หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 742
บทที่ 742
ในห้องหอเหลือเพียงคู่บ่าวสาว
ฟ้ามืดแล้ว ม่านแพรแดงถูกรวบขึ้น เปลวไฟที่ปลายเทียนไขลายหงส์เคียงมังกรแท่งใหญ่เท่าแขนทารกตรงระเบียงหน้าต่างลุกโชติช่วงสาดแสงสว่างไปทั่วห้อง
เซ่าหมิงยวนเดินมาถึงข้างกายเฉียวเจา แลมองร่างเล็กอ้อนแอ้นในชุดเสื้อคลุมเจ้าสาวหนาเทอะทะซับซ้อนที่นั่งอยู่ริมเตียงแล้วเริ่มประหม่าอย่างปราศจากเหตุผล เขาอ้าปากแล้วหุบปากก่อนจะพูดโพล่งขึ้นว่า “หิวหรือไม่”
เฉียวเจานิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงเอ่ยตอบ “ท่านเห็นว่าอย่างไรล่ะ”
เจ้าคนทึ่มผู้นี้ เรื่องนี้ยังต้องถามด้วยหรือ ข้าหิวมาสองสามวันแล้วขอที!
เซ่าหมิงยวนได้ยินแล้วประหม่ามากขึ้น เขาพูดโพล่งขึ้นอีกว่า “จะไปห้องเวจหรือไม่”
เฉียวเจาอึ้งงันไปเล็กน้อย “…”
นี่เป็นเรื่องที่ควรพูดในคืนเข้าหอหรือไม่ ไหนล่ะบรรยากาศรัญจวนใจที่นึกภาพไว้ ไหนล่ะที่ว่าหน้าแดงใจเต้น
“ถ้าอย่างนั้น…ข้าเปิดผ้าคลุมศีรษะแล้วนะ” เซ่าหมิงยวนเห็นว่าภรรยาคงกำลังเหนียมอายแล้วเลยหยิบไม้คันชั่งทองมาเปิดผ้าคลุมศีรษะ
ใบหน้าที่ผ่านการถอนขนอ่อนด้วยเส้นด้ายแล้วประทินโฉมอย่างพิถีพิถันของเด็กสาวเปล่งรัศมีความงามเฉิดฉาย เซ่าหมิงยวนมองจนตาลอยไม่กล่าววาจาใดอยู่นานครู่ใหญ่
แพขนตาของเฉียวเจากระพือขึ้นลงเบาๆ จากนั้นนางช้อนตาขึ้นมองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“คือว่า…เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนกัดปลายลิ้นเบาๆ ทีหนึ่ง แลมองเจ้าสาวโฉมงามจับตาจับใจอย่างหลงใหล “วันนี้เจ้างามมากจริงๆ”
เฉียวเจาคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “คนทึ่ม”
ท่าทางพูดดุอย่างกระเง้ากระงอดของเด็กสาวละม้ายขนนกนุ่มละเอียดสะกิดที่หัวใจเซ่าหมิงยวนอย่างซุกซน เขาได้แต่ยิ้มไม่หยุด
“ทึ่มไปแล้วจริงๆ หรือนี่” เปลวเทียนส่องแสงสีแดงเข้มๆ อ่อนๆ ไปทั่วทุกซอกมุมในห้องหอ น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนิ่มแต่เดิมของเด็กสาวแฝงรอยออดอ้อนชวนให้หวามใจอยู่หลายส่วนโดยไม่รู้ตัว “มิใช่แต่งงานครั้งแรกสักหน่อย ไฉนทำเหมือนเป็นคนเซ่อซ่าเร่อร่าไปได้”
เซ่าหมิงยวนนั่งลงชิดข้างกายนาง รอยยิ้มบนหน้าเขาขยายกว้างขึ้น “แม้จะไม่ใช่แต่งงานครั้งแรก แต่เข้าหอเป็นครั้งแรกนะ”
มุมปากของเฉียวเจากระตุกริก
ที่แท้เจ้าคนผู้นี้มิได้หัวทึ่มแม้สักนิด เป็นข้าที่โง่เขลาเอง!
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมากุมมือเล็กอ่อนนุ่มของเด็กสาว เขาบีบๆ มือนางแล้วยกมาวางทาบกลางอกตน “เจาเจา หนนี้พวกเราถึงได้จูงมือกันอย่างเปิดเผยแล้ว ต่อแต่นี้พวกเราเป็นสามีภรรยากัน จะใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างไร คนอื่นก็ว่ากล่าวอะไรไม่ได้”
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ
ฉะนั้นจุดสำคัญของเขาคือหลังจากนี้จะใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างไร คนอื่นก็ว่ากล่าวอะไรไม่ได้แล้วหรือ
“เจาเจา พวกเราไขว้แขนดื่มสุรากันก่อนเถอะ ดื่มเสร็จแล้วเจ้าจะได้ผลัดชุดพิธีการเต็มยศนี้ออกสักที”
หลังรินสุราเลิศรสลงจอกสุราเงินแท้สองใบที่ใช้ด้ายแดงผูกไว้ด้วยกัน ทั้งคู่เอาแขนไขว้กันกระดกดื่มรวดเดียวหมดเป็นอันเสร็จพิธีในขั้นตอนนี้
เฉียวเจาท้องว่างมานาน พอดื่มสุราจอกหนึ่งลงไป สองแก้มก็ซับสีแดงระเรื่อประหนึ่งดอกท้อเบ่งบานเต็มที่
สีหน้าชายหนุ่มเคลิ้มลอยไปอึดใจหนึ่ง เขาถึงเอ่ยเสียงพร่า “เจาเจา พวกเรามาผูกเส้นผมรวมกันเถอะ”
เขายื่นมือไปถอดมงกุฎดอกไม้บนศีรษะนางแล้วดึงพวกปิ่นปักผมกับหวีเสียบผมออกอย่างเงอะงะงุ่มง่าม เรือนผมยาวเฟื้อยก็แผ่สยายลงมาดุจม่านน้ำตก จากนั้นหยิบผมปอยหนึ่งของนางมาผูกกับผมของตนเอง ค่อยใช้กรรไกรที่มัดด้ายแดงไว้ตัดผมที่ผูกรวมกันไว้ออกมาเก็บใส่ในหีบใบเล็กงามประณีตที่เตรียมไว้แต่แรก
“ผูกผมรวมกันเป็นสามีภรรยา รักใคร่ครองคู่กันมิแหนงหน่าย” เซ่าหมิงยวนเพ่งมองเจ้าสาวโฉมสะคราญละลานตาพลางกล่าวเสียงนุ่ม “คราครั้งนี้พวกเราทำพิธีที่ติดค้างไว้จนครบถ้วนหมดแล้วนะ”
เปลวเทียนลายหงส์คู่มังกรมีสะเก็ดไฟแตกเปรี๊ยะทีหนึ่ง น้ำตาเทียนไหลย้อยลงทับถมกันเป็นก้อนขี้ผึ้งติดอยู่ตรงเชิงเทียนเคลือบทองคล้ายหินโมราสีแดง
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นยืนอย่างสุดแสนจะไม่เต็มใจ “เจาเจา ข้าไปล้างหน้าบ้วนปากก่อน ให้พวกสาวใช้มาช่วยเจ้าถอดชุดเจ้าสาวบนตัวออกเถอะ”
พอได้ถอดเสื้อคลุมเจ้าสาวหนาหนักออก เฉียวเจาระบายลมหายใจเฮือก หลังนางชำระกายเสร็จก็สวมชุดอยู่กับเรือนแล้วรวบผมขึ้นเป็นมวยง่ายๆ อาภรณ์ชุดใหม่ยังเป็นสีแดงเข้มดุจเก่า
ตอนนางกลับไปที่ด้านในของห้องอีกครา เซ่าหมิงยวนรอคอยอยู่ที่นั่นแล้ว
เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นกัน แต่เป็นเสื้อตัวในสีขาวสะอาดไม่มีเสื้อคลุมตัวนอก ภายในห้องจุดตี้หลงจนอบอุ่น สวมเสื้อชั้นเดียวกำลังดี
ชายหนุ่มในอาภรณ์ขาวเกลี้ยงราวหิมะ เรือนผมดำสนิทดุจขนกา อีกทั้งเพราะเพิ่งชำระกายมา นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกายประหนึ่งประดับด้วยดวงดาวทำให้คนเห็นแล้วละสายตาไม่ได้
อาจูหน้าแดงอย่างสุดระงับ นางก้มหน้าลงอย่างลุกลน
ขณะที่ปิงลวี่กลับมองซ้ำๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางนึกในใจว่า ท่านเขยก็ชวนมองอยู่มากเหมือนกันนะนี่
“แค่กๆ พวกเจ้าออกไปเถอะ” เฉียวเจารีบบอกให้สาวใช้สองนางออกไป
เซ่าหมิงยวนสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามาจูงมือนางเดินไปที่เตียง เขาชำเลืองดูชุดบนตัวนางที่เป็นเสื้อตัวสั้นคู่กระโปรงสีแดงเข้มปักลายดอกโบตั๋นเกี่ยวกระหวัดด้วยไหมทอง พลางอมยิ้มกล่าวขึ้น “ในห้องร้อนขนาดนี้ สวมเสื้อตัวในก็พอแล้วมิใช่หรือ”
เฉียวเจาไม่ปริปากพูด เพียงชายตามองเขาแวบหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนนิ่งขึงไป เขารู้สึกลำคอแห้งผากกะทันหัน
หรือว่ายังมีขั้นตอนที่เขาไม่ล่วงรู้ ใช่หรือไม่ว่าชุดใหม่ที่เจาเจาผลัดเปลี่ยนทีหลังควรให้เขาเป็นคนเปลื้องออก
“แค่กๆ” เขากำหมัดจ่อที่ปากแล้วไอเบาๆ กลบเกลื่อนอาการตื่นเต้น กล่าวเสียงพร่าว่า “ดึกมากแล้ว เจ้าง่วงหรือไม่”
เฉียวเจากุมมือตนเองแน่นๆ จนเส้นเอ็นตรงหลังฝ่ามือนูนขึ้นชัดเจน แพขนตายาวเฟื้อยของนางหลุบลง ดวงตาจับจ้องสองมือที่กุมประสานกัน
นางไม่หัวเสียกับคนโง่งม
“ง่วงแล้ว”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงันไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเสยผมทีหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ ข้าช่วยถอดชุดให้เจ้านะ”
“อื้อ” เฉียวเจาพยักหน้าด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย
ชายหนุ่มรู้สึกใจสั่นๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขายื่นมือไปแกะกระดุมห่วงถักตรงเรียวคอระหงของเด็กสาว แต่แกะอย่างไรก็แกะไม่ออก ไม่นานนักบนหน้าผากเขาก็มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายด้วยความร้อนรน
เฉียวเจาก็ไม่พูดเร่ง นางก้มหน้าหลุบตาต่ำรอคอยอย่างสงบนิ่ง
ทว่านางยิ่งนิ่งเฉยแบบนี้ คนบางคนก็ยิ่งมือไม้เก้งก้าง
สุดท้ายเซ่าหมิงยวนชะงักมือ เฉียวเจาช้อนตาขึ้นสบตาเขา ในดวงตานางฉายแววยิ้มๆ
ชายหนุ่มหน้าแดงน้อยๆ กล่าวขอขมาคำหนึ่ง
เฉียวเจายังไม่เข้าใจว่าคำขอขมานี้มีความหมายใดก็ได้ยินเสียงดังแควก นางรับรู้ได้ว่าสายลมระลอกหนึ่งพัดมากระทบหน้าอกเย็นวาบๆ
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สมควรทำแบบนี้แต่แรก!
ทว่าความกระหยิ่มใจนี้คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเขาเห็นภาพความงามอะร้าอร่ามตรงหน้าก็อึ้งงันไปหมด
เขาออกแรงมากเกินไปจนกระชากสายเสื้อเอี๊ยมกับเสื้อตัวในจนหลุดออกพร้อมกันด้วย
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี ท่านแม่ทัพมองเห็นสีหน้าของเจ้าสาวที่เริ่มบูดบึ้งแล้วตัวแข็งทื่อเหมือนหุ่นไม้
เฉียวเจารีบจับเสื้อบังทรงที่จะหลุดมิหลุดแหล่ไว้ นางกระแทกเสียงหนักๆ เรียกขานชื่อเขาทีละคำ “เซ่าหมิงยวน!”
นางประเมินความหน้าหนาของเขาต่ำเกินไปจริงๆ ตอนแกะกระดุมเสื้อนางเมื่อครู่คงคิดจะทำเช่นนี้แล้วกระมัง
แต่ที่น่าโมโหที่สุดคือถึงแม้ชุดนี้เป็นเพียงอาภรณ์ใส่อยู่กับเรือน แต่ท่านแม่ตัดเย็บให้นางอย่างสุดฝีมือแล้วสั่งให้อาจูปักลายดอกโบตั๋นไว้บนนั้น จึงมีความหมายต่อนางต่างไปจากชุดที่พวกช่างเย็บปักในเรือนทำออกมาโดยสิ้นเชิง ผลปรากฏว่าถูกเจ้าคนบ้าผู้นี้ทำขาดในชั่วอึดใจเดียว
ครั้นรับรู้ได้ว่าไฟโทสะของภรรยาลุกโชนขึ้นแล้ว เซ่าหมิงยวนก็รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “เจาเจา ข้าไม่ทันระวังออกแรงมากไปสักนิด ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ”
“หึๆ” เฉียวเจาเหยียดปากยิ้ม
วงหน้านวลเนียนของเด็กสาวแฝงรอยโกรธกรุ่นๆ พวงแก้มซับสีแดงระเรื่อละม้ายดอกกุหลาบที่ยังมีน้ำค้างเกาะอยู่ในสวนดอกไม้ยามรุ่งเช้า ทำให้บังเกิดความปรารถนาอยากเด็ดดมกะทันหัน
เซ่าหมิงยวนกอดนางไว้หมับ
เฉียวเจาร้องอุทานเบาๆ เสียงหนึ่งแล้วพูดเอ็ด “อย่าทำรุ่มร่าม รอข้าสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน”
เสียงหัวเราะขลุกขลักในลำคอดังขึ้นริมใบหู “ไม่ต้องสวมแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องถอดอยู่ดี”
เด็กสาวถูกอุ้มตัวลอยขึ้นจากพื้นด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลระลอกหนึ่ง ส่งผลให้ชายกระโปรงสีแดงเข้มบานพลิ้วปลิวสะบัดเหมือนริ้วคลื่นบนเสื้อตัวในสีขาวราวหิมะของอีกฝ่าย
เฉียวเจายื่นสองมือไปเกาะแขนทรงพลังของชายหนุ่มไว้ตามสัญชาตญาณ
“เซ่าหมิงยวน ท่าน...”
“ชู่ว์…เป็นเด็กดี อย่าเพิ่งพูด” เขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะวางเด็กสาวลงบนเตียง