หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 791
บทที่ 791
บุตรชายของซู่อ๋อง?!
คำประกาศนี้เหมือนดั่งฟ้าผ่าลงกลางหมู่คน
เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์มองเจียงหย่วนเฉาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ใต้แสงไฟบุรุษหนุ่มในชุดสีแดงเข้มสูงโปร่งสง่างาม มุมปากประดับรอยยิ้มนุ่มนวลสบายตาดุจลมวสันต์ดังเดิม กระนั้นรอยยิ้มนั้นกลับทำให้คนเห็นแล้วพรั่นพรึง
“ต่างเป็นเชื้อสายของปฐมกษัตริย์ ในครั้งนั้นองค์ปฐมกษัตริย์จะให้เสด็จพ่อของข้าสืบราชสมบัติ แต่หยางไทเฮากับฮ่องเต้หมิงคังใช้เล่ห์กลอุบายถึงชิงบัลลังก์ไป ตอนนี้ข้าจะเอาคืนมา สมุหราชเลขาธิการสวี่พูดได้อย่างไรว่าข้าก่อกบฏเล่า”
“ถุย! ที่แท้ก็เป็นพรรคพวกโจรกบฏที่เหลือรอดอยู่ของซู่อ๋อง ยังจะมาสวมรอยเป็นผู้สืบทอดตัวจริงในเวลานี้ ช่างไร้ยางอายสิ้นดี! ตราบเท่าที่พวกข้ายังอยู่ เจ้าอย่าหมายอ้างความชอบธรรมแย่งชิงแผ่นดินไป!” สวี่หมิงต๋ากล่าวอย่างฉุนเฉียว
เจียงหย่วนเฉาแย้มปากยิ้ม “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ฆ่าทิ้งให้หมดแล้วกัน”
พูดจบเขาน้าวสายธนูยิงทันที ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งพุ่งฉิวตรงไปที่กลางหน้าผากของอีกฝ่าย
“ท่านสมุหราชเลขาธิการ ระวัง!” เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ
เสียงโลหะกระทบกันดังติง ลูกธนูที่ลอยมาเบนออกไปปักบนลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
เซ่าหมิงยวนลดมือลง เขายิ้มกับเจียงหย่วนเฉา “นี่ท่านผู้บัญชาการเจียงเล่นละครเรื่องใดอยู่หรือ”
เจียงหย่วนเฉาตวัดสายตาผ่านใบหน้าของเฉียวเจาที่อยู่ข้างกายเซ่าหมิงยวนแล้วหยักยิ้มอย่างสงบนิ่ง “ท่านโหวรอจนเวลานี้ถึงลงมือ ช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
สวี่หมิงต๋ามองเซ่าหมิงยวนด้วยสายตาซาบซึ้งใจ หากเมื่อครู่กวนจวินโหวไม่ได้เปลี่ยนทิศทางของลูกธนูดอกนั้น ขณะนี้เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
“ท่านผู้บัญชาการเจียงอดทนจนวันนี้ถึงเปิดเผยฐานะ ทำให้ข้าประหลาดใจมากเช่นกัน”
เจียงหย่วนเฉาหัวเราะเสียงดัง “ไม่อดทนจนวันนี้จะเกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เฉกนี้ได้อย่างไร”
คำกล่าวนี้ดังขึ้นทุกคนในที่นั้นใจหล่นวูบไปตามๆ กัน
หากเจียงหย่วนเฉาเป็นบุตรชายของซู่อ๋องจริงๆ เช่นนั้นเขาวางแผนได้แยบยลโดยแท้ เริ่มต้นจากยุยงให้ท่านอ๋องสองพระองค์ต่อสู้ฟาดฟันกัน ค่อยอ้างเหตุผลปราบกบฏเข่นฆ่าองครักษ์อวี่หลินจนสิ้นซาก บัดนี้องครักษ์จินหลินบาดเจ็บล้มตายไม่เหลือหลอ ส่วนกำลังพลฝ่ายในก็เหลืออยู่ไม่กี่คน กององครักษ์จินอู๋ก็บอบช้ำอย่างหนัก ขณะที่กององครักษ์จินหลินหลังจากลดจำนวนลงแล้วยังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย…
พรรคพวกกบฏของซู่อ๋องที่แต่งกายเป็นชาวป่าชาวเขาเคลื่อนพลมาโจมตีในเวลานี้จึงอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบทุกทาง เรียกได้ว่าถูกที่ถูกเวลาและฟ้าเป็นใจ เห็นทีว่าหนนี้ต้าเหลียงคงถึงคราวผลัดแผ่นดินแล้ว
“เจ้าโกหก!” รุ่ยอ๋องที่หยุดฝีเท้ายืนหลบอยู่ด้านหลังหวังไห่เทาผู้บัญชาการกององครักษ์จินอู๋ตะโกนพูดเสียงดัง “ครั้งที่ซู่อ๋องพ่ายแพ้ถูกสำเร็จโทษ ไม่มีโอรสธิดารอดชีวิตแม้สักครึ่งพระองค์เพราะถูกตัดศีรษะไปหมดแล้ว ที่เจ้าพูดยืนกรานว่าตนเป็นบุตรชายซู่อ๋องในตอนนี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างก่อกบฏเท่านั้น”
เจียงหย่วนเฉาหัวเราะขลุกขลักในลำคอ “ท่านอ๋องไม่ต้องร้อนพระทัย รอเมื่อท่านตกเป็นเชลยแล้วข้าจะพิสูจน์ฐานะของตนต่อคนทั่วหล้าเองเป็นธรรมดา”
ระหว่างที่พวกเขาพูดโต้ตอบกันไปมาเสียงต่อสู้ยังไม่หยุดลง ลูกธนูไม่รู้ที่มาดอกหนึ่งพุ่งลอยมาหาหวังไห่เทา
เขาดึงรุ่ยอ๋องหลบพ้นอย่างฉิวเฉียด เหงื่อเย็นหลั่งโซมกายในพริบตาเดียว
ขืนเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ได้การ ดาบกระบี่ไม่มีตา หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องจะเป็นจุดจบของทุกคนทันที
ขณะที่หวังไห่เทากำลังร้อนใจดุจไฟลน พลันมองไปยังเซ่าหมิงยวนแล้วตาเป็นประกายทันใด เขาตะเบ็งเสียงพูด “ท่านโหว! ท่านมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ความปลอดภัยของท่านอ๋องต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านแล้ว ข้าจะนำพาองครักษ์จินอู๋สกัดโจรกบฏพวกนั้นไว้เอง”
เซ่าหมิงยวนคุ้มครองเฉียวเจาไว้พร้อมกับเอ่ยสั่งองครักษ์ “คุ้มกันท่านอ๋องมาที่นี่”
“ขอรับ” องครักษ์หลายคนตะลุยฝ่าดงทวนห่าธนูไปอารักขารุ่ยอ๋องให้หนีมาอยู่ฝั่งนี้
รุ่ยอ๋องใบหน้าซีดเผือดแต่แรกแล้ว เขามาถึงข้างกายเซ่าหมิงยวนก็จับแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นประหนึ่งคนใกล้จมน้ำคว้าขอนไม้ไว้ “ท่านโหว ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี”
เซ่าหมิงยวนดึงแขนเสื้อคืนแล้วกล่าวปลอบอย่างเยือกเย็น “ท่านอ๋องอย่าได้ร้อนพระทัย กระหม่อมจะคุ้มกันพระองค์กลับไปยังที่ประทับเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ที่ประทับของฮ่องเต้หมิงคังถูกตีแตกแล้ว รั้งอยู่ที่นี่มีอันตรายอย่างยิ่งยวด แล้วทั่วทั้งพระตำหนักมีเพียงที่พำนักของรุ่ยอ๋องกับมู่อ๋องที่เป็นรองที่นี่เท่านั้น ถอยกลับไปที่นั่นอย่างน้อยก็สามารถต้านทานไว้ได้ระยะหนึ่ง
“ได้ๆ ข้าฟังท่านโหวทุกอย่าง” รุ่ยอ๋องพยักหน้าถี่รัวปราศจากความคิดเป็นของตนเองโดยสิ้นเชิง
ท่าทางของรุ่ยอ๋องตกอยู่ในสายตาขุนนางใหญ่บางคน พวกเขาลอบทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้ไม่มีลักษณะของผู้เป็นประมุขของแผ่นดินเลยจริงๆ
ช่างเถิด ตอนนี้จะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ไหนเลยจะมีเวลาคิดโน่นคิดนี่อีก
หวังไห่เทาบัญชาการองครักษ์จินอู๋ต้านทานอยู่ด้านหน้าอย่างสุดกำลัง พวกขุนนางผู้สูงศักดิ์เห็นกวนจวินโหวนำพาผู้ใต้บังคับบัญชาคุ้มกันรุ่ยอ๋องถอยร่นไปก็รีบติดตามไปด้วย
กระนั้นมีลูกธนูที่ยิงมาอย่างสะเปะสะปะไม่น้อยลอยข้ามแนวป้องกันมาโดนคนที่กำลังถอยหนีอยู่ เขาส่งเสียงร้องโหยหวนล้มลงบนพื้น คนที่อยู่ด้านหลังก็วิ่งผ่านข้างกายเขาไป ถึงขั้นเหยียบตัวคนผู้นั้นโดยไม่ทันระวัง
ในห้วงแห่งความเป็นความตายยามนี้เหล่าผู้สูงศักดิ์ทรงเกียรติในกาลก่อนต่างอยู่ในสภาพจนตรอกไม่ต่างอันใดกับคนเร่ร่อน
เมื่อประตูใหญ่หน้าเรือนพำนักของรุ่ยอ๋องถูกปิดลง คนที่ตามเข้ามาต่างระบายลมหายใจดังเฮือก แต่ยังคงได้ยินเสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังใกล้เข้ามาทุกที ในใจก็เริ่มประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นอีกครา
เพราะเป็นการตามเสด็จประพาสรุ่ยอ๋องกับมู่อ๋องต่างไม่ได้นำทหารประจำวังมาด้วย แม้แต่บ่าวไพร่ก็ต้องเลือกเฟ้นมาเพียงบางคน เพลานี้ทุกคนยืนตัวสั่นงันงกอยู่ในลานเรือนด้วยท่าทางแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก
ด้านกวนจวินโหวผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศและนามกระเดื่องทั่วหล้า ครั้งนี้ก็พาองครักษ์มาสิบกว่าคนเท่านั้น
ลำพังกำลังคนเพียงสิบกว่าคนนี้จะต้านทานองครักษ์จินหลินที่ทรยศหักหลังกับพรรคพวกกบฏได้อย่างไรไหว
“พวกกบฏมีมากถึงพันคนกระมัง” มีขุนนางใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“ไม่ใช่เท่านี้กระมัง ข้าเห็นคนเต็มพรืดไปทั้งป่าเขา ดีไม่ดีอาจมีเป็นหมื่นคนก็ได้” คนด้านข้างกล่าวด้วยสีหน้าตื่นกลัว
รุ่ยอ๋องฟังแล้วเข่าอ่อนปาดเหงื่อไม่หยุด เขาไต่ถามเซ่าหมิงยวนว่า “ท่านโหว จะทำอย่างไรกันดี คนของท่าน…”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วกลืนถ้อยคำหลังกลับลงคอ
เรื่องที่ขอให้กวนจวินโหวเคลื่อนพลมาลับๆ เขาย่อมจะบอกออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้
“ท่านอ๋อง เสด็จเข้าที่ประทับก่อนเถอะ กระหม่อมจะให้องครักษ์จับตาดูเหตุการณ์ด้านนอกเอาไว้ หากเกิดเรื่องขึ้นจะทูลรายงานทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ท่านโหวเข้าไปด้านในด้วยกันเถอะ” เวลานี้รุ่ยอ๋องรู้สึกว่าอยู่กับใครก็ไม่วางใจ ต้องมีกวนจวินโหวอยู่ด้วยถึงสบายใจขึ้น
เอาอย่างไรดี ชักอยากจับแขนเสื้อกวนจวินโหวอีกแล้ว
เซ่าหมิงยวนพยักหน้า เขากวักมือเรียกเซ่าจือมาสั่งกำชับบางอย่างก่อนจะพาเฉียวเจาเดินเข้าเรือนไป
“ท่านโหว ให้ฮูหยินท่านไปพูดคุยกับพี่สาวของนางเถอะ” รุ่ยอ๋องเห็นเฉียวเจาตามติดเซ่าหมิงยวนไม่ห่างจึงเอ่ยเสนอขึ้น
เขามองนางแวบหนึ่ง “ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ด้านนอกวุ่นวายเช่นนี้ ให้ฮูหยินอยู่ข้างกายข้าดีที่สุดแล้ว”
“เอ่อ…จริงของท่านโหว” รุ่ยอ๋องรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คิดไม่ถึงว่าเจียงหย่วนเฉาจะเป็นพรรคพวกกบฏของซู่อ๋อง พวกเราสูญเสียกำลังคนไปจำนวนมากจากการสู้รบสองวันนี้ หวั่นใจว่าจะยันไว้ได้อีกไม่นาน คนพวกนั้นก็จะบุกมาถึงที่นี่แล้ว ท่านโหว กองทัพของด่านซานไห่กวนจะรุดมาถึงได้เมื่อไร”
“กระหม่อมสั่งการไปแล้วให้พวกเขาเร่งรุดมาโดยเร็วที่สุด แต่เพราะไม่มีตราพยัคฆ์ อีกทั้งในสารลับเป็นตราประทับส่วนตัวของท่านอ๋องกับกระหม่อม เกรงว่าคงต้องเสียเวลาเล็กน้อย…”
รุ่ยอ๋องฟังแล้วทึ้งผมตนเองอย่างห้ามใจไม่อยู่ “พวกเขาอยู่ใต้การบังคับบัญชาของท่านโหวมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ก็ยังไม่รับคำสั่งโดยไม่มีตราพยัคฆ์หรือนี่”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “นี่ยังเป็นเพราะมีตราประทับของท่านอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ หากมีของกระหม่อมผู้เดียวเห็นทีว่าคงเคลื่อนย้ายทหารไม่ได้แม้แต่คนเดียว”