หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 771
บทที่ 771
โอวหยางเวยอวี่ล้มคว่ำลงกับพื้น ร่างพลิกหงายขึ้นตามแรงกระแทกเผยให้เห็นใบหน้าของนาง หน้าผากขาวผ่องโหนกนูนในทีแรกบุบเข้าไป โลหิตสีแดงไหลทะลักออกมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ทุกคนตะลึงงันไป
“เชิญหมอมาเร็วเข้า!” หยางอวิ้นจือร้องสั่งเสียงดัง
ฉือชั่นเดินเข้าไปโน้มกายลงสำรวจดู เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีประโยชน์แล้ว”
โลหิตที่ยังอุ่นร้อนเริ่มไหลกระจายไปถึงเท้าของทุกคนอย่างรวดเร็ว สตรีอ่อนเยาว์ที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อครู่นี้กลายเป็นศพเย็นชืดในชั่วพริบตา อีกทั้งตายในสภาพน่าอเนจอนาถเช่นนี้ พวกเขาต่างรู้สึกสะเทือนใจและเชื่อในคำกล่าวโทษของโอวหยางเวยอวี่แล้ว
ทว่าเชื่อแล้วจะมีอันใดเล่า มีเพียงคำกล่าวโทษของสตรีนางหนึ่ง แต่ไม่อาจหาหลักฐานมัดตัวได้ก็เอาผิดหลันซงเฉวียนไม่ได้อยู่ดี
นางตายอย่างสูญเปล่าเสียแล้ว
คนไม่น้อยคิดเงียบๆ แล้วนึกเสียดายอยู่ในใจ
ฉือชั่นหลุบตามองศพของโอวหยางเวยอวี่ปราดหนึ่งค่อยหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดจากอกเสื้อออกมาปิดหน้านางไว้ เขายืดตัวขึ้นแล้วไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ตายอย่างสูญเปล่าหรือ ไม่…คนที่ตายไปจะอย่างไรก็ต้องไม่สูญเปล่า
ตอนที่เขาตามหาตัวโอวหยางเวยอวี่พบก็รู้แล้วว่าสตรีผู้นี้คงมีชีวิตอีกไม่นานแล้ว นางมีแรงใจยืนหยัดอยู่ต่อมาเพื่อจะได้บอกเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ในศาล
อันว่าเขื่อนยาวพันลี้พังทลายเพราะรังมด*
ความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อหลันซานไม่เป็นดังเช่นในกาลก่อน พินิจจากท่าทีของฮ่องเต้หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างในช่วงสองปีนี้ก็พอจะสังเกตเห็นเค้าลางได้แล้ว
ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่ารุ่ยอ๋องเป็นหรือตาย อีกทั้งตัวการที่ทำให้รุ่ยอ๋องตกอยู่ในอันตรายยังชี้เป้าไปที่หลันซงเฉวียน กอปรกับเรื่องที่โอวหยางเวยอวี่จบชีวิตอย่างน่าอนาถ ขอเพียงเดินแผนขั้นต่อไปอย่างรัดกุม ก็คือการกำหนดวันตายของหลันซงเฉวียนแล้ว
“ท่านข้าหลวงฉือจะไปที่ใดหรือ” เห็นฉือชั่นเดินออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หยางอวิ้นจืออดถามขึ้นไม่ได้
“ย่อมจะกลับไปเขียนฎีกาน่ะสิ”
“นี่ท่าน...” หยางอวิ้นจือส่งเสียงเรียกแต่หยุดฝีเท้าของฉือชั่นไว้ไม่ได้ เขาได้แต่มองไปทางหลันซงเฉวียน
เขาปรายตามองศพของโอวหยางเวยอวี่อย่างเหยียดหยามก่อนกล่าวเสียงเยาะๆ “ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว ใต้เท้าหยางยังจะไต่สวนต่อไปหรือไม่ ข้าจำได้ว่าคดีเที่ยวหอคณิกามิได้อยู่ในความดูแลของกรมอาญากระมัง”
หยางอวิ้นจืออ้าปากแล้วหุบปาก
หลันซงเฉวียนก้าวข้ามศพของเด็กสาวเดินปราดๆ ออกไป
จวบจนไม่เห็นเงาของหลันซงเฉวียน หยางอวิ้นจือถึงกล่าวเสียงพึมพำ “รังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ”
ฉือชั่นเขียนฎีกาตำหนิติเตียนหลันซงเฉวียนอย่างรุนแรงแล้วนำขึ้นถวายอย่างว่องไว
ฮ่องเต้หมิงคังอ่านจบก็ขว้างฎีกาลงไปบนโต๊ะทรงพระอักษรอย่างหงุดหงิดใจเต็มที
สองพ่อลูกสกุลหลันคู่นี้นับวันยิ่งไม่รู้กาลเทศะขึ้นทุกที ทั้งที่เขากำลังกลัดกลุ้มอยู่อย่างนี้ยังก่อปัญหาเรื่องแล้วเรื่องเล่าอีก
หรือว่าที่เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าห้า หลันซงเฉวียนมีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวฮ่องเต้หมิงคัง เขายกมือนวดๆ ขมับพลางกล่าวอย่างอ่อนล้า “เว่ยอู๋เสีย เชิญท่านราชครูมาซิ”
ฮ่องเต้ชุบเลี้ยงพวกนักพรตไว้ในวังหลวงอยู่แล้ว ราชครูจางจึงมาถึงอย่างรวดเร็วมาก
“ท่านราชครู พักนี้เราเก็บตัวจำศีลแล้วเกิดเรื่องขึ้นไม่หยุดหย่อน สั่งให้รุ่ยอ๋องไปขอพรที่เขาหลิงไถหมายจะแก้เคล็ด ใครจะรู้ว่าตอนนี้รุ่ยอ๋องเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้ นี่มันเพราะอะไรกันแน่”
“ฝ่าบาททรงอย่าเพิ่งตื่นตระหนก กระหม่อมขอคำนวณดูก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจางหลับตาลงขยับนิ้วมือไปมาไม่หยุดด้วยท่าทางของผู้มีญาณตบะสูงส่ง
เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชาราชครูจางลืมตาขึ้นมองฮ่องเต้หมิงคังด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“ท่านราชครู เป็นอย่างไรบ้าง”
ราชครูจางถอนใจเบาๆ “ฝ่าบาท สถานการณ์ไม่เป็นไปในทางที่ดีจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“นี่หมายถึงอะไร” ฮ่องเต้หมิงคังเชื่อถือราชครูจางมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนจำศีลคราวนั้นทุกอย่างราบรื่นดีหลังจากได้รับคำชี้แนะจากเขา ส่งผลให้พระองค์ให้ความสำคัญกับคำพูดของเขายิ่งขึ้น
“ฤดูหนาวปีก่อนหิมะตกหนักไม่ขาดสาย ขุนนางใหญ่กุมอำนาจมักพบความอยุติธรรม ฤดูใบไม้ผลิปีนี้เกิดเภทภัยทุกหัวระแหง ขุนนางสอพลอเฟื่องฟูก่อเกิดความไม่สงบในแผ่นดิน ฝ่าบาท นี่เป็นอิทธิพลของดาวราหูโคจรเข้าทับรัศมีดาวกษัตริย์…”
ฮ่องเต้มีสีหน้าบูดบึ้ง “ท่านราชครู ดาวราหูนี้น่าจะหมายถึงผู้ใด”
ราชครูจางส่ายหน้าไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
ฮ่องเต้หมิงคังผิดหวังอยู่มาก เขาแจ่มแจ้งดีว่าความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย แต่หากไม่กำจัดดาวราหู เขาคงกินไม่ได้นอนไม่หลับจริงๆ
“ฝ่าบาท กระหม่อมกำลังปรุงยาลูกกลอนคืนวสันต์เก้าหลอมเพื่อเสริมบุญบารมีเพิ่มอายุขัยให้พระองค์ ขณะนี้มาถึงตอนที่จะทำเป็นยาลูกกลอน…”
“ท่านราชครูไปทำงานของท่านเถอะ”
หลังราชครูจางออกไป ฮ่องเต้หมิงคังขบคิดคำพูดของเขาซ้ำไปซ้ำมา จู่ๆ ได้ยินเสียงรายงานของเว่ยอู๋เสีย “ฝ่าบาท สมุหราชเลขาธิการหลันขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“สมุหราชเลขาธิการหลัน?” ฮ่องเต้หมิงคังสะดุดใจวูบหนึ่ง เขานึกไปถึงดาวราหูอย่างปราศจากเหตุผล
“เรียกเขาเข้ามา”
หลันซานมาในเวลานี้เพื่อช่วยพูดให้หลันซงเฉวียนบุตรชายตน
เขารู้ข่าวที่บุตรสาวของผู้ตรวจการโอวหยางเอาศีรษะพุ่งชนเสาจบชีวิตกลางศาลแล้ว ทางหนึ่งโมโหที่หลันซงเฉวียนเดินส่ายอาดๆ ออกไป ทางหนึ่งก็ปวดเศียรเวียนเกล้ากับฎีการ้องเรียนของฉือชั่น
หลันซานรู้จักฮ่องเต้หมิงคังดี
หากเป็นแต่ก่อนต่อให้คดีที่บุตรชายเขาลอบปองร้ายโอวหยางไห่มีหลักฐานแน่นหนา ฮ่องเต้ยังคงยับยั้งเรื่องนี้ไว้เพื่อปกป้องพวกเขาสองพ่อลูก แต่บัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีก ฮ่องเต้แสดงท่าทีหงุดหงิดรำคาญพวกเขาให้เห็นแล้ว เช่นนั้นพอเรื่องที่บุตรสาวของโอวหยางไห่ใช้ความตายพิสูจน์ข้อกล่าวหาแพร่มาถึงพระกรรณจะต้องทำให้ฮ่องเต้รู้สึกกับพวกเขาในแง่ร้ายมากยิ่งขึ้น
แทนที่จะรอให้ฮ่องเต้พิโรธโกรธกริ้วตอนเรียกตัวบุตรชายมาเข้าเฝ้าวันพรุ่งนี้ เขามาขอพระราชทานอภัยก่อนจะเหมาะสมกว่า อย่างน้อยฮ่องเต้คงเห็นแก่ที่เขาทุ่มเทกายใจทำงานรับใช้มานานยี่สิบกว่าปี ไม่ลงทัณฑ์พวกเขาพ่อลูกในตอนนี้
เมื่อฟังหลันซานกล่าวขอพระราชทานอภัยโทษจบ ฮ่องเต้หมิงคังไม่พูดไม่จาอยู่นาน เพียงก้มลงมองพินิจหลันซานที่หมอบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีครุ่นคิด
อิทธิพลของดาวราหู ขุนนางสอพลอกุมอำนาจ หรือว่านี่จะหมายถึงหลันซานกับบุตรชาย?
ฮ่องเต้หมิงคังยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าต้องเป็นเช่นนี้
จะโทษว่าเขาคิดมากไม่ได้ หลายปีมานี้เขาวุ่นวายอยู่กับการบำเพ็ญตบะ เรื่องราวต่างๆ ในราชสำนักแทบจะมอบหมายให้หลันซานสะสางหมดทุกอย่าง ถ้าพูดถึงขุนนางใหญ่ที่กุมอำนาจ นอกจากหลันซานแล้วยังมีผู้ใดอีก
“เอาล่ะ เรารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ” ฮ่องเต้หมิงคังตีความได้แล้วว่าดาวราหูหมายถึงหลันซาน ยามมองเขาอีกทีก็เริ่มชังน้ำหน้าขึ้นมา
หลันซานเห็นฮ่องเต้หมิงคังทำสีหน้าแปลกๆ ไหนเลยจะกล้าพูดจามากความ จึงรีบขอพระราชทานอภัยแล้วโขกศีรษะขอตัวออกไป
“เว่ยอู๋เสีย ไปถามไถ่ซิว่ายาลูกกลอนคืนวสันต์เก้าหลอมของท่านราชครูปรุงเสร็จแล้วหรือยัง”
เว่ยอู๋เสียยังไม่ทันขานรับ เขาก็เปลี่ยนใจอีก “ช่างเถอะ เราไปดูเองดีกว่า”
น่าหงุดหงิดนัก เมื่อครู่อยู่ในห้องเดียวกับดาวราหูแล้ว!
ฮ่องเต้หมิงคังเดินไปถึงห้องปรุงโอสถ เห็นราชครูจางวิ่งพรวดออกมาในสภาพหน้าตามอมแมม
“ท่านราชครู นี่เกิดอะไรขึ้น”
“ทำยาลูกกลอนไม่สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังร้อนใจทันใด “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
ราชครูจางปัดๆ เคราที่ไหม้เกรียม “ตอนเปิดเตาเมื่อครู่กระหม่อมก็รู้สึกจิตใจไม่สงบ น่าจะเป็นเพราะปะทะกับดาวราหูพ่ะย่ะค่ะ”
ในใจฮ่องเต้หมิงคังตึงเครียดขึ้นทันควัน
ดาวราหูคือหลันซานจริงๆ!
* เขื่อนยาวพันลี้พังทลายเพราะรังมด เป็นสำนวน หมายถึงเรื่องเล็กน้อยหากไม่ใส่ใจระมัดระวังก็อาจก่อความเสียหายยิ่งใหญ่