หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 1031 หนีตาม ตายเพื่อความรัก / ตอนที่ 1032 หนูผิดไปแล้ว แต่หนูไม่พูด
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 1031 หนีตาม ตายเพื่อความรัก / ตอนที่ 1032 หนูผิดไปแล้ว แต่หนูไม่พูด
ตอนที่ 1031 หนีตาม ตายเพื่อความรัก
บอดี้การ์ดอวี๋เยว่หานยืนเรียงแถวเผชิญหน้ากดดันมั่วเฉียนอย่างเต็มรูปแบบ
ตอนนี้การที่จะลงมือฆ่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่มีความเป็นไปได้เลย
มีร่องรอยความเสียดายแวบผ่านเข้ามานัยน์ตามั่วเฉียน
เมื่อเหลือบไปเห็นท่าทางสงบเสงี่ยมของฟ่านอวี่แล้ว เขาก็ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เขาประมาทศัตรูเกินไปถึงได้ปล่อยให้เหนียนเสี่ยวมู่คิดแผนถ่วงเวลามานานขนาดนี้
ถ้าเขาลงมือเร็วกว่านี้ ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่คงกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว
แต่ในขณะนี้…
ดันเป็นแบบนี้ไปซะได้!
มั่วเฉียนกวาดตามองเหนียนเสี่ยวมู่กับฟ่านอวี่ที่โดนล้อมไว้ตรงกลาง ก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนยังพิงกันด้วยความเห็นอกเห็นใจกันอยู่เลย
ทันทีที่เห็นอวี๋เยว่หานมาถึง เหนียนเสี่ยวมู่ก็เด้งออกจากตัวฟ่านอวี่ทันทีเหมือนติดสปริง
ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อวี๋เยว่หานที่เข้ามาจากประตูทางเข้า
เหมือนลูกแมวตกยากที่รอเจ้าของพากลับบ้าน
เหลือแค่กระดิกหางน้อยๆ
ราวกับลืมไปหมดแล้วว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกเขา แต่เธอเพิ่งหนีออกมาจากโบสถ์ที่จัดพิธีแต่งงานและตอนนี้ยังมาอยู่กับฟ่านอวี่คนที่ชอบเธอ…
ฉากนี้เหมือนกริชแทงใจในสายตาผู้ชายที่รักภรรยาตัวเองอย่างสุดซึ้ง!
มั่วเฉียนตาเป็นประกาย ค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะโชคไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ได้อย่างที่ต้องการ แต่การได้เห็นคนรุ่นใหม่ที่เพอร์เฟคสองคนในเวลาเดียวกันก็ไม่เลวเลยทีเดียว”
มั่วเฉียนหันกลับมาพูดอีกครั้ง
“คุณชายหาน ฉันจำได้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณหนิ แต่ทำไมตอนนี้เจ้าสาวของคุณถึงไม่อยู่ที่โบสถ์เพื่อรอสาบานตนกับคุณล่ะ ทำไมเธอถึงมาที่ท่าเรือกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ เหมือนกับว่าจะหนีตามกันไป!”
“……”
หลังจากมั่วเฉียนพูดจบ ใบหน้าที่เย็นชาของอวี๋เยว่หานก็ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำค้าง
สายตาอันเย็นยะเยือกชำเลืองมองมาที่เขา และสุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่เหนียนเสี่ยวมู่กับฟ่านอวี่ที่อยู่ด้วยกัน
แววตาอึมครึม
วันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกเขา
ในโบสถ์ นอกจากญาติผู้ใหญ่ทุกคนของตระกูลอวี๋และญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขาแล้ว ก็ยังมีหุ้นส่วนทางธุรกิจอยู่ที่นั่นด้วย…
ทุกคนล้วนมารออวยพรให้พวกเขา
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขายังยืนต่อหน้านักข่าวเพื่อสารภาพรักกับเธอต่อหน้าคนทั้งโลก
วินาทีถัดมา ถึงได้มารู้ว่าเจ้าสาวตัวเองหายไป
เขาเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ทุกมุมโบสถ์อย่างบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายกลับพบว่าเธอเป็นคนถอดชุดเจ้าสาวและหนีออกจากโบสถ์ไปเอง
ก่อนจากไป เธอยังซ่อนตัวอยู่ที่มุมมุมหนึ่งและแอบมองเขากำลังบอกรักเธอต่อหน้านักข่าว
พอหันกลับมาอีกที เธอก็ทิ้งเขาหนีไปแล้ว…
ไม่แม้แต่จะหันกลับมา!
เขาเป็นห่วงเธอจนแทบบ้า ถึงขนาดยอมทิ้งแขกและใช้กำลังความสามารถทุกอย่างเพื่อรีบมาที่นี่
เพราะกลัวว่าถ้าตัวเองมาช้าแค่ก้าวเดียว จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
แต่ผลลัพธ์ที่เขาเห็นในตอนท้ายคืออะไร?
เธอกำลังพิงอยู่กับฟ่านอวี่ ทั้งสองกระซิบกระซาบกันอย่างสนิทสนม…
ไม่กลัวตายเลยด้วยซ้ำ
นี่คงเตรียมตัวตายเพื่อความรักไปด้วยกันสินะ?
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าอวี๋เยว่หานก็ยิ่งอึมครึมกว่าเดิม
เมื่อมั่วเฉียนเห็นปฏิกิริยาของเขาก็ยิ้มมุมปาก เกิดความคิดลึกล้ำ
พูดเติมเชื้อเพลิง
“ตระกูลอวี๋เป็นตระกูลที่เคร่งครัดมาตลอด คุณชายหาน ดูคู่หมั้นของคุณสิ ถึงขนาดหนีตามผู้ชายคนอื่นกลางงานแต่งแบบนี้ มันคุ้มไหมที่ตระกูลอวี๋จะแปดเปื้อนเพื่อเธอ?”
ประกายแสงแวบผ่านดวงตามั่วเฉียน
ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายจะทนต่อความอัปยศแบบนี้ไม่ได้
แม้ว่าเขาจะฆ่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เพราะมีอวี๋เยว่หานอยู่
แต่ถ้าทำให้อวี๋เยว่หานทิ้งเหนียนเสี่ยวมู่และยกเลิกงานแต่งได้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็จะสูญเสียที่พึ่งใหญ่
ตอนที่ 1032 หนูผิดไปแล้ว แต่หนูไม่พูด
พอถึงเวลาที่จะเอาชีวิตน้อยๆ ของเธอ มันจะง่ายกว่ามาก!
“ในวงการธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของคุณชายหาน ถ้าคนอื่นรู้ว่าคู่หมั้นของคุณหนีไปกับผู้ชายคนอื่นในวันแต่งงานล่ะก็…”
มั่วเฉียนหัวเราะเบาๆ
คนหูหนวกยังรู้เลยว่าเป็นเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
เขาใช้วิธีการยั่วยุ
ถึงแม้วันนี้จะฆ่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ แต่การล้มงานแต่งงานก็เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ตราบใดที่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ใช่คุณผู้หญิงตระกูลอวี๋ การที่เธอจะทำอะไรก็ย่อมไม่ง่ายขนาดนั้น
ตระกูลมั่วเป็นตระกูลเก่าแก่กว่าร้อยปี ไม่ได้เกรงกลัวตระกูลอวี๋ แต่ถ้าทำให้คนในตระกูลมั่วรู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลมั่วยังมีชีวิตอยู่…
ดวงตามั่วเฉียนคมกริบเมื่อคิดถึงสิ่งนี้
มีไอสังหารปรากฏผ่านส่วนลึกของดวงตา มองไปบนตัวเหนียนเสี่ยวมู่!
“อวี๋เยว่หาน ฉันเปล่านะ! ที่ฉันหนีออกจากโบสถ์เป็นเพราะฉันได้ข่าวของเปิงเปิง มั่วเฉียนใช้รูปเปิงเปิงมาล่อฉัน ฉันไม่ได้หนีตามฟ่านอวี่ เขาพูดไปเรื่อย!”
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินมั่วเฉียนพูดยุยง เธอก็รีบร้อนอธิบาย
เรื่องของความรู้สึกจะปล่อยให้ระแวงกันไม่ได้
ถ้าพูดให้ชัดเจนได้ ก็ต้องพูดให้ชัดๆตั้งแต่ทีแรก
อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายเดาว่าคุณไม่แคร์เขา และบอกไปว่าคุณแคร์เขามากแค่ไหน…
ทันทีที่เกิดความระแวงขึ้นมา ช่องว่างเล็กๆ ก็จะขยายออกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย
แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นคนผิดที่ทิ้งงานแต่งงานแล้วหนีออกมา ดังนั้นการง้ออวี๋เยว่หานจึงเป็นเรื่องที่เธอควรทำ
เพราะถ้าปล่อยให้มั่วเฉียนยุแยงต่อไป อวี๋เยว่หานจะต้องเข้าใจผิดว่าเธอมีอะไรกับฟ่านอวี่จริงๆ
“ทำไมไม่บอกผม?” อวี๋เยว่หานมองหน้าเธอ พูดทีละคำ
“อะไรนะ?” เหนียนเสี่ยวมู่อึ้ง
“ได้ข่าวถานเปิงเปิงแล้วทำไมไม่บอกผม? วันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกเรา ครอบครัวผมต่างก็รออยู่ที่โบสถ์ คุณมีปัญหาอะไรถึงบอกผมไม่ได้ แล้วทำไมฟ่านอวี่มาอยู่ที่นี่?”
ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานดูเย็นชา ทุกคำแฝงไปด้วยความแคลงใจ
“หรือประโยคถัดไปคุณจะบอกผมว่ามั่วเฉียนขู่ให้คุณมาที่นี่โดยที่ห้ามบอกใคร? ส่วนฟ่านอวี่แค่บังเอิญโทรศัพท์หาคุณ เขาเป็นคนติดต่อคุณมาเอง ดังนั้นพวกคุณถึงได้มาอยู่ด้วยกัน?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เขาพูดตรงทุกอย่าง แต่รู้สึกว่าน้ำเสียงฟังดูแปลกๆ
ตอนนี้เธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับดี?
เหนียนเสี่ยวมู่ “อวี๋เยว่หาน คุณฟังฉัน…”
อวี๋เยว่หาน “พอได้แล้ว! ตั้งแต่คุณหนีออกจากโบสถ์โดยที่ไม่บอกผมซักคำ คุณก็น่าจะรู้ดีว่าผมจะมีท่าทียังไง คุณยังกล้ามาอยู่กับฟ่านอวี่อีก!”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ตาแดงก่ำเมื่อถูกเขาตะคอกใส่
มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวจับชายเสื้อตัวเองไว้พลางกัดปากด้วยความน้อยใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะฟ่านอวี่ ตอนนี้ชีวิตน้อยๆ ของเธอคงไม่เหลือแล้ว
เขาก็ได้แต่หึง
เธอน้อยใจแต่เธอไม่พูด
ใครให้เธอหาโอกาสบอกเขาเรื่องข่าวถานเปิงเปิงไม่ได้กันล่ะ เธอถึงได้หนีออกจากโบสถ์มาคนเดียวแบบนี้
สมควรแล้วที่เขาจะโกรธ
แต่…
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้น ดวงตาชื้นแฉะเหมือนลูกกวางกะพริบปริบๆ
“อวี๋เยว่หาน คุณไม่ต้องการฉันจริงๆ แล้วใช่ไหม?”
ทันทีที่เธอพูดจบ อวี๋เยว่หานก็หรี่ตาลง
ร่างอันสูงส่งเดินเข้ามาหาเธอ
คนที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาถอยออกไปโดยไม่ได้นัดหมายภายใต้ออร่าอันทรงพลังที่น่าหวาดกลัวของเขา
เมื่อมั่วเฉียนเห็นว่าอวี๋เยว่หานกำลังจะแตกหักกับเหนียนเสี่ยวมู่ เขาก็ส่งสายตาให้คนของตัวเองถอยไป
ท่าเรือขนาดใหญ่ค่อยๆ เงียบสงบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร