หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 77
ปิงลวี่หันไปมองแล้วทำตาค้าง นางดึงแขนเสื้อเฉียวเจาเป็นพัลวัน “คุณหนู บุรุษรูปงามยิ่งนัก อา…รูปงามยิ่ง…”
ฉือชั่นยืนอยู่ใต้ต้นซิ่ง ได้ยินถ้อยคำนี้แล้วเอียงคอไปพูดกับจูเยี่ยนและหยางโฮ่วเฉิง “แม่นางน้อยนั่นไม่เท่าไร แต่สาวใช้ของนางกลับสายตาไม่เลว”
กล่าวจบเขาหันหน้ามองไปทางเฉียวเจา ดวงตาคู่งามหรี่ลง
คุณชายฉือยืนอยู่ใต้ต้นซิ่งรอเฉียวเจาเข้ามากล่าวทักทายอย่างไว้ตัว กลายเป็นองค์หญิงเจินเจินที่เดินมาหาหลังหายตกตะลึงในทีแรก
“ญาติผู้พี่” ยามอยู่ต่อหน้าฉือชั่น องค์หญิงเจินเจินปราศจากความรู้สึกเหนือกว่าในฐานะพระธิดาของฮ่องเต้โดยสิ้นเชิง พอคิดถึงว่าพระมารดาเป็นข้าทาสในเรือนผู้อื่นมาก่อน นางมีแต่จะคับอกคับใจ
“ข้ายังนึกว่าใคร ที่แท้องค์หญิงนั่นเอง” ฉือชั่นดูจะไม่อยากพูดจากับองค์หญิงเจินเจินอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเขามองเฉียวเจาอยู่ตลอด
องค์หญิงเจินเจินเข้าใจความหมายของเขาผิดไป นางเชิดหน้าพูดกับเฉียวเจา “เจ้ามานี่สิ”
ฉือชั่นตวัดหางตามององค์หญิงเจินเจิน พวกองค์หญิงชอบวางท่ากันนัก ช่างน่าเอือมระอาจริงๆ!
เฉียวเจาเห็นพวกฉือชั่นแล้ว บังเกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจดุจเดียวกัน ดังคำกล่าวที่ว่า ‘คนเราจากลาไปเพื่อกลับมาพบกันใหม่สักวัน’ นางจับชายกระโปรงให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปคารวะต่อคนทั้งสาม
องค์หญิงเจินเจินกล่าวขึ้นโดยไม่รอให้นางปริปาก “จะแสดงมารยาทไร้ความหมายพวกนี้ไปด้วยเหตุใด เจ้าบอกพวกข้ามาสิว่าการแสดงหยิบเหรียญในหม้อน้ำมันเมื่อครู่นี้มันเป็นอย่างไรกัน”
ถ้าไม่ใช่พลังวิเศษจากท่านเซียน เช่นนั้นใช้กลเม็ดอะไรตบตา
ฉือชั่นฝืนใจฟังจนจบแล้วคร้านจะอดทนต่อไป เขาพยักหน้าพลางพูดกับเฉียวเจาอย่างถือตัว “ตามข้ามา”
“…” เฉียวเจาอึ้งงัน ไม่พบกันนาน คนผู้นี้ยังคงทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้
ดวงตางดงามทั้งคู่ขององค์หญิงเจินเจินเบิกกว้างทันควัน นางฟังไม่ผิดกระมัง ญาติผู้พี่ฉือที่ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ กับสตรีมาก่อนถึงกับบอกเด็กสาวปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่งให้ตามเขาไปหรือ
นางมองเด็กสาวที่นิ่งเฉยไม่สะดุ้งสะเทือนแล้วอดคิดในด้านร้ายอย่างช่วยไม่ได้
นั่นสิ ต้องเป็นท่าทางโง่งมของเด็กสาวผู้นี้ที่ทำให้ญาติผู้พี่ไม่สบอารมณ์ เขาเลยอยากสั่งสอนนางนั่นเอง
ด้านฉือชั่นเห็นเฉียวเจาไม่มีท่าทีใดๆ มุมปากงามได้รูปเหยียดขึ้นอย่างไม่ชอบใจเสียแล้ว เขาเอ่ยเสียงเอื่อยๆ “มัวยืนทื่อทำอะไร พวกข้าจะเลี้ยงน้ำชาเจ้า”
เขาพูดพลางเตะหยางโฮ่วเฉิงทีหนึ่ง
หยางโฮ่วเฉิงกลอกตาขึ้นลับหลังเขา อยากชวนนางไปดื่มชาก็บอกตามตรงสิ จะลากข้ากับจูเยี่ยนไปทำอะไร
ถึงกระนั้นได้พบเฉียวเจาอีก หยางโฮ่วเฉิงยังคงดีใจเป็นอันมาก แต่ติดขัดที่องค์หญิงเจินเจินอยู่ด้วย จะแสดงท่าทางว่ารู้จักกันก็ไม่เป็นการดี เขาจึงเสพูดกลบเกลื่อนว่า “ใช่แล้ว น้องสาว พวกพี่ชายอยากชวนเจ้าไปดื่มชาด้วยกันสักหน่อย”
ฉือชั่นกับจูเยี่ยนงงงัน “…” ไยต้องทำสุ้มเสียงแบบเกี้ยวพาราสีหญิงสาวชาวบ้านเช่นนี้ด้วย ทำอย่างไรดี ชักอยากตีเจ้านี่ให้ตายนัก
หยางโฮ่วเฉิงเองก็นิ่งขึงไป อันที่จริงเขาไม่อยากพูดเช่นนี้เลย แต่ในสถานการณ์ที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักทั้งๆ ที่รู้จักกันเช่นนี้ คนซื่อๆ อย่างเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าสมควรรับมือเช่นใด ถึงได้ออกนอกลู่นอกรอยไปโดยไม่ตั้งใจ
“แค่กๆ ข้าหมายถึงว่าพวกพี่ชายมิได้ประสงค์ร้ายนะ แค่อยากดื่มน้ำชากับเจ้า…”
“หุบปากเสีย” ฉือชั่นสุดจะทนแล้ว เขาเงื้อฝ่ามือฟาดหยางโฮ่วเฉิงไปทีหนึ่ง
จูเยี่ยนมองเฉียวเจาอย่างอ่อนโยนเป็นมิตร เขาอมยิ้มพลางพูดแก้สถานการณ์ “คุณหนูอย่าได้ถือโทษ เป็นพวกข้าสนใจใคร่รู้เรื่องที่ท่านพูดเมื่อครู่นี้อย่างมาก ตรงนี้คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่เหมาะจะพูดคุยกัน ถึงได้คิดจะเชิญท่านไปที่เพิงน้ำชา พวกข้าจะได้ขอคำชี้แนะอย่างสะดวก”
ฉือชั่นคลายความหงุดหงิดลง อืม เคราะห์ดีมีสหายรักวาทศิลป์ดีผู้หนึ่ง
“ยังไม่ไปอีกหรือ” ความอดทนต่อคนนอกเช่นองค์หญิงเจินเจินของคุณชายฉือสิ้นสุดลงแล้ว เขาชายตามองเฉียวเจาแวบหนึ่งแล้วหมุนกายออกเดินไป
ดีชั่วก็เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต เฉียวเจาใคร่ครวญเพียงชั่วประเดี๋ยวก็ก้าวเท้าตามไป แต่ติดขัดที่นิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายของใครบางคน นางจึงเดินไปกับจูเยี่ยน
ฉือชั่นเหลือบมองทางหางตาแล้วแค่นเยาะเสียงหนึ่ง
เขาจะจับคนกินหรืออย่างไร
องค์หญิงเจินเจินเห็นพวกเขาเดินผ่านหน้าตนไปทีละคน นางทั้งตะลึงพรึงเพริดทั้งงุนงงอยู่บ้าง จะออกเดินตามไป
ฉือชั่นชะงักฝีเท้า หันหน้ามา “ไม่ได้เรียกเจ้า”
องค์หญิงเจินเจินหน้าแดงก่ำทันควัน น้ำตาคลอเบ้าทั้งสองตาด้วยความโกรธระคนอับอาย แต่นางฝืนกลั้นไว้สุดกำลังถึงไม่ไหลรินลงมาต่อหน้าผู้คน
นางกับฉือชั่นเป็นญาติผู้พี่ผู้น้องกัน ต่อให้ไม่ถึงกับเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เขาไม่จำเป็นต้องแล้งน้ำใจปานนี้กระมัง นางยังมีเกียรติเทียบไม่ได้กับเด็กสาวปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่โผล่มาจากที่ใดก็สุดรู้เชียวหรือนี่
ดีชั่วนางก็เป็นองค์หญิงแห่งราชสำนัก แล้วนางเด็กน้อยผู้นี้เป็นใครกันแน่ ก่อนหน้าก็ทำให้ท่านซือไท่เรียกตัวเข้าพบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มิหนำซ้ำยังรั้งตัวให้อยู่กินอาหาร ตอนนี้พบกับพวกฉือชั่น ยังได้รับคำชวนไปดื่มน้ำชาอีก
ไม่สำคัญว่าเป็นเหตุผลใด นางไม่เคยได้ยินว่ากลุ่มสหายเล็กๆ ของฉือชั่นกลุ่มนี้เคยยอมรับคนอื่น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป็นสตรี
ประเดี๋ยวก่อน ในหนังสือเรื่องเล่าที่นางแอบอ่านเมื่อไม่นานมานี้มีนางปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่งที่ล่อลวงมอมเมาใจคนได้
“นางปีศาจ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” องค์หญิงเจินเจินตะคอกเสียงปึ่งชา
พวกฉือชั่นสามคนยืนนิ่งทันใด หันหน้าไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลกใจพร้อมกัน
เฉียวเจาซึ่งถูกเรียกว่า ‘นางปีศาจ’ เดินต่อไปไกลระยะหนึ่งถึงหันหลังมาเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “พวกท่านหยุดทำอะไรหรือ”
“…” พวกฉือชั่นสามคนนิ่งงัน นั่นสิ องค์หญิงเจินเจินเรียกนางปีศาจ แล้วพวกเขาหยุดด้วยเหตุใด
“เจ้าไม่เต็มเต็งหรือไม่” ฉือชั่นเลิกคิ้วพลางถาม
ธรรมดาองค์หญิงเจินเจินมิใช่คนวู่วามเฉกนี้ แต่เกิดเรื่องเหลือเชื่อติดๆ กันเรื่องแล้วเรื่องเล่าทำให้นางงุนงงไปหมด นางกัดริมฝีปากพลางชี้ไปที่เฉียวเจาแล้วกล่าวว่า “มิใช่ข้าไม่เต็มเต็งนะญาติผู้พี่ เป็นนางต่างหากที่มีปัญหา!”
ฉือชั่นหมุนกายกลับไป โบกพัดด้ามจิ้วทาสีทองในมือไปมาพร้อมไต่ถาม “นางมีปัญหาอะไร”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจูเยี่ยนเลือนหายไป เขามององค์หญิงเจินเจินด้วยสายตาสงบนิ่ง
หยางโฮ่วเฉิงเบิกตากว้างๆ มองเฉียวเจาซ้ำไปซ้ำมา “ปัญหาอะไรหรือ ข้าดูไม่ออกเลย” เป็นองค์หญิงก็พูดจาเหลวไหลได้ด้วยหรือ
ฉือชั่นหุบพัดแล้วใช้มันเคาะศีรษะหยางโฮ่วเฉิง บอกเสียงเบาๆ ว่า “อย่าดูส่งเดช!”
เขาก็แค่อยากฟังเบื้องหลังของการแสดงหยิบเหรียญในหม้อน้ำมันเท่านั้น ประเดี๋ยวคนที่ไม่รู้เรื่องราวจะนึกว่าพวกเขาสามคนคิดจะทำอะไรหรอก
องค์หญิงเจินเจินเม้มปากแล้วกล่าวถาม “พวกท่านไม่สังเกตเห็นเลยหรือว่านางพิลึกพิลั่นมาก เพิ่งเจอหน้ากันครั้งเดียวพวกท่านก็อยากชวนนางไปดื่มชาแล้ว ข้าได้ยินว่ามีพวกที่ฝึกวิชามารจะมีความสามารถทำเช่นนี้ได้”
ฉือชั่นแค่นหัวเราะ
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงสบตากันแล้วพากันหัวเราะตาม
เจอหน้ากันครั้งเดียวอะไรกัน พวกเขากับคุณหนูหลีน่ะอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำตั้งหลายวัน
แต่จะบอกว่าแม่นางน้อยผู้นั้นพิลึกพิลั่นน่ะหรือ ก็มีส่วนถูกนิดหน่อยจริงๆ เพราะพวกเขาไม่เคยพบเคยเห็นแม่นางน้อยที่เก่งกาจถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
“พวกท่านหัวเราะอะไร” แม้นไม่มีใครกล่าววาจา แต่องค์หญิงเจินเจินกลับรู้สึกว่ากำลังถูกหัวเราะเยาะยกใหญ่ นางพูดเน้นเสียงหนักมากขึ้น “พวกท่านอย่านึกว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นนะ นางมีปัญหาจริง…”
“พอที” ความอดทนของฉือชั่นขาดผึง เขากล่าวเสียงเย็น “เรื่องของพวกข้า ไม่รบกวนองค์หญิงให้ต้องวุ่นวายใจแล้ว”
ว่าแล้วเขาก็หมุนกายออกเดินไป แต่จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงยังละล้าละลังอยู่บ้าง
จะอย่างไรนางก็เป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ หากมีเรื่องหมางใจกันใหญ่โต ฉือชั่นอาจไม่ใส่ใจได้ ขณะที่เขากับหยางโฮ่วเฉิงกลับรับผิดชอบได้ลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น…
เขามองเด็กสาวที่ไม่พูดไม่จาอย่างวิตกกังวลแวบหนึ่ง ลอบคิดคำนึงว่า ฉีกหน้าองค์หญิงถึงเพียงนี้ วันหน้าคุณหนูสามสกุลหลีคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
กระนั้นเขาเห็นสีหน้าเยือกเย็นของเฉียวเจาแล้วก็อยากหัวร่ออยู่บ้าง
เข้าตำราที่ว่า ‘ฮ่องเต้ไม่ร้อนพระทัยขันทีร้อนใจแทน’ ดูท่าทางของคุณหนูหลีผู้นี้แล้วไม่เหมือนจะหวาดกลัวแต่อย่างใด
เฉียวเจาคล้ายอ่านความคิดของจูเยี่ยนได้ นางช้อนตาขึ้นพยักหน้ากับเขาเล็กน้อย จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปกล่าวเชื้อเชิญองค์หญิงเจินเจิน “ถ้าองค์หญิงสนพระทัยรับฟัง มิสู้ไปเสวยสุธารสชาด้วยกันดีหรือไม่เพคะ”