หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 780
บทที่ 780
เขาชิงเหลียงตั้งอยู่ระหว่างอำเภอเหออวี๋กับเมืองเป่ยติ้ง เนื่องด้วยมีลักษณะภูมิประเทศผิดจากสามัญ พอถึงช่วงอากาศร้อนจัดที่นั่นจะเย็นสบายเป็นพิเศษ จึงมีการสร้างพระตำหนักเอาไว้ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนๆ และกลายเป็นสถานที่ประทับพักร้อนอันสวยงามของโอรสสวรรค์มาทุกๆ รัชสมัย
แต่พอมาถึงรัชศกหมิงคัง เพราะฮ่องเต้หมกมุ่นอยู่กับการจำศีลบำเพ็ญตบะ เป็นธรรมดาที่จะไม่มีเวลาไปหลบร้อนที่เขาชิงเหลียง ดังนั้นเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์เลยไม่เคยได้พึ่งใบบุญอย่างแน่นอน
ครั้นเพลานี้มีข่าวเดินทางไปหลบร้อนที่เขาชิงเหลียงแพร่ออกมา ทุกๆ จวนในเมืองหลวงที่มีสิทธิ์ตามเสด็จล้วนตื่นเต้นยินดีสุดประมาณ โดยเฉพาะบรรดาสตรีที่จะได้ติดตามไปด้วยเริ่มจัดข้าวของสัมภาระกันแล้ว
เซ่าหมิงยวนเป็นหนึ่งในรายชื่อคนที่จะเดินทางไปอย่างมิต้องสงสัย ส่วนเฉียวเจาก็อยู่ในขบวนผู้ติดตามในฐานะฮูหยินของกวนจวินโหว
ปกติฉือชั่นไม่ชมชอบเข้าร่วมกับเรื่องพวกนี้ แต่เรื่องที่องค์หญิงใหญ่ฉางหรงตั้งครรภ์ก็เป็นหนามตำใจเขา บัดนี้ครรภ์ของนางไม่เล็กแล้ว เขาเห็นทีไรก็อัดอั้นตันใจอย่างยิ่งทุกที ด้วยเหตุนี้เขาจึงฉวยโอกาสนี้เดินทางไปที่อื่นเสียเลย ถือคติว่าไม่เห็นไม่เป็นทุกข์
ฮ่องเต้หมิงคังทำการใดรวดเร็วฉับไว ไม่นานก็ถึงวันออกเดินทางแล้ว
รถม้าหรูหรานับไม่ถ้วนแล่นเนิบนาบออกจากเมืองหลวงมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือภายใต้การคุ้มกันอารักขาขององครักษ์จากกองกำลังรักษาวัง
ผู้ที่นั่งในรถม้าล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ผิวบาง ย่อมจะเร่งความเร็วไม่ได้ จนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวันก็หยุดจอดกลางทางซึ่งไม่มีวี่แววของผู้คนอยู่อาศัย
ดวงตะวันร้อนแรงลอยอยู่กลางฟ้า ฮ่องเต้กับไทเฮามีขันทีนางกำนัลโขยงหนึ่งห้อมล้อมปรนนิบัติ โดยเฉพาะจุดที่ฮ่องเต้ประทับพักผ่อนจะตั้งอ่างน้ำแข็งอยู่รอบๆ จนเต็ม สุขสบายไม่ต่างจากในวัง แต่คนอื่นๆ กลับอยู่ในสภาพน่าอนาถยิ่งนัก
ไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางใหญ่ในราชสำนัก อยากได้อ่างน้ำแข็งคลายร้อนเป็นเรื่องละเมอเพ้อพก ถึงเป็นท่านอ๋องทั้งสองยังได้แต่นั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้
รุ่ยอ๋องยังไม่ตบแต่งชายาเอกเข้าวัง คนที่เดินทางมากับเขาหนนี้คือหลีเจี่ยวที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นชายารอง
ขณะนี้นางถือพัดกลมโบกลมให้เขาอยู่ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็มีเหงื่อผุดซึมตรงปลายจมูก
“ให้พวกสาวใช้ทำก็ได้ เจ้าพักบ้างเถอะ” รุ่ยอ๋องบีบมือของหลีเจี่ยวอย่างประทับใจในความเอาใจใส่ของนาง
“ได้ออกมาท่องเที่ยวกับท่านอ๋องเป็นบุญวาสนาของหม่อมฉัน เป็นธรรมดาที่พึงควรถวายการปรนนิบัติอย่างดีเพคะ” หลีเจี่ยวกล่าวเสียงนุ่ม
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังลอยมา “พี่ห้าช่างโชคดีจริงๆ”
รุ่ยอ๋องหันไปมองมู่อ๋องซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้อีกต้น
มู่อ๋องสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าคราม รูปงามหล่อเหลา ดูไปก็คล้ายคุณชายตระกูลสูงศักดิ์มั่งคั่งผู้หนึ่ง ยามนี้เขาโบกพัดไปมาพลางทอดสายตามองอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้างจนดวงตายิบหยี
มู่หวังเฟยได้ยินเขากล่าวเช่นนี้แล้วก็ทำสีหน้าเป็นปกติ แต่ตวัดสายตามองหลีเจี่ยวปราดหนึ่ง
หลีเจี่ยวหลุบตาลงต่ำโบกพัดไปเรื่อยๆ
มู่หวังเฟยเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลอบยิ้มเยาะ สมควรแล้วที่เป็นอนุ มีสาวใช้ตั้งหลายคนกลับไม่เรียกใช้ เสนอตัวจะโบกพัดเอง เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษแล้วไม่ว่าเรื่องใดก็กระทำได้หมดจริงๆ
นางคิดเช่นนี้แล้วกลอกตามองสามีพลางค่อนขอดอยู่ในใจ น่าชังที่บุรุษก็ชื่นชอบเช่นนี้เสียด้วย มิน่าเล่าจึงรับอนุคนแล้วคนเล่า
รุ่ยอ๋องไม่ช่างคุยอย่างมู่อ๋อง ได้ยินเขากล่าวคำนี้ก็ยกยิ้มแล้วดึงสายตากลับ เอ่ยกับหลีเจี่ยวว่า “เจี่ยวเหนียง ข้าได้ยินว่าคราวนี้ฮูหยินของกวนจวินโหวก็มาด้วย เจ้าจะไปทักทายสักหน่อยหรือไม่”
แม้ว่านางไม่เต็มใจ แต่จับสังเกตได้รางๆ ว่ารุ่ยอ๋องตั้งใจจะดึงกวนจวินโหวมาเป็นพวก ในเวลาอย่างนี้รุ่ยอ๋องไม่สะดวกจะออกหน้า ส่วนนางไปทักทายน้องสาว ไม่ว่าใครก็หาข้อจับผิดไม่ได้
แต่คิดถึงว่านางเป็นพี่สาว กลับต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายน้องสาวจะอย่างไรก็รู้สึกคับแค้นใจอยู่บ้าง
แน่นอนว่าความคิดนี้ผุดขึ้นชั่ววูบเท่านั้น หลีเจี่ยวปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว นางส่งยิ้มให้รุ่ยอ๋องพลางเอ่ย “ก่อนออกจากวังหม่อมฉันเตรียมผลไม้แห้งแก้ร้อนในมาบ้าง ประเดี๋ยวนำไปมอบให้น้องเจาได้พอดีเพคะ”
รุ่ยอ๋องพยักหน้าอย่างพึงใจ
กวนจวินโหวมีฐานะสูงส่ง อันที่จริงเขานั่งพักอยู่ไม่ไกล หันหน้าไปก็มองเห็นความเคลื่อนไหวกันได้ แต่รุ่ยอ๋องมีความระวังตัวอยู่มาก ยามอยู่ต่อหน้าผู้คนจะแสดงท่าทางสนิทสนมกับเซ่าหมิงยวนไม่เป็นการดี
หลีเจี่ยวหิ้วกล่องอาหารเดินไปหาเฉียวเจาด้วยตนเอง แต่นางเดินไปได้ครึ่งทางก็ก้าวขาไม่ออกแล้ว
ใต้เงาไม้ร่มครึ้ม เซ่าหมิงยวนถือพัดโบกลมให้เฉียวเจาอยู่ เสียงหัวเราะนุ่มเบาของสตรีลอยมาตามลม “ข้าทำเองก็ได้ ไหนเลยต้องให้ท่านพัดให้ด้วยเล่า”
“เจ้าพัดเองจะเมื่อยมือนะ”
“ยังมีปิงลวี่กับอาจู” การเดินทางครั้งนี้นอกจากเหล่าผู้สูงศักดิ์ในวังแล้ว คนอื่นๆ ล้วนพยายามนำสัมภาระและผู้ติดตามมาให้น้อยที่สุด เฉียวเจาเลยพาเพียงปิงลวี่กับอาจูมาเท่านั้น
“สาวใช้จะแรงดีเท่าข้าที่ใดกัน” บุรุษร่างสง่าผ่าเผยนั่งหันหลังให้หลีเจี่ยว เสียงพูดของเขากังวานใสแฝงความอ่อนโยน
นางมองดูอยู่ข้างๆ พลางนึกไปถึงภาพตนเองโบกพัดให้รุ่ยอ๋องอย่างระมัดระวังเมื่อครู่แล้วละม้ายโดนเข็มแทงตรงกลางอกทีหนึ่งกะทันหัน เจ็บปวดจนนางแทบยืนทรงตัวไม่อยู่
ความสำนึกเสียใจผุดขึ้นในใจหลีเจี่ยวเป็นคราแรก
หากตอนนั้นนางเข้าพิธีมงคลเป็นภรรยาของคนที่ท่านย่าจัดการให้ตามประเพณี คนผู้นั้นจะปฏิบัติต่อนางเฉกนี้หรือไม่นะ
ทว่านางสลัดความคิดไร้สาระนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ท่านย่าตั้งใจจะให้นางออกเรือนไปที่ตระกูลชาวนา บุรุษเทือกเถาเหล่ากออย่างนั้นอย่าว่าแต่โบกพัดให้นาง ถึงถือรองเท้าให้นางก็ยังรังเกียจเดียดฉันท์!
ไม่มีอะไรน่าอิจฉา ขอเพียงท่านอ๋องได้ครองบัลลังก์ อย่างน้อยนางต้องได้รับตำแหน่งพระสนมเอก ถึงตอนนั้นหลีซานต้องคุกเข่าให้นางอยู่ดี
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของมู่หวังเฟย นางหลุดหัวเราะเบาๆ
พี่น้องจากตระกูลเดียวกัน แต่มีน้ำหนักในใจบุรุษต่างกันโดยสิ้นเชิง เห็นได้ว่าคนที่ยินยอมเป็นอนุเองนั้นคือพวกใฝ่ต่ำโดยกำเนิด
เสียงหัวร่อแผ่วเบานี้ทำให้หลีเจี่ยวดึงความคิดคืนมาทันควัน
มาตรว่ามู่หวังเฟยมิได้กล่าวสักคำ แต่นางกลับรู้สึกหน้าชาวาบๆ อย่างร้อนตัว จึงเร่งฝีเท้าเดินไปเบื้องหน้าเฉียวเจา
เฉียวเจาเก็บงำความประหลาดใจไว้ มองหลีเจี่ยวอย่างสงบนิ่ง
พอเห็นหลีเจี่ยวเข้ามา เซ่าหมิงยวนมองนางแวบหนึ่งอย่างปึ่งชาก่อนลุกขึ้นหลบออกไปโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ตอนเดินทางเจาเจานั่งรถม้า ส่วนเขาขี่ม้า มิใช่ง่ายดายกว่าจะรอถึงตอนหยุดพักได้พูดคุยกันสองสามคำ ใครจะรู้ว่ากลับมีอาหมาอาแมวมารบกวน
สายตาแวบนั้นของชายหนุ่มทำให้หลีเจี่ยวหนาวเยือกในอกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นางเห็นแววตาเรียบเฉยของเฉียวเจาแล้วฝืนยิ้มออกมา “เดินทางตอนอากาศร้อนๆ ทรมานกายน่าดูชม ข้าเลยเอาพวกผลไม้แห้งมาให้น้องเจาลองชิมดู”
ครั้นรับรู้ว่ามีสายตามองมาไม่น้อย เฉียวเจาจึงยิ้มบางๆ “ขอบคุณพี่เจี่ยวมากเจ้าค่ะ”
หลีเจี่ยวรู้ว่าถ้ากลับไปอย่างนี้ต้องสร้างความไม่พอใจให้รุ่ยอ๋องเป็นแน่ นางจึงพยายามเค้นสมองหาเรื่องชวนคุย “นับแต่ข้าเข้าวังอ๋องแล้วมีโอกาสออกมาข้างนอกน้อยมาก คิดไม่ถึงว่าหนนี้จะได้มาหลบร้อนที่เขาชิงเหลียงพร้อมกับน้องเจา จริงสิ ไม่รู้ว่าพวกท่านย่าสบายดีหรือไม่”
เฉียวเจาทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พี่เจี่ยวระลึกถึงท่านย่า ไยไม่กลับไปเยี่ยมที่สกุลหลีเลยเล่าเจ้าคะ”
หลีเจี่ยวโดนต่อว่าเป็นนัยๆ นางนั่งอย่างเก้อกระดากครู่หนึ่งก็ลุกกลับไป
เซ่าหมิงยวนเห็นดังนั้นก็บอกกับฉือชั่น “ข้ากลับไปแล้วนะ”
ฉือชั่นอดกลอกตาขึ้นไม่ได้ เฮอะ ข้าไม่เลือกคบสหายให้ดีเอง นี่ก็คือพวกเห็นสตรีดีกว่ามิตรขนานแท้ ถึงฝั่งแล้วถีบหัวเรือส่ง!
“เถาเซิง โบกพัดให้ข้าเร็วเข้า ไม่รู้หน้าที่เลยสักนิด!”
หลังเดินทางเป็นเวลาหลายวันก็มาถึงเขาชิงเหลียงในที่สุด ขุนนางกับผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายถูกจัดให้พำนักในเรือนขนาดต่างๆ กันตามลำดับชั้นตำแหน่ง ทุกคนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มสองวันถึงคลายความเหนื่อยล้าได้
ตอนนี้เองพวกเขาได้รับข่าวว่าฮ่องเต้จำศีลอีกแล้ว
ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในสถานที่พักผ่อนหลบร้อนแห่งนี้เก็บตัวจำศีลนับเป็นข่าวดีข่าวหนึ่ง เพราะพวกเขาสามารถท่องเที่ยวล่าสัตว์ในป่าเขาลำเนาไพรตามใจปรารถนาแล้ว
เหล่าขุนนางและผู้สูงศักดิ์อยู่ที่เขาชิงเหลียงอย่างสุขสบายและสนุกสนานกันเต็มที่ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
ทว่าในยามที่ทุกคนมีความสุขเพลิดเพลินจนลืมเวลา ราชครูจางกลับเริ่มกลัดกลุ้มกังวลใจ
ฮ่องเต้เป็นคนตรงต่อเวลามาแต่ไหนแต่ไร เดิมทีควรจะออกจากการจำศีลตอนดวงอาทิตย์ตกดินวันนี้ ไฉนถึงเวลาจุดตะเกียงแล้วยังไม่ออกมาอีก