หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 801
บทที่ 801
หมู่บ้านเล็กๆ ทางแดนใต้ เรือนหลังคาสีเขียวล้อมด้วยกำแพงอิฐสีเทา ทิวทัศน์งดงามดุจภาพวาด
เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาตรงดิ่งไปยังเรือนอาศัยที่เยี่ยลั่วบอกไว้ในสาร
มันเป็นเรือนตึกสองชั้นขนาดย่อมๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้หลังหนึ่ง ลานเรือนล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่ มีเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้เดินเล่นไปมาอย่างอิสระตามสบาย เป็นวิถีชีวิตเรียบง่ายสุขสงบในแบบหมู่บ้านเล็ก
เซ่าหมิงยวนเดินไปกลางคันก็หยุดชะงัก
“มีอะไรหรือ”
“ไม่มีคนอยู่”
เฉียวเจาผิดหวังอยู่บ้าง นางกล่าวเป็นเชิงคาดเดา “จะออกไปข้างนอกตรวจคนป่วยหรือไม่นะ”
ถึงแม้จะปลีกตัวสันโดษ แต่เฉียวเจารู้ว่าหมอเทวดาหลี่กระหายใฝ่รู้ในศาสตร์การแพทย์อย่างไร้ที่สิ้นสุด แล้วฝีมือจะรุดหน้าได้ก็มาจากการสั่งสมประสบการณ์อย่างขาดเสียไม่ได้ ดังนั้นต้องตรวจคนป่วยมากๆ จะได้พบเจอกับโรคภัยไข้เจ็บนานาสารพัดชนิด
ขณะที่ทั้งคู่สนทนากัน มีคนชะโงกหน้าออกมาจากเรือนด้านข้าง “พวกเจ้ามาหาใครหรือ”
ผู้กล่าววาจาเป็นหญิงสูงวัยอายุราวห้าสิบ แม้นจะอยู่ในวัยนี้แล้ว แต่ยังคงเห็นความอ่อนหวานนิ่มนวลในแบบฉบับสตรีแดนใต้ได้
หญิงวัยกลางคนยังเสียบดอกกุหลาบสีเหลืองอ่อนบานเต็มที่ดอกหนึ่งไว้ตรงจอนผมด้วยซ้ำ
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “ท่านป้า พวกข้ามาหาคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าเป็นใครมาจากที่ใด” ดวงตาของนางฉายรอยระแวดระวัง
“คนที่อยู่ที่นี่เป็นท่านปู่ของข้าเจ้าค่ะ”
หญิงวัยกลางคนได้ยินแล้วมีรอยยิ้มบนใบหน้า “ที่แท้เป็นอย่างนี้นั่นเอง พวกเขาไปที่เรือนสกุลจางตรงท้ายหมู่บ้าน ลูกสะใภ้คนเล็กของพวกเขากำลังจะคลอดบุตรแล้ว”
เฉียวเจานิ่งอึ้งไป ท่านปู่หลี่เริ่มทำคลอดให้คนอื่นแล้วจริงๆ หรือ
คล้ายรับรู้ถึงความฉงนใจของนาง หญิงวัยกลางคนกล่าวอธิบาย “ลูกสะใภ้คนเล็กของสกุลจางคลอดยาก ใกล้จะไม่รอดแล้ว แต่บุตรชายของพวกเขาไม่ยอมรับชะตากรรม นี่ก็เลยเชิญท่านหมอหลี่ไป เอาแต่พูดว่าท่านเป็นเทวดาเดินดิน ช่วยชีวิตคนได้…”
ครั้นเห็นหญิงวัยกลางคนตั้งท่าจะพูดสาธยายยืดยาวไม่หยุด เฉียวเจาก็รีบเอ่ยขึ้น “ท่านป้าพาพวกข้าไปที่เรือนสกุลจางได้หรือไม่เจ้าคะ”
หญิงวัยกลางคนโบกมือเป็นพัลวัน “ตอนนี้ข้าสะดวกไปที่ใด ไม่อย่างนั้นคงไปแต่แรกแล้ว พวกเจ้าเดินไปทางท้ายหมู่บ้าน เห็นตรงที่มีคนมุงดูกันอยู่เยอะๆ ก็คือเรือนพวกเขา”
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ”
หญิงวัยกลางคนชายตามองนางแวบหนึ่ง จากนั้นพูดพลางสาวเท้ากลับเข้าเรือน “ขอบคุณอะไรกัน แต่แม่นางน้อยเรียกข้าว่าท่านป้าไม่เหมาะสมนะ เรียกข้าว่าย่าหวังเถอะ”
เฉียวเจาอึ้งงัน “…” ท่านป้าผู้นี้แปลกประหลาดอยู่สักหน่อย!
ทั้งสองกล่าวลาหญิงวัยกลางคนแล้วเดินไปที่ท้ายหมู่บ้าน ไม่นานนักก็เห็นชาวบ้านมากมายกำลังพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ด้านนอกเรือนหลังหนึ่งดังคาด
“บุตรชายคนเล็กของสกุลจางทำอะไรเหลวไหลจริงๆ คนก็หมดลมหายใจไปแล้ว ไฉนยังให้ท่านหมอหลี่เข้าไปอีก ท่านมิใช่หมอตำแยสักหน่อย”
“นั่นน่ะสิ สตรีคลอดบุตรให้บุรุษเข้าไปได้เช่นไร อีกอย่างตอนนี้นางก็ไม่รอดแล้ว…”
ชั่วครู่เดียวมีเสียงตวาดทรงพลังดังมาจากด้านใน “สุราเล่า! ก็บอกให้เจ้าเอาสุราฤทธิ์แรงๆ มามิใช่หรือ”
เฉียวเจากับเซ่าหมิงยวนสบตากัน
“เป็นท่านปู่หลี่” นางกระซิบบอก
“เจ้าจะทำอะไร เหตุใดถึงเอามีดผ่าภรรยาข้า ห้ามแตะต้องนางนะ นางยังมีชีวิตอยู่!” เสียงตะโกนโวยวายดังลั่นของบุรุษลอยออกมา
ตามด้วยเสียงดังโครมครามระลอกหนึ่งทันใด
เฉียวเจาใจหายวาบ นางรีบเบียดตัวเข้าไปด้านใน เห็นหมอเทวดาหลี่ถูกชายหนุ่มคิ้วหนาตาโตผู้หนึ่งผลักออกมาข้างนอก
เยี่ยลั่วซึ่งเฝ้าอยู่นอกประตูเห็นแล้วเข้าไปขัดขวาง
หมอเทวดาหลี่พูดอย่างเดือดดาลสุดระงับ “โยนเจ้าหนุ่มผู้นี้ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เขาคว้าตัวชายหนุ่มโยนออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ท่านปู่หลี่…” เฉียวเจาเห็นชายชราจะเดินเข้าไปข้างในก็ร้องเรียกเสียงหนึ่ง
หมอเทวดาหลี่ชะงักกึก เขาหันขวับกลับมาเห็นเฉียวเจาก็กวักมือเรียกโดยไม่รอให้นางพูดอะไรอีก “แม่หนูเจามาได้จังหวะพอดี ตามข้าเข้ามาเร็ว”
“ถิงเฉวียน ข้าเข้าไปก่อนนะ” หญิงสาวยกชายกระโปรงวิ่งไปหา
“พวกเจ้าเป็นใคร ถือดีอะไรบุกเข้าเรือนข้า!” ชายหนุ่มร้องตวาดใส่เซ่าหมิงยวนที่เดินตามมาติดๆ
คนในครอบครัวของชายหนุ่มเห็นท่าทางของเซ่าหมิงยวนมีสง่าราศีไม่สามัญ อีกทั้งตระหนกตกใจกับความเก่งกาจของเยี่ยลั่วเมื่อครู่ เลยออกแรงดึงรั้งบุตรชายที่คิดจะถลันเข้าไปสุดตัว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ห้ามข้าด้วยเหตุใด ตาเฒ่าผู้นั้นจะเอามีดผ่าชุนฮวาแล้วนะ”
“ซื่อวาเอ๊ย ให้พวกเขาทำไปเถอะ เจ้าเป็นคนเรียกหมอมาเอง ตอนนี้ชุนฮวากับลูกก็ตายไปแล้ว ยังจะมีอะไรย่ำแย่ไปกว่านี้อีกเล่า” บิดามารดาของชายหนุ่มกล่าวพร้อมหลั่งน้ำตาเป็นสาย
คนในหมู่บ้านต่างรู้กันว่าตาเฒ่าสองคนที่มาพำนักอาศัยที่นี่เมื่อหลายเดือนก่อนไม่อาจตอแยได้ กระนั้นมิใช่ว่าพวกเขาสองคนมีความสามารถอะไร แต่บุรุษที่คอยติดตามอยู่เงียบๆ ผู้นั้นมีเรี่ยวแรงมหาศาลจนน่ากลัว ไม่ว่าใครเสียมารยาทต่อตาเฒ่าล้วนถูกเขาโยนออกมาหมด
“ไม่ได้ ข้าจะปล่อยให้ชุนฮวาถูกพวกเขาเหยียบย่ำเช่นนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มดิ้นขัดขืนเต็มกำลัง
เซ่าหมิงยวนเหลือบมองเขาปราดหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ “เจ้าเงียบๆ หน่อย บางทีอาจจะยังไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนั้น”
ชะรอยจะโดนบารมีของเซ่าหมิงยวนสยบไว้ ชายหนุ่มจึงหยุดดิ้นรน
เฉียวเจาก้าวเท้าเข้าห้องคลอดก็ได้กลิ่นคาวเลือดฉุนแรง
ยามนี้หมอตำแยถูกไล่ออกไปแล้ว เหลือแต่หมอเทวดาหลี่กับนักชันสูตรเฉียน
บนเตียงมีหญิงสาวท้องโตผู้หนึ่งนอนอยู่ สองตาของนางปิดสนิท ใบหน้าขาวซีด ดูท่าทางจะไม่รอดแล้ว
“ล้างมือ!” หมอเทวดาหลี่เอ็ดคำหนึ่ง
เฉียวเจาตั้งสติแล้วกุลีกุจอล้างมือทุกซอกทุกมุม ค่อยเอาผ้าชุบสุราฤทธิ์แรงเช็ดมืออีกที
หมอเทวดาหลี่พยักหน้า ชี้ไปที่ถาด “ถือเอาไว้คอยเป็นลูกมือข้า”
นักชันสูตรเฉียนถือมีดออกท่าออกทาง “ไหนบอกให้ข้าลงมือไม่ใช่หรือ”
หมอเทวดาหลี่ง้างเท้าถีบเขาไปด้านข้าง “คนตายของเจ้า คนเป็นของข้า”
“แต่สตรีนางนี้หมดลมหายใจแล้ว เพิ่งหมดลมไปเมื่อครู่”
หมอเทวดาหลี่ชายตามองเฉียวเจาปราดหนึ่งถึงกล่าวว่า “แต่ทารกในครรภ์นางยังมีชีวิตอยู่”
เฉียวเจาตกตะลึง นางกำมือที่ถือถาดไว้แน่นขึ้นอย่างสุดระงับ
“มีด!”
นางรีบยื่นมีดส่งให้ทันที
หมอเทวดาหลี่จับมีดไว้มั่นแล้วจรดลงกรีดไปตามหน้าท้องที่นูนป่องของสตรีออกเรือนแล้วพร้อมพูดกับเฉียวเจาไปด้วย “แม่หนูเจา ดูให้ดีๆ โอกาสนี้หาได้ยาก ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจเป็นประโยชน์ต่อเจ้า”
“อื้อ” นางขานตอบคำหนึ่งแล้วมองโดยไม่ละสายตา
นักชันสูตรเฉียนยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้าหงึกหงัก
ผู้สืบทอดที่เหล่าหลี่เลือกไว้ไม่เลวเลยจริงๆ มาตรว่าจะเป็นแม่นางน้อย แต่เห็นภาพผ่าเปิดท้องกลับไม่กะพริบตาสักนิด กระทั่งสีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไร เห็นได้ว่ามีหน่วยก้านในเชิงนี้มาแต่กำเนิด
เฮ้อ…ส่วนวิชาของข้านี้ดูท่าว่าจะไม่มีผู้สืบทอดต่อแล้ว หรือจะแย่งลูกศิษย์ของเหล่าหลี่มาดีหรือไม่นะ
หมอเทวดาหลี่เหลือบเปลือกตาขึ้นเหล่มองเขาราวกับรู้ใจอีกฝ่ายพลางบอกเสียงเย็นๆ “อย่าได้คิดเชียว”
“เจ้าคนผู้นี้ยังใจแคบไม่เปลี่ยน” นักชันสูตรเฉียนบ่นพึมพำ
ทั้งสองล้วนประสบพบเจอเหตุการณ์อย่างนี้เป็นประจำ แม้ตรงหน้าเป็นสตรีที่ถูกผ่าท้องเปิดออกก็ยังพูดคุยกันได้ตามสบาย
ด้านเฉียวเจานั้นแม้จะรักษาสีหน้าให้สงบนิ่งได้ ทว่าในใจตึงเครียดอย่างยิ่ง
หมอเทวดาหลี่อุ้มทารกออกจากท้องแม่อย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสายสะดือแล้วส่งให้นาง “ล้างตัวทารกให้สะอาด เอาผ้าห่อให้มิดชิดแล้วส่งไปให้ครอบครัวเขา”
เฉียวเจารับทารกแรกเกิดไว้ แต่ไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ตรงใดดี
“เหล่าเฉียน เจ้าล้างตัวทารกเถอะ ข้ายังมีบางอย่างต้องสอนแม่หนูเจาอีกพอดี”
นักชันสูตรเฉียนรับทารกจากมือนาง ใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบเลือดบนตัวเขาออก ชั่วครู่เดียวก็มีเสียงทารกร้องไห้จ้าดังก้องเรือน
“เข็มกับด้าย!” หมอเทวดาบอกเสียงดัง
เฉียวเจารีบยื่นเข็มกับด้ายให้
ด้ายนี้ไม่ได้ทำจากใยฝ้ายแบบทั่วไป แต่เป็นเปลือกต้นหม่อนซึ่งมีสรรพคุณช่วยสมานแผล
“เห็นแล้วใช่หรือไม่ หลังเอาทารกออกมาแล้วเย็บปิดเช่นนี้ หากอาการของมารดาเด็กยังปกติดีอยู่ ใช้วิธีนี้ได้ทันท่วงทีก็จะปลอดภัยทั้งมารดาและบุตร...”