หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 805
บทที่ 805
ผ่านไปอีกหลายวันลมสารทฤดูเริ่มพัดมา ใบไม้เหลืองแห้งเกลื่อนพื้น แม้แต่ขันทีนางกำนัลชั้นผู้น้อยในวังต่างมีงานยุ่งจนหัวไม่วางหางไม่เว้น ช่วยกันปัดกวาดทุกซอกทุกมุม
“หลีกทางๆ” ขันทีผู้หนึ่งวิ่งทะยานไปที่ตำหนักฉือหนิง ชนนางกำนัลที่กวาดพื้นอยู่จนกระเด็นไป
“อะไรกันนี่ จะรีบไปเกิดใหม่หรือไร” นางกำนัลที่โดนชนก็บ่นอุบอิบเสียงเบา
ขันทีผู้นั้นหายไปไม่เห็นวี่แววอย่างรวดเร็ว
“วิ่งด้วยเหตุใดกัน” ไหลสี่อยู่ตรงหน้าประตูกางแขนขวางไว้
ขันทีหยุดฝีเท้า พูดเสียงกระหืดกระหอบ “กงกง ทางวังองค์หญิงใหญ่ส่งข่าวมาว่าองค์หญิงใหญ่ใกล้จะไม่รอดแล้ว”
สีหน้าของไหลสี่เผยรอยตกใจ เขารีบบอกทันที “ตามข้ามา”
ขณะนี้หยางไทเฮากำลังนอนพักยามกลางวันอยู่ แต่นางหลับไม่สนิทนัก ได้ยินเสียงดังก็ลืมตาขึ้นถามเสียงแหบแห้ง “ไหลสี่ ด้านนอกเอะอะอะไรกัน”
ไหลสี่พาขันทีผู้นั้นเดินเข้ามา ก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงนบนอบ “ไทฮองไทเฮา* พระอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่สู้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของหยางไทเฮาขรึมลง นานครู่ใหญ่ถึงเอ่ยถาม “แพทย์หลวงว่าอย่างไร”
ตั้งแต่ยาต้มชามนั้น นางก็รู้สึกได้แล้วว่าพวกนางสองแม่ลูกหมางเมินเหินห่างกันไป แต่จะบอกว่านางเสียใจภายหลังที่กระทำเช่นนี้กลับไม่ใช่
ในฐานะองค์หญิงจะออกนอกลู่นอกทางถึงขั้นชุบเลี้ยงนายบำเรอไว้ลับๆ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ให้กำเนิดมารหัวขนที่ไม่รู้ว่าบิดาเป็นใครก็เท่ากับเป็นหลักฐานมัดตัว ภายภาคหน้าจะต้องถูกบันทึกไว้และนี่จะเป็นความอัปยศของเชื้อพระวงศ์
น่าชังที่ข่าวองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์แพร่งพรายออกไปจนรู้กันทั่ว คิดจะปกปิดไว้ก็สุดปัญญาจะทำได้
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงไม่พอใจหยางไทเฮาด้วยเรื่องนี้ ฝ่ายหยางไทเฮาก็มีปมในใจกับองค์หญิงใหญ่ฉางหรงเช่นกัน
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เมื่อล่วงรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางหรงมีอันตรายอยู่ ถึงที่สุดแล้วหยางไทเฮายังรู้สึกสงสารเวทนา นางฟังไหลสี่บอกเล่าคำพูดของแพทย์หลวงแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ไปที่สำนักแพทย์หลวงถ่ายทอดพระเสาวนีย์ สั่งให้หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ไปที่วังองค์หญิงใหญ่ช่วยชีวิตของนางอย่างสุดความสามารถ บอกพวกเขาว่าทารกไม่สำคัญ พยายามรักษาชีวิตของผู้ใหญ่ไว้เป็นสำคัญ…”
หยางไทเฮามีพระเสาวนีย์แล้ว แพทย์หลวงมากกว่าครึ่งในสำนักแพทย์หลวงล้วนรุดไปที่วังองค์หญิงใหญ่ทันที
บรรยากาศในวังองค์หญิงใหญ่ฉางหรงขณะนี้อึมครึมเป็นพิเศษ เห็นข้ารับใช้ยกของใช้เช่นอ่างล้างหน้าเดินเข้าๆ ออกๆ เป็นระยะ
พวกแพทย์หลวงไม่สะดวกจะเข้าไป ได้แต่ดึงตัวหมอตำแยมาไต่ถามไม่หยุด
หมอตำแยทำหน้าม่อยพลางสั่นศีรษะ “ข้าฟังคำพูดของพวกใต้เท้าไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ ทารกในพระครรภ์ขององค์หญิงใหญ่ไม่กลับหัว คลอดออกมาไม่ได้…”
ขณะที่พูดคุยกันเสียงอุทานด้วยความตกใจดังมาจากในห้องระลอกหนึ่ง “แย่แล้ว! พระโลหิตขององค์หญิงใหญ่ไหลออกมาจำนวนมาก...”
หมอหลวงทั้งหลายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“พวกท่านจะมองกันไปมาให้ได้อะไร” ฉือชั่นพลันชกเสาระเบียงทีหนึ่ง เขาพูดเสียงห้วน “ไทฮองไทเฮาเชิญแพทย์หลวงทุกท่านมาที่นี่เพื่อให้พวกท่านรักษาองค์หญิงใหญ่อย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่ให้พวกท่านแข่งจ้องตากัน ในเวลาอย่างนี้ยังจะยึดถือธรรมเนียมอะไร ยังไม่เข้าไปห้ามพระโลหิตให้องค์หญิงใหญ่อีก”
เหล่าแพทย์หลวงมองเขม็งไปที่หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่
เขาอิดเอื้อนเล็กน้อยก่อนจะหิ้วหีบยาเดินเข้าไปในห้องคลอด หากในใจรำพึงคำหนึ่งว่า ‘อัปมงคล’
สตรีคลอดบุตรมีบุรุษที่ใดเข้าไปกัน ถึงเป็นผู้สูงศักดิ์เช่นองค์หญิงใหญ่ก็อัปมงคลอยู่ดี
ฉือชั่นยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน จ้องมองหน้าประตูห้องโดยไม่กะพริบตา ด้านในนั้นนอกจากเสียงอึกทึกวุ่นวายแล้วไม่มีเสียงของสตรีคลอดบุตรแม้แต่น้อยนิดจนชวนให้หวาดหวั่นว้าวุ่นอย่างช่วยไม่ได้
ผ่านไปครู่หนึ่งหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่เดินออกมาอย่างเร่งร้อน
ฉือชั่นขยับตัวไปขวางหน้าเขาไว้ “เป็นอย่างไรบ้าง”
หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ทำสีหน้าไม่ค่อยดี “ตอนนี้พระโลหิตหยุดไหลแล้ว แต่องค์หญิงใหญ่ทรงเหลือเรี่ยวแรงไม่มาก อีกทั้งทารกยังไม่คลอดออกมาเสียที…”
เขายังพูดไม่จบประโยคฉือชั่นก็วิ่งเข้าไป
“คุณชาย! ท่านเข้าไปไม่ได้…” นางข้าหลวงตงอวี๋ฉุดรั้งเขาไว้ไม่อยู่ ถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วรีบตามไป
ทันทีที่เห็นองค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์สง่างามเป็นนิจนอนหายใจพะงาบๆ คล้ายปลารอถูกเชือดอยู่ที่เตียงคลอดบุตรอย่างน่าเวทนาเหลือทน ฉือชั่นรู้สึกจุกแน่นกลางอก อ้าปากเปล่งเสียงพูดได้สองคำ “ท่านแม่…”
เปลือกตาของสตรีที่สองตาปิดสนิทบนเตียงขยับเล็กน้อย จากนั้นนางลืมตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาอ่อนระโหยแต่ไม่กล่าววาจาใดๆ
หยาดน้ำตาใสปริ่มซึมออกมาทางหางตาขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงไหลลงมาตามข้างแก้มซีดขาว
ฉือชั่นหมุนกายขวับวิ่งออกไป
แพขนตาขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงกระพือขึ้นลงเบาๆ ก่อนนางจะหลับตาลงตามเดิม
เสียงร้องเรียกดังขึ้นที่ข้างหู “องค์หญิงใหญ่ บรรทมไม่ได้ ทรงยังต้องออกแรงอีกนะเพคะ”
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเพียงรู้สึกสติเริ่มเลือนรางทีละน้อยจนไม่ได้ยินเสียงแล้ว
ฉือชั่นห้ออาชาเต็มเหยียดตลอดทางจนไปถึงจวนกวนจวินโหวแล้วขี่ม้าเข้าไปโดยไม่หยุดให้เสียเวลา
“สือซี?” เซ่าหมิงยวนรีบออกมาหลังได้ยินคำรายงาน
“หลีซานเล่า” ฉือชั่นถามเสียงรัวเร็ว
“นางเพิ่งตื่นนอน...”
ฉือชั่นวิ่งทะยานไปทางด้านใน “ข้าไปหานาง…”
เซ่าหมิงยวนคว้าข้อมือเขาไว้ บอกอย่างอ่อนใจว่า “นางกำลังออกมาแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาของฉือชั่นนิ่วเข้าหากัน มือของเขาสั่นเทาไม่หยุด
“พระอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่ดีหรือ”
“อื้อ” เพลานี้ฉือชั่นไม่มีแก่ใจพูดมากด้วยกำลังจดจ่อรอคอยเงาร่างของเฉียวเจาปรากฏขึ้น
ดีที่ชั่วครู่เดียวหญิงสาวก็เดินออกมา นางถือหีบใบเล็กกะทัดรัดไว้ในมือ
“หลีซาน ท่านแม่ข้าใกล้จะไม่รอดแล้ว เจ้าช่วยนางด้วยเถอะ” ฉือชั่นสืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าว สีหน้าท่าทางของเขาร้อนรนไม่หลงเหลือความเอื่อยเฉื่อยในยามปกติให้เห็นโดยสิ้นเชิง
“สือซี เจ้าอย่าร้อนใจ ข้าขี่ม้าพาเจาเจาไปเอง” เซ่าหมิงยวนตบไหล่สหายรัก เขารับสายบังเหียนจากเฉินกวงแล้วอุ้มเฉียวเจาขึ้นไปบนหลังม้า
ทั้งสามรีบรุดไปที่วังองค์หญิงใหญ่ฉางหรงอย่างเร็วรี่
ฉือชั่นพาคนทั้งสองไปยังเรือนที่เตรียมไว้คลอดบุตรขององค์หญิงใหญ่ฉางหรง เพิ่งก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ดังก้อง
“องค์หญิง องค์หญิงทรงต้องเข้มแข็งไว้นะเพคะ…”
“พวกเจ้าถอยไปให้หมด” ฉือชั่นผลักคนที่ขวางอยู่หน้าประตูให้พ้นทางแล้วฉุดเฉียวเจาเข้าไป
นางวางหีบลงแล้วเดินลิ่วๆ ไปมองสำรวจหน้าเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นล้างมือไปพูดไป “พี่ฉือ ให้คนอื่นๆ ออกไปข้างนอก เหลือเพียงคนที่องค์หญิงใหญ่ทรงไว้วางพระทัยและใจกล้าไว้ให้ข้าผู้หนึ่ง”
“ตงอวี๋กูกู ท่านอยู่ในนี้ ส่วนคนอื่นออกไปให้หมด”
“คุณชาย คือว่า…” หมอตำแยกับพวกสาวใช้มองหน้ากันไปมา
“ออกไป” ฉือชั่นไล่คนออกไปแล้วงับประตูห้องปิดเบาๆ
“เปิดหีบ หยิบผ้าโปร่งบางกับสุราฤทธิ์แรงออกมา” เฉียวเจาเปิดสาบเสื้อขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงออกอย่างว่องไวพลางเอ่ยสั่ง
นางข้าหลวงตงอวี๋รีบยื่นของส่งให้
เฉียวเจาเอาผ้าโปร่งบางชุบสุราเช็ดบริเวณหน้าท้องที่เปิดเปลือยอยู่ขององค์หญิงใหญ่ฉางหรง นางบอกเสียงดัง “มีดเล่มที่สองจากซ้ายมือ”
รออยู่อึดใจหนึ่งไม่มีเสียงตอบ เฉียวเจาอดมองตงอวี๋แวบหนึ่งไม่ได้ นางเน้นเสียงหนักพูดย้ำ “มีดเล่มที่สองจากซ้ายมือ”
ตงอวี๋ส่งมีดให้แล้วจ้องหญิงสาวตาเขม็ง
เฉียวเจาคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เพิ่งเรียนรู้มาจากหมอเทวดาหลี่จะได้ใช้ประโยชน์อย่างรวดเร็วเช่นนี้ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนจะจรดปลายมีดลงบนหน้าท้องขององค์หญิงใหญ่ฉางหรง
“เจ้าจะทำอะไร!” ตงอวี๋ตวาดเสียงห้วนแล้วจับข้อมือเฉียวเจาเอาไว้
“พี่ฉือ…” เฉียวเจาไม่ถกเถียงกับนาง ตะโกนเรียกคำหนึ่ง
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงใกล้สิ้นใจอยู่รอมร่อ หนึ่งศพสองชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตานี้แล้ว นางย่อมไม่มีเวลาถกเถียงกับคนอื่นเป็นธรรมดา
ได้ยินเสียงเรียกของเฉียวเจา ฉือชั่นพุ่งเข้ามาทันที
“ให้นางออกไป ท่านอยู่”
“ตงอวี๋กูกู ท่านออกไปเถอะ”
“คุณชาย ไม่ได้นะเจ้าคะ นางจะปองร้ายองค์หญิง…”
เขาผลักตงอวี๋ออกไปแล้วปิดประตูดังปัง
“พี่ฉือ ตอนนี้ท่านรีบใช้สุราเช็ดมือแล้วคอยเป็นลูกมือข้า ข้าขออะไรต้องยื่นให้ข้าโดยไม่ลังเล ท่านทำได้หรือไม่”
“ได้ เจ้าบอกมาเถอะ”
* ไทฮองไทเฮา หมายถึงพระอัยยิกาของฮ่องเต้