หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 149-150
ตอนที่ 149 ใครโง่ใครเขินกัน
ในห้องอาบน้ำ
เสี่ยวลิ่วลิ่วยืนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ดวงหน้าเล็กจ้อยน่ารักมีหยดน้ำอยู่เต็มไปหมด กำลังยิ้มกริ่มราวกับจิ้งจอกตัวน้อย
เด็กหญิงยิ้มแป้นจนตากลมโตเหลือเพียงเส้นบางๆ
พร้อมทำท่าทางเหมือนเพิ่งสาดน้ำเสร็จ…
เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เสื้อผ้าบนตัวเปียกไปหมดแล้ว
บนพื้นก็เต็มไปด้วยหลักฐานที่ทั้งคู่เล่นสงครามสาดน้ำจนเสร็จสิ้น
หญิงสาวปรับตัวได้ดีมาก ไม่เพียงไม่ถูกเสี่ยวลิ่วลิ่วทำให้กลัว ยังเล่นกับเสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างมีความสุข
อวี๋เยว่หานกวาดมองใบหน้าเธอ ก่อนที่สายตาจะตกลงบนหน้าอกของเธอ…
เธอเองอาจจะยังไม่สังเกตเห็น ว่าเธอสวมเสื้อสีขาว หลังจากเปียกน้ำไปแล้ว เสื้อก็ทั้งบางทั้งมองได้ทะลุ
ดูแล้วเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย
สิ่งที่ควรมอง สิ่งที่ไม่ควรมอง เขาแทบจะมองเห็นหมดแล้ว
อวี๋เยว่หานเกร็งตัวอย่างน่าประหลาด ใบหน้าเย็นชาฉายแววยั่วเย้าเล็กน้อย
เขาอยากจะเลื่อนสายตาหนี แต่รูปร่างโค้งเว้าชัดเจนของเธอกลับเคลื่อนที่อยู่ตรงหน้าเขาตลอด
เธอเดินเข้ามาหาเขา “คุณชาย เสี่ยวลิ่วลิ่วอาบน้ำเสร็จแล้ว ห้องน้ำคุณเปียกนิดหน่อย…ฉันจะใส่เสื้อผ้าให้เธอ แล้วจะทำความสะอาดให้ค่ะ”
“…” อวี๋เยว่หานหลุบตามองใบหน้าไร้เดียงสาตรงหน้าตนเอง
ในอกของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน
เขาโยนผ้าขนหนูผืนหนึ่งจากบนชั้นวางใส่ตัวเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังกังวลว่าตัวเองทำให้ห้องน้ำของเขาเละเทะขนาดนี้ แล้วเขาจะโกรธจนลงไม้ลงมือกับเธอหรือเปล่า ครั้นเห็นเขายกมือ เธอก็รู้สึกตื่นกลัว แต่ผลสุดท้ายมีเพียงผ้าขนหนูที่บินมา ทำเอาเธอตะลึงงันอยู่บ้าง
ผ้าขนหนูคลุมหัวเธออยู่ เธอจึงรีบร้อนยื่นมือไปดึงผ้าขนหนูลงมา
“เด็กๆ อาบน้ำจะค่อนข้างดื้อ ฉันบอกแล้วไงว่าจะทำความสะอาดให้…” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบด้วยความโมโห ก่อนจะพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าผิดปกติไปบ้าง
ใบหน้าของเขาหดเกร็งอย่างยิ่งยวดราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้
“คุณชาย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
เธอแค่ทำห้องน้ำเขาเละเท่านั้นเอง เขาคงไม่น่าโกรธจนพูดไม่ออกและไม่ยอมมองเธอสักครั้งแบบนี้
หรือว่าความจริงแล้วเขาเป็นโรครักความสะอาดขั้นรุนแรง?
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ อวี๋เยว่หานก็เงยหน้าขึ้นมา วินาทีต่อมาก็เหลือบมองผ้าขนหนูที่เธอดึงออก และขมวดคิ้วมุ่น
ลูกกระเดือกเซ็กซี่ของเขาขยับขึ้นลง ก่อนจะเค้นเสียงแหบพร่าออกมาจากในลำคอ “พันผ้าขนหนูให้ดี”
“ฉันไม่ได้อาบน้ำสักหน่อย ฉันไม่ต้องใช้ผ้าขนหนู..”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่ทันจบ เธอมองตามสายตาเขาลงไป ชำเลืองเห็นหน้าอกที่เหมือนกำลังเปิดโล่งของตัวเอง แล้วหยุดพูดในทันใด
อากาศ ณ ตรงนั้นราวกับหยุดนิ่งไปทันควัน
เธออึ้งงันอยู่หลายวินาที ก่อนจะดึงสติกลับมาแล้วยื่นมือไปคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวเองจนเหมือนบ๊ะจ่าง
“ฉันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง แล้วก็เปลี่ยนให้เสี่ยวลิ่วลิ่วด้วย!” เธอไม่กล้ามองหน้าอวี๋เยว่หานอีก ได้แต่ก้มหน้าวิ่งออกไปข้างนอก
ทว่าบนพื้นเต็มไปด้วยหยดน้ำชุ่มฉ่ำ เธอรีบร้อนจนเกินไป ทำให้ตัวลื่นไถลไปหาอวี๋เยว่หานที่อยู่หน้าประตู เข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้ว
แรงปะทะแรงเกินไป ส่งผลให้เธอกดเขาไว้ที่กรอบประตู…
นี่คืออะไร
กรอบประตูเหรอ
ครั้นเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดำคล้ำขึ้น เหนียนเสี่ยวมู่คิดแต่อยากให้มีใครเข้ามาทำให้เธอสลบไปเท่านั้น
เดินออกไปไม่ยากหรอก ใครโง่ใครเขินกัน
“คุณชายหาน พื้นลื่นเกินไป ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
“ยังไม่ปล่อยอีก?” เสียงของอวี๋เยว่หานแหบพร่า พลางจ้องมองหญิงสาวที่ตัวแนบชิดกับตนเอง ดวงตาทรงเสน่ห์เป็นสีดำล้ำลึกอย่างยิ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ยื่นมือไปดันเธอออก ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมใบหน้าเยือกเย็น
เงาหลังสูงโปร่งแข็งทื่อของเขาแผ่ซ่านความโมโหออกมา…
ตอนที่ 150 คุณไม่เป็นไรใช่ไหม
เหนียนเสี่ยวมู่เขินจนไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเขาตลอดทั้งคืน
หลังจากกล่อมเสี่ยวลิ่วลิ่วเข้านอนแล้ว เธอก็หมกตัวอยู่ในห้อง ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับซ่างซิน
นอกจากวิดีโอและรูปภาพเดินแบบของเธอแล้ว บนอินเทอร์เน็ตแทบจะไม่มีรูปภาพส่วนตัวของเธอเลย
ครั้นติดต่อผู้จัดการของเธออีก ทางฝั่งนั้นก็เน้นย้ำอีกครั้งว่าซ่างซินจะไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์
เหนียนเสี่ยวมู่คว้าหมอนบนหัวเตียงมา สองมือรองอยู่ตรงแก้ม เหม่อมองเงื่อนไขร่วมมือที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าให้มา
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทางเซิ่งต้าถึงคิดว่าซ่างซินเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสมที่สุด
นางฟ้าขวัญใจชาวจีนที่ดังเป็นพลุแตกคนนี้ทั้งสวย มีเอกลักษณ์ และกำลังเป็นที่นิยม สอดคล้องกับภาพลักษณ์สินค้าใหม่ที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ากำลังจะปล่อยออกมาอย่างมาก
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ซ่างซินเดินแบบมาก นักลงทุนนับไม่ถ้วนอยากเชิญเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่เธอล้วนปฏิเสธไปทั้งหมด หากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าได้ตัวเธอมา เพียงแค่เรื่องตลกนี้ก็พอให้สินค้าใหม่ของพวกเขาโด่งดังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โอกาสทางธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่มือใหม่ในแวดวงธุรกิจอย่างเธอยังมองออกเลย
เพียงแต่คิดง่ายทำยาก อยากจะเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่เธอไม่มีคอนเนคชันเลยด้วย แล้วจะเจรจาได้อย่างไร
หรือว่าหน้าที่แรกอย่างเป็นทางการที่เธอได้เข้ามาในแผนกประชาสัมพันธ์จะต้องล้มเหลวไปอย่างนี้
เหนียนเสี่ยวมู่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หมดเรี่ยวแรงแล้ว
แต่เธอพลันลุกขึ้นนั่ง ราวกับนึกอะไรได้ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความหาถานเปิงเปิง
จากนั้นเธอก็จ้องโทรศัพท์มือถือตาปริบๆ
ถานเปิงเปิงตอบข้อความช้ามาก ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะตอบกลับมาครั้งหนึ่ง
ส่วนแรกบอกที่อยู่และเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
ส่วนหลังเน้นไว้ว่า ‘เป็นข้อมูลที่เพื่อนร่วมงานผู้ชายให้มา ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จ’
เหนียนเสี่ยวมู่กอดโทรศัพท์มือถือ ได้เห็นถานเปิงเปิงสอบถามข้อมูลงานครั้งต่อไปของซ่างซินให้เธอจริงๆ เธอก็ดีใจจนเกือบจะดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้เลยทีเดียว
พลังของแฟนคลับช่างยิ่งใหญ่ ข้อมูลที่สื่อไม่มีทางรู้ แฟนพันธุ์แท้ต้องรู้แน่นอน
ในที่สุดก็มีโอกาสอันน้อยนิดที่จะได้เจรจาเรื่องพรีเซ็นเตอร์กับซ่างซิน เหนียนเสี่ยวมู่ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบแก้วไปรินน้ำ
แต่เพิ่งหยิบกาน้ำขึ้นมา เธอก็ยินเสียงหยดน้ำดังซ่าๆ ในหัวเธอมีภาพในห้องน้ำที่ไม่อาจลืมได้ง่ายๆ ผุดขึ้นมาทันที
ตอนนี้เธอหน้าร้อนจี๋ไปหมด
เธอวางกาน้ำลง ไม่ดื่มน้ำแล้ว แต่หันหน้ามุดเข้าไปในผ้าห่ม บังคับตัวเองให้นอนหลับไป
เช้าวันต่อมา
เหนียนเสี่ยวมู่มาตอกบัตรเข้าบริษัท จากนั้นยื่นเรื่องขอออกไปข้างนอก
เธอมาถึงงานแฟชั่นโชว์ที่ซ่างซินต้องมาลองเสื้อผ้าตั้งแต่เช้า ตามที่อยู่ที่ถานเปิงเปิงส่งให้เธอ
วันนี้ซ่างซินไม่มีเดินแบบ เพียงแค่ลองเสื้อผ้าเท่านั้น การคุ้มกันจึงไม่แน่นหนา
ตอนเหนียนเสี่ยวมู่มาถึง นอกจากเธอแล้ว รอบๆ ก็แทบจะไม่มีใครอื่น
เธอจองที่นั่งดีๆ ได้ก่อนใคร
เมื่อถึงเวลาที่ซ่างซฺนต้องปรากฏตัว แฟนคลับที่ได้ข่าวจำนวนมากก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน พากันเบียดเข้ามาอย่างหนาแน่น
เบียดกันแน่นจนน้ำผ่านไปไม่ได้สักหยด
เหนียนเสี่ยวมู่ถูกเบียดอยู่ข้างหน้าสุด เธอจับแผงกันเอาไว้แน่น จะได้ไม่ถูกเบียดออกไป
เก้าโมงตรง
รถมินิแวนสีขาวคันหนึ่งขับเข้ามาอย่างเชื่องช้า
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันเห็นคนในรถชัดเจนก็มีเสียงกรี๊ดของแฟนคลับดังขึ้นมาแล้ว
“ซ่างซิน! ซ่างซิน!”
“นางฟ้า ผมรักคุณ!”
“นางฟ้าซ่างซิน คุณเป็นหนึ่งเดียวในใจของผม”
“…”
เหล่าบอดี้การ์ดเข้ามาควบคุมสถานการณ์ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งมาถึงข้างหน้าก็ถูกขวางเอาไว้เสียแล้วจึงรีบอธิบาย
“ฉันมาเจรจาร่วมงานกับซ่างซิน…”
“พวกผมฟังข้ออ้างแบบนี้มาเยอะแยะแล้ว ถอยไป!” บอดี้การ์ดกล่าวเตือนหน้าเคร่ง
เหนียนเสี่ยวมู่ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนที่ถูกดันจนเกือบล้มนั้นเองก็มีผู้หญิงใส่หมวกแก๊ปคนหนึ่งรับเธอไว้ได้ทัน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”