หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 1005 เด็กไม่รู้ประสีประสา! ตอนที่ 1006 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 1005 เด็กไม่รู้ประสีประสา! ตอนที่ 1006 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ
ตอนที่ 1005 เด็กไม่รู้ประสีประสา!
และถึงแม้ว่าพวกเขาจะออกไปตามหา ก็ไม่แน่ว่าถังหยวนซือจะรอได้จนถึงวันนั้น
เหนียนเสี่ยวมู่หลุบตาลงและดูหนักใจอยู่หน่อยๆ
อวี๋เยว่หานหรี่ตาพลางพูดว่า
“ยังไม่ต้องพูดถึงถังหยวนซือ มาพูดถึงคุณย่ากันก่อนดีกว่า”
“คุณย่า? คุณย่าทำไมเหรอ?” เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูดถึงนายหญิงอวี๋ เธอจึงเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่สบายใจ
เป็นห่วงสุขภาพนายหญิงอวี๋ว่าจะไม่สบายตรงไหน
เมื่อเหลือบเห็นสายตาที่ดูเป็นกังวล ดวงตาล้ำลึกก็ค่อยๆก้มลงมาใกล้ๆเธอ โดยบอกว่า
“คุณย่าไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่รู้สึกว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วอยู่คนเดียวดูจะเหงาเกินไป เธออยากอุ้มเหลน”
ตอนที่เขาพูด ริมฝีปากก็แนบมาที่พวงแก้มเธอ
ลมหายใจอุ่นๆที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจจนเป็นนิสัยรดบนหน้าเธอ คันยุกยิก
จนกระทั่งเหนียนเสี่ยวมู่รู้ตัวว่าเขากำลังหมายถึงอะไรภายในเวลาไม่กี่วิ เธอก็แอบด่าเขาในใจทันที “คนทะลึ่ง!”
ขณะกำลังจะลุกจากตักเขาด้วยความระแวง เขากลับเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว อุ้มเธอวางไว้บนโต๊ะทำงาน
โน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะถูกพับลง
แผ่นหลังเธอทับอยู่บนโน้ตบุ๊ก
สัมผัสได้ถึงความแข็งของโลหะได้อย่างชัดเจน พร้อมกลิ่นอายความเยือกเย็น…
เหมือนเขาเตรียมจะทำการปล้นชิง ทำให้คนหวาดผวานิดๆ!
เหนียนเสี่ยวมู่ตกใจจนคว้าแขนเขาไว้พลางก่นด่า “อวี๋เยว่หาน พูดไม่เป็นคำพูด เมื่อกี้คุณยังสาบานอยู่เลยว่าคุณจะไม่ใช้วิธีอุทิศร่างกาย!”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของอวี๋เยว่หานยังคงเหมือนเดิม “อือ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมเป็นพวกไม่มีสัจจะ สาบานไปก็ไร้ประโยชน์?”
เหนียนเสี่ยวมู่หน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็เปลี่ยนท่าที “นั่นเพราะฉันยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสา ฉันขอโทษ อันที่จริงฉันไม่เคยบอกคุณมาก่อนเลยว่าในใจฉันคุณมีภาพลักษณ์ที่สูงส่งมาก เป็นคนดีมีคุณธรรมและยังกล้าหาญ จริงๆ นะ ฉันสาบานได้!”
“……”
อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว ทำหน้าสงสัย
เหนียนเสี่ยวมู่กลืนน้ำลายอย่างแรงและพยายามเกลี้ยกล่อมเขาต่อ
“ฉันพูดออกมาจากใจจริง จริงแท้แน่นอนยิ่งกว่าทองคำเสียอีก! คุณให้ฉันลุกก่อน เดี๋ยวฉันจะบอกคุณดีๆ ว่าภาพลักษณ์คุณที่อยู่ในใจฉันเป็น…”
ในขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะลุกขึ้น อวี๋เยว่หานก็กดแขนเธอกลับลงไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง
สบตากับสายตาตกตะลึงของเธอ พูดด้วยความเสน่หา
“เมื่อเทียบกับการพูดพร่ำพรรณนา ผมยังชอบได้ยินคุณด่าผมว่าทะลึ่งไปด้วย สั่งให้ผมทำเร็วๆไปด้วยมากกว่า”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
อวี๋เยว่หาน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเหมือนอะไร?
ปีศาจในร่างมนุษย์!
สุดท้ายเหนียนเสี่ยวมู่ก็หนีจากเงื้อมมือปีศาจไม่รอด
เธอถูกกินจนเกลี้ยง เธอยังสงสัยมาตลอดว่าตัวเองตกสู่เงื้อมมือปีศาจไปทีละขั้นโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร?
เมื่ออวี๋เยว่หานเห็นว่าเธอไม่สนใจเขา เขาก็จัดการเธออย่างบ้าคลั่งอีกหนึ่งยก
หลังจากสิ้นสุดลงในตอนท้าย เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกว่ากระดูกเธอกำลังจะแตกซ่านไปทั้งตัว ซบอยู่บนอ้อมกอดเขาและพูดกับเขาต่อเป็นระยะๆ
“คุณรังแกฉัน…ฉันไม่แต่งแล้ว…”
อวี๋เยว่หานกอด เขาใช้นิ้วปัดผมยาวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก้มหน้าจูบลงไปบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
พร้อมกับพูดว่า
“ยังโกรธอยู่เหรอ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ง่วงนอนเกินกว่าจะลืมตาได้ เธอเปิดหางตาเหลือบมองเขา
สายตาที่ขุ่นเคืองก็เพียงพอที่จะแสดงออกถึงอารมณ์ในตอนนี้ได้
นอกจากจะโกรธแล้ว ในใจยังคิดอยากจะกัดเขาสักทีสองทีเพื่อระบายอารมณ์
อวี๋เยว่หานเข้าใจความคิดของเธออยู่รำไร ดังนั้นหลังจากพูดง้อเธอไม่กี่คำก็เสนอขึ้นมาว่า
“งั้นผมจะให้คุณรังแกผมกลับ เป็นไง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
ไสหัวไป!
ตอนที่ 1006 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ
เมือง N
คฤหาสน์ตระกูลมั่ว
ในห้องอาหารที่เงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงดังกังวานออกมา
พ่อบ้านรีบเดินเข้าไปข้างใน
เขาเห็นถ้วยซุปคว่ำอยู่บนพื้น จึงเงยหน้ามองมั่วเฉียนที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารโดยไม่รู้ตัว “ประธานมั่ว คุณไม่เป็นไรนะครับ?”
บนโต๊ะอาหาร
ร่างสูงใหญ่ของมั่วเฉียนกำลังนั่งตัวตรง
โดยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ อีกมือหนึ่งกำลังถือช้อนซุป
เหมือนกับมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือพิมพ์มากเกินไป จึงเผลอทำถ้วยซุปหล่นลงพื้น
น้ำซุปกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ใบหน้าที่น่าเกรงขามของเขาดูย่ำแย่
กลับมาเป็นปกติภายในเสี้ยววินาที
วางหนังสือพิมพ์และช้อนตักซุปที่อยู่ในมือลงด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม พูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ฉันไม่เป็นไร ให้คนมาเก็บซะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อบ้านก็รีบก้มตัวลงเก็บถ้วยซุปขึ้นมา
ตอนที่ยืดตัวขึ้นก็หันไปเหลือบเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
ข่าวหน้าหนึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับงานแต่งงานของอวี๋เยว่หาน ซึ่งเป็นประธานบริษัทตระกูลอวี๋
ภาพถ่ายคุณผู้หญิงอวี๋ถูกนักข่าวตีพิมพ์ออกมา
ไม่ได้เป็นกระแสเงียบดังอดีต
ข่าวแต่งงานคราวนี้ไม่ได้อยู่แค่ในหน้าบันเทิงเท่านั้น แต่ยังอยู่ในหน้าเศรษฐกิจอีกด้วย
ยิ่งใหญ่อลังการ!
เหมือนต้องการจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้…
พ่อบ้านมองแวบเดียวก็จำผู้หญิงในรูปได้ทันที เธอคือผู้หญิงคนนั้นที่ประธานมั่วดูรูปเธอทุกวัน
เขาจำได้ว่าเธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่
เนื่องจากข่าวแต่งงานของเธอ ไม่แปลกใจเลยที่ประธานมั่วจะตกใจจนทำถ้วยซุปคว่ำ
พ่อบ้านยืนตัวตรง พอนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบรายงาน
“ประธานมั่วครับ คุณชายหย่งเหิงมาแล้ว!”
หลังจากพ่อบ้านพูดจบ ร่างอันเย็นยะเยือกของมั่วหย่งเหิงก็ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เขาไม่ได้สวมชุดสูทเหมือนตอนที่ไปทำงานตามปกติ
แต่วันนี้มั่วหย่งเหิงสวมแค่ชุดลำลองสีขาว
และยังสวมแว่นตากรอบทอง พอมองออกไป ใบหน้าอันหล่อเหลาและดูสงบเสงี่ยมก็เผยให้เห็นความห่างเหิน
สบตากับมั่วเฉียนและพูดด้วยความเคารพ
“คุณลุง”
มั่วหย่งเหิงเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือยังถือเอกสารไม่กี่ชุด เขาเดินผ่านพ่อบ้านไปหามั่วเฉียน
สายตากวาดผ่านหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ
ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่นานก็คลายออกเหมือนเดิม
พูดเพียงเสียงเรียบๆ “คุณลุงสนใจเรื่องตระกูลอวี๋ด้วยเหรอครับ? ธุรกิจที่เราทำร่วมกับตระกูลอวี๋ตอนนี้ก็ไม่ใช่โครงการสำคัญอะไร”
มั่วหย่งเหิงพูดพลางวางรายงานงบการเงินล่าสุดไว้ตรงหน้ามั่วเฉียน
ให้เขาอ่าน
มั่วเฉียนรับรายงานมาจากเขา แต่ไม่ได้เปิดอ่าน
เขาชี้ไปที่รูปบนหนังสือพิมพ์แล้วค่อยๆพูดขึ้นมาว่า
“อวี๋เยว่หานน่าจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของแกในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน ถึงตอนนี้จะไม่ได้ร่วมมือกันทำโครงการสำคัญ แต่การขยายตัวของบริษัทตระกูลอวี๋ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ล้ำหน้าตระกูลมั่ว แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เป็นเธอต่างหากที่สำคัญ…”
มั่วเฉียนชี้ไปที่รูปเหนียนเสี่ยวมู่
นัยน์ตาเผยให้เห็นประกายที่ดูซับซ้อน
“หย่งเหิง แกไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเธอบ้างเลยเหรอ เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน?”
น้ำเสียงมั่วเฉียนเป็นไปอย่างสงบ
เหมือนสอบถามไปพร้อมกับลองหยั่งเชิง
ดวงตาดังคบเพลิงจับจ้องไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์ของมั่วหย่งเหิงที่ไม่แสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกของมั่วหย่งเหิงก็ยังคงเหมือนเดิม
เขาแค่กวาดตามองไปยังรูปถ่ายบนหน้าหนังสือพิมพ์แล้วพูดว่า
“ก็สวยดี แต่ไม่น่าสนใจ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทันใดนั้นมั่วเฉียนก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง เขาลุกจากเก้าอี้แล้วยื่นมือจับไหล่มั่วหย่งเหิง “แกเนี่ยนะ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ ช่างเถอะ ใจแกอยากจะจดจ่ออยู่กับงาน ฉันก็จะไม่ทำให้แกลำบากใจ แล้วแต่แกเลยละกัน”