว้ถ่ายทอดไออุ่นให้ “ระวังพื้นลื่น”
หิมะตกติดต่อกันหลายวัน แม้ว่าหิมะที่ทับถมกันบนพื้นหินศิลาเขียวในลานเรือนถูกกวาดออกไปด้านข้างให้เป็นทางเดินสะอาดราบเรียบแล้วก็ตามที แต่เซ่าหมิงยวนก็ยังคงเอ่ยเตือนขึ้น
“ตอนนี้อากาศหนาวเหลือเกิน” พอก้าวเข้าเรือน ไออุ่นก็แผ่ซ่านมา เฉียวเจาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ปิงลวี่ยังไม่ทันยื่นมือมา เซ่าหมิงยวนก็รับไปวางพาดบนราวแขวนเสื้อ
“หนาวแย่แล้วกระมัง” เซ่าหมิงยวนใช้สองมือประกบมือนางไว้แล้วถูไปมาเบาๆ “ไฉนไม่ถือเตาพกไว้สักอันเล่า”
“ใกล้แค่นี้เอง”
เซ่าหมิงยวนขยิบตากับเฉินกวง เขาก็ส่งยิ้มให้สาวใช้น้อย “ปิงลวี่ พวกเราไปปั้นตุ๊กตาหิมะกันดีหรือไม่”
นางเบะปากอย่างรังเกียจรังงอน “ไม่รู้จักโต ข้ามิใช่เด็กน้อยเสียหน่อย”
เฉินกวงกะพริบตาปริบ “ใช้หินโมราสีดำทำเป็นดวงตาเอาไหม ข้ายังสะสมทับทิมไว้เม็ดหนึ่ง เหมาะจะทำเป็นปาก”
“ไป!”
พอเห็นเฉินกวงล่อหลอกปิงลวี่ออกไปได้แล้ว เซ่าหมิงยวนก็แย้มยิ้มอย่างพอใจ เขาดึงเฉียวเจานั่งลงแล้วรินน้ำชาร้อนให้ถ้วยหนึ่ง
นางกุมถ้วยด้วยสองมือ ก่อนจะยกขึ้นดื่มคำหนึ่งแล้วถามยิ้มๆ “มีเรื่องใดหรือ”
อากาศหนาวขนาดนี้ เท่าที่นางรู้จักเซ่าหมิงยวน หากเขาไม่มีธุระ ไม่น่าจะอยากให้นางออกจากเรือน
“มีสองเรื่อง”
เฉียวเจากุมถ้วยแน่นขึ้นพลางมองหน้าเขา
“เรื่องแรก ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ”
เมื่อเห็นคนบางคนกล่าวถ้อยคำลดเลี้ยวเกี้ยวพาด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังแล้ว เฉียวเจากระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง “พูดเข้าเรื่อง”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะ” เซ่าหมิงยวนคับข้องหมองใจพอดู เขาเป็นคนจริงจังแบบนี้ เคยพูดไม่เป็นการเป็นงานเมื่อไรกัน
“เช่นนั้นเรื่องที่สองล่ะ”
ครานี้เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงถามหยั่งเชิง “เจาเจา พวกเราแต่งงานกันเร็วขึ้นเป็นอย่างไร”
เฉียวเจาอึ้งงันไป “ท่านอารองของข้าล่วงลับไปยังไม่ถึงสองปี…”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ เจ้าเพียงบอกว่ายินยอมแต่งงานกับข้าเร็วขึ้นหรือไม่”
นางนิ่งคิดแล้วพยักหน้าเบาๆ
ในเมื่อตกลงปลงใจกับคนตรงหน้าแล้ว เป็นธรรมดาที่นางวาดหวังว่าจะได้ออกเรือนไปอย่างราบรื่น อย่าให้เกิดอุปสรรคใดๆ อีก
เซ่าหมิงยวนเห็นนางพยักหน้าก็ระงับความดีใจไว้ไม่อยู่ รวบตัวนางเข้ามาจูบปากทีหนึ่ง
ริมฝีปากของเด็กสาวนุ่มนิ่มหอมกรุ่น เซ่าหมิงยวนแตะเบาๆ ทีเดียวแล้วไม่กล้าจูบต่อ เขาสะกดไฟปรารถนาที่พลุ่งขึ้นเอาไว้เงียบๆ พลางยกยิ้มมุมปาก “เจาเจา เจ้ารอเป็นเจ้าสาวได้เลย”
เฉียวเจายิ้มน้อยๆ “เช่นนั้นข้าจะรอ”
ทั้งคู่มองตากันอึดใจหนึ่ง จู่ๆ เซ่าหมิงยวนก็นึกอะไรขึ้นได้ “เจาเจา เจ้าเย็บเสื้อคลุมเจ้าสาวเสร็จแล้วหรือยัง”
รอยยิ้มตรงมุมปากนางนิ่งค้างไป
อย่าเอ่ยเรื่องขัดอารมณ์เช่นนี้ในเวลานี้ได้หรือไม่ จะให้เตรียมตัวออกเรือนอย่างเบิกบานสำราญใจบ้างไม่ได้หรือไร!
เซ่าหมิงยวนถูหน้าไปมา
ดูเหมือนจะพูดอะไรผิดไป!
“เอ่อ…ความจริงการตัดเย็บเสื้อคลุมเจ้าสาวซับซ้อนขนาดนั้น พวกเราจ้างหญิงเย็บผ้าก็แล้วกัน ไม่ต้องถือธรรมเนียมเคร่งครัดเฉกคนรุ่นก่อน”
แม่นางเฉียวพยักหน้า คนบางคนยังนับว่ามีไหวพริบดี
“แล้วผ้าคลุมศีรษะล่ะ”
เฉียวเจานิ่งงัน “…”
ข้าไม่ออกเรือนแล้ว!