หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 782
บทที่ 782
ขันทีน้อยเริ่มประหม่าทันทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน แต่เขาก็ก้มหน้าพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม “พวกข้าน้อยออกไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษขอรับ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ” เจียงหย่วนเฉาสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามา
ขันทีน้อยยิ่งประหม่ามากขึ้น
เฉียวเจาที่ยืนก้มศีรษะอยู่ข้างๆ เขาลอบกำมือเป็นหมัด
เจียงหย่วนเฉามีสายตาแหลมคม อีกทั้งคุ้นเคยกับนาง ต่อให้นางปลอมตัวและเป็นเวลากลางดึกอย่างนี้ เห็นทีว่าเขาคงจดจำได้ตั้งแต่แวบแรก
พอเขารู้ว่าเป็นนางจะทำอย่างไรนะ
เฉียวเจาไม่เคยเข้าใจเจียงหย่วนเฉาอย่างแท้จริงมาก่อน ชั่วเสี้ยวเวลานี้คนชาญฉลาดเฉกนางก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
หลังตกอยู่ในความเงียบอึดใจหนึ่ง เสียงพูดนุ่มนวลก็ดังขึ้น “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ กงกงทั้งสองรีบไปรายงานตัวต่อท่านหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษเถอะ”
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นจับจ้องที่ตัวนางแล้วดึงคืนไป
เจียงหย่วนเฉามองคนทั้งสองเดินผ่านข้างกายไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ขันทีน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากระซิบบอกนาง “พวกเรารีบไปกันเถอะ”
เฉียวเจากลับเหลียวไปมองเจียงหย่วนเฉาแวบหนึ่งอย่างอดใจไม่อยู่
ไม่มีทางที่เขาจะจำนางไม่ได้ เช่นนั้นนี่คือใจกว้างเปิดทางให้หรือ
เขาเบนหน้ามาฉับพลันคล้ายรับรู้ได้
เฉียวเจาหันศีรษะกลับทันใดก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามขันทีน้อยเข้าประตูพระตำหนักไป
เจียงหย่วนเฉายืนอยู่ใต้ต้นหลิวไม่ไกลมองดูตัวเรือนพระตำหนักใหญ่โตโอ่อ่าด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก
“ท่านหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษ ฮูหยินของกวนจวินโหวมาแล้วขอรับ”
ประตูเปิดออกทันที สีหน้าร้อนรนของเว่ยอู๋เสียปรากฏขึ้น “ฮูหยินท่านโหวมาได้เสียที เชิญเข้ามาโดยไว”
เขาพาเฉียวเจาเดินเข้าไป นางเห็นฮ่องเต้หมิงคังนอนอยู่บนเตียง ราชครูจางกับหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ฝ่าบาททรงอมโสมแผ่นเอาไว้ ทว่าพระชีพจรแทบจะหยุดนิ่งแล้ว” หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่เห็นหญิงสาวเดินมาก็เอ่ยปากบอก
แม้นใจเขายังกังขาในวิชาแพทย์ของนาง แต่ในเวลาอย่างนี้ก็ไม่มีแก่ใจตั้งข้อสงสัยใดๆ แล้ว ถือเสียว่ารักษาม้าตายเยี่ยงม้าเป็นเถอะ
เฉียวเจาค้อมศีรษะให้เขา นางจับชีพจรให้ฮ่องเต้ก่อนค่อยยกเปลือกตาขึ้นตรวจดูลักษณะของรูม่านตา หลังตรวจอาการต่างๆ แล้วก็ได้ข้อสรุปในใจ
“ฮูหยินท่านโหว ฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้าง”
“หากดูจากพระอาการในตอนนี้คงไม่พ้นคืนนี้”
เว่ยอู๋เสียมองหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ปราดหนึ่ง คำวินิจฉัยนี้ตรงกับของหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่เลยทีเดียว
“แล้วไม่มีหนทางอื่นหรือ หากเป็นเช่นนี้พวกเราต้องศีรษะหลุดจากบ่ากันหมดนะ” เว่ยอู๋เสียกล่าวพลางปาดเหงื่อเย็น
เฉียวเจามองดูฮ่องเต้หมิงคังแล้วลังเลใจเล็กน้อย
“ฮูหยินท่านโหวมีอะไรก็พูดมาได้เลย”
“ข้าเคยฝึกวิชาฝังเข็มอย่างหนึ่ง ช่วยเก็บพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายของคนใกล้ตายไว้ได้ แต่พระอาการอย่างนี้คงประคองได้เพียงสามวัน ถึงตอนนั้นพอดึงเข็มออกก็ยื้อชีวิตกลับมาไม่ได้แล้ว”
เว่ยอู๋เสียตื่นเต้นอย่างสุดระงับ “ถ้าอย่างนั้นทำให้ฝ่าบาทฟื้นพระสติได้หรือไม่”
“เรื่องนี้…” เฉียวเจายังพูดไม่จบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“ใคร” เว่ยอู๋เสียเอ่ยถามเสียงห้วน
“ข้าเอง” เสียงตอบราบเรียบของเซ่าหมิงยวนดังลอยมา
เขาอึ้งงันไป เฉียวเจาจึงเอ่ยเสียงเบา “เป็นท่านโหว”
เว่ยอู๋เสียลังเลไม่แน่ใจ แต่ก็เดินไปเปิดประตู
เซ่าหมิงยวนในชุดสีดำรัดกุมก้าวเข้ามา
“นี่ท่านโหวมีจุดประสงค์อะไร” เว่ยอู๋เสียถามเสียงเครียด
ชายหนุ่มหยักยิ้ม “หาได้มีจุดประสงค์อื่นใดไม่ เพียงมารับฮูหยินของข้ากลับเท่านั้น”
“ท่านโหวบุกรุกพระตำหนัก มีโทษทัณฑ์ฐานก่อกบฏ…”
เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงหัวร่อเบาๆ ตัดบท “ในเวลานี้ท่านหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษน่าจะเป็นห่วงตนเองมากกว่าว่าหลังจากนี้ควรจะไปต่อทางใดดีมิใช่หรือ”
คำถามนี้ทำให้เว่ยอู๋เสียใจหายวาบ
เซ่าหมิงยวนก้าวเท้าปราดๆ เข้าไปกุมมือเฉียวเจา “ยังมีทางรักษาฝ่าบาทได้หรือไม่”
นางส่ายหน้า
“เช่นนั้นไปกันเถอะ พวกเรากลับได้แล้ว”
นางพยักหน้าแล้วเดินตามเขาออกไป
เว่ยอู๋เสียรีบขวางไว้ทันควัน “ท่านโหวหยุดก่อน”
คิ้วพาดเฉียงของเซ่าหมิงยวนเลิกขึ้นเล็กน้อย ครานี้เป็นทีเขาถามกลับบ้าง “ท่านหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษมีจุดประสงค์อะไร”
“ท่านโหว ยามนี้ฮ่องเต้ทรงเป็นอย่างนี้แล้ว ท่านมีฐานะเป็นขุนนางต้าเหลียง จะจากไปโดยไม่ดูดำดูดีได้เช่นไร”
“แล้วท่านหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษต้องการให้ข้ากับภรรยาทำอะไร” ชายหนุ่มถามเป็นเชิงถอยเพื่อรุก
เขาเลือกเข้ามาในจังหวะนี้ แน่นอนว่ามิใช่พาภรรยาออกไปแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ชีวิตของฮ่องเต้หมิงคังแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์กลับว่างอยู่ แผ่นดินจะต้องระส่ำระสายอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก สิ่งที่เขาต้องกระทำคือถอนตัวออกจากความวุ่นวายครั้งนี้อย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าชีวิตในวันหน้าจะไร้ความกังวลใดๆ
“ไม่ว่าอย่างไรขอให้ฮูหยินท่านโหวช่วยฝังเข็มต่ออายุขัยของฝ่าบาทไปอีกสามวัน แน่นอนว่าถ้าทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นได้ชั่วคราวก็จะยิ่งดี”
“ข้าไม่มีทางยอมให้ฮูหยินของข้ารั้งอยู่ที่นี่สามวัน”
เซ่าหมิงยวนจะไม่ตอบตกลงเรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาของปุถุชน เว่ยอู๋เสียจึงเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “ขอเพียงท่านโหวช่วยให้ข้าผ่านพ้นอุปสรรคด่านนี้ไปได้ วันหน้าข้าจะตอบแทนท่านโหวอย่างแน่นอน”
“มันมิใช่ปัญหาข้อนี้ ฮูหยินข้ารั้งอยู่ที่นี่สามวันจะเหมาะควรอย่างไร”
เว่ยอู๋เสียอดหันไปมองเฉียวเจาไม่ได้
“อันที่จริงกงกงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากใจกับปัญหานี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่ตลอด หลังฝังเข็มแล้ว ตราบเท่าที่ไม่ดึงเข็มเงินออก ฝ่าบาทจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้จนถึงสามวันให้หลัง”
เว่ยอู๋เสียลอบถอนหายใจโล่งอก เขาถามขึ้นอีกว่า “เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงฟื้นได้หรือไม่”
“หลังรวบรวมพลังชีวิตในกายไว้สามวันจะฟื้นขึ้นมาได้หนึ่งเค่อ จากนั้นก็…”
เว่ยอู๋เสียกระจ่างแจ้งแก่ใจ เขาขอคำชี้แนะ “สามวันให้หลังจะทำให้ฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาด้วยวิธีใด”
“ง่ายมาก ดึงเข็มเงินออกก็เรียบร้อย”
“หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคือต้องอีกสามวันฝ่าบาทถึงจะทรงฟื้น?”
เฉียวเจาผงกศีรษะรับคำถามนี้
“เว่ยกงกง หากไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย สามวันนี้มีความสำคัญมาก” เซ่าหมิงยวนกล่าวเรียบๆ
“เรื่องนี้ข้ารู้ดี ถ้าอย่างนั้นเชิญฮูหยินท่านโหวฝังเข็มให้ฮ่องเต้โดยเร็วเถอะ”
ชายหนุ่มส่งสายตาให้นาง
เฉียวเจาเข้าใจความหมายของเขา นางเอ่ยกับเว่ยอู๋เสีย “กงกงโปรดเป็นผู้ช่วยของข้าด้วย”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” เขารับปากทันทีโดยมิแคลงใจสงสัยอื่นใด
ในเวลาอย่างนี้ไม่ว่าผู้ใดล้วนอยากหลบเลี่ยงแทบไม่ทัน ฮูหยินของกวนจวินโหวย่อมไม่มีทางยอมอยู่กับฮ่องเต้ตามลำพัง
เซ่าหมิงยวนกับราชครูจางเดินออกไปด้านนอก ฉวยจังหวะสนทนากันตามลำพัง
“ท่านโหว คราวนี้ท่านต้องช่วยข้าด้วยนะ ไม่เช่นนั้นข้าคงผ่านด่านนี้ไปไม่ได้แล้ว”
“ฮ่องเต้คงไม่รอดแล้วกระมัง”
ราชครูจางพยักหน้าอย่างหนักอกหนักใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านอ๋องสองพระองค์ก็ต้องมีพระองค์หนึ่งได้สืบทอดราชบัลลังก์”
ราชครูจางมองเขาอย่างกระวนกระวาย
เขาเป็นเพียงนักพรตผู้หนึ่ง สามารถเรียกลมเรียกฝนจนกลายเป็นผู้ที่นักพรตทั่วหล้าต้องเคารพนับถือเขาก็พึงพอใจแล้ว สำหรับเล่ห์กลซับซ้อนยอกย้อนในราชสำนักพรรค์นี้เขาทำความเข้าใจไม่ได้เลยสักนิด
“ท่านราชครูหาทางบอกพระอาการของฮ่องเต้ให้รุ่ยอ๋องรับรู้ ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
“ตกลง ข้าเชื่อท่านโหว” ราชครูจางเชื่อถือในตัวกวนจวินโหวอย่างยิ่งยวด
คนใต้หล้าล้วนคิดว่าความเชื่อถือมีรากฐานมาจากบุญคุณน้ำใจ อย่าล้อเล่นหน่อยเลย แน่นอนว่าเป็นเพราะความลับต่างหากเล่า!
กวนจวินโหวกุมความลับที่เขาเคยหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนไว้ในมือ ถ้าอีกฝ่ายจะเล่นงานเขาจริงๆ ไม่มีทางรอถึงป่านนี้แล้ว
เซ่าหมิงยวนเห็นราชครูจางกล่าวคำนี้ก็ยิ้มอย่างสบายใจ
ที่นี่อยู่ห่างจากด่านซานไห่กวนไม่ไกล เวลาสามวันก็มากพอที่เขาจะเคลื่อนย้ายกองทัพสกุลเซ่ามาควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ทว่าจะให้เกิดเสียงโจษจันว่าเขาเคลื่อนพลโดยพลการไม่ได้
ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องให้รุ่ยอ๋องเป็นคนออกปาก