หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 185
หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 185 คุณมีคนที่ชอบหรือเปล่า / ตอนที่ 186 จบเห่! เธอต้องจบเห่แน่!
ตอนที่ 185 คุณมีคนที่ชอบหรือเปล่า
“คุณชาย ฉันก็ขอดื่มเหล้าอวยพรคุณ ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์…” เพื่อนร่วมงานรอบๆ เหนียนเสี่ยวมู่ดื่มกันหมดแล้ว เธอพลันนึกขึ้นได้ จึงยกแก้วไวน์หมุนตัวไปทางอวี๋เยว่หาน
แต่วินาทีต่อมาก็เหลือบเห็นสายตาเย็นชาของเขา ทำเอาเธอตัวสั่นไปทั้งตัว
เธอแสร้งทำเป็นตัวเองไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น และก้มหน้าดื่มไวน์ในแก้วจนหมดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็นั่งลงแกะปูอย่างยากลำบากต่อไป
ไม่นานเหวินหย่าไต้ก็กลับมา
หลังจากทุกคนกินดื่มกันจนอิ่ม ก็เริ่มเล่นเกมกัน
เกมพูดความจริงหรือรับคำท้า ความหมายตรงตัว คนที่แพ้ต้องเลือกพูดความจริง หรือรับคำท้า
วิธีเล่นเกมก็แค่หมุนขวดเหล้า
สุดท้ายแล้วปากขวดชี้ไปที่ใคร ถือว่าคนนั้นแพ้
หลังจากคนที่แพ้รับบทลงโทษแล้ว ก็จะกลายเป็นเจ้ามือของรอบต่อไป ให้คนคนนั้นหมุนขวดเหล้า
กติกาง่ายมาก ทุกคนฟังครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่เป็นหลุมดำในการเล่นเกมเสมอมา เธอจึงไม่สนใจจะเล่นสักนิดเดียว เอาแต่ตั้งอกตั้งใจกินปู
เมื่อได้ยินเสียงหมุนขวดเหล้า เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมาเหลือบมอง
รอบแรก เพื่อร่วมงานหญิงคนหนึ่งเป็นคนเปิดเกม
ปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่หมิงหมิ่น
“ฉันเลือกรับคำท้า” เย่หมิงหมิ่นยืนขึ้นจากเก้าอี้ และพูดออกมาอย่างเปิดเผย
ทันใดนั้นก็มีคนถือกล่องเล็กๆ เข้ามา ให้เธอจับฉลากกระดาษคำท้าขึ้นมา
“กอดเพศตรงข้ามที่อยู่ใกล้กับคุณที่สุด เป็นเวลาสิบวินาที!” ผู้ดำเนินเกมอ่านเนื้อหาบทลงโทษออกมาเสียงดัง
สิ้นเสียงของของผู้ดำเนินเกม ทุกคนก็โห่ร้อง มองไปทางเพื่อนร่วมงานชายที่อยู่ใกล้กับเย่หมิงหมิ่นที่สุเ
“กอดเลย!”
“กอดเลย!”
แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังถูกบรรยากาศคึกคักหล่อหลอมให้โหร้องตามทุกคนไปด้วย
เย่หมิงหมิ่นลังเลอยู่หนึ่งวินาทีเท่านั้น แล้วก็เดินไปกอดเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อบทลงโทษจบลง ตาต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องหมุนขวด
แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็แอบภาวนาให้อวี๋เยว่หานโดนสักครั้งอยู่เงียบๆ
คุณชายอันดับหนึ่งของเมืองเอช ประธานบริษัทชายโสดที่ค่าตัวสูงที่สุด
ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดูคลุมเครือ ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็น
มีเพียงอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองอย่างสง่างาม สงบนิ่งราวกับอยู่นอกเกม
ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยแสงของความสูงศักดิ์ สูงส่งดุจเทพเซียน
ไม่นานขวดเหล้าก็หยุดหมุน
คนที่ปากขวดชี้ไปไม่ใช่อวี๋เยว่หาน แต่เป็นเหวินหย่าไต้!
“พูดความจริง” เหวินหย่าไต้ลุกขึ้นยืนอย่างใจกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปทัดปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าด้านข้าง ท่าทางสง่างงาม น่าหลงใหลมาก
ถ้าไม่มีเหนียนเสี่ยวมู่ เธอต้องเป็นจุดสนใจในสายตาของทุกคนแน่
แต่น่าเสียดายที่มีเหนียนเสี่ยวมู่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ความเจิดจรัสของเธอถูกกลบจนไร้ร่องรอย
“ผู้จัดการเหวินเก่งขนาดนี้ ต้องมีคนตามจีบเยอะแน่ๆ คุณมีคนที่ชอบไหมคะ” ไม่รู้ใครโพล่งถามออกมา เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็เงียบกริบกันหมด
เดิมทีเย่หมิงหมิ่นควรจะเป็นคนถามคำถามให้เหวินหย่าไต้
แต่มีเพื่อนร่วมงานอยากรู้อยากเห็นช่วยถาม เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร
ซูเปอร์ไวเซอร์สาวได้แต่สนับสนุน และถามคำถามซ้ำอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น เหวินหย่าไต้ก็ตะลึงไปเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏสีแดงระเรื่อ
เธอหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางอวี๋เยว่หานโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นถึงจะพูดออกมา “ฉันมีคนที่ชื่นชมมาก”
เพียงคำพูดง่ายๆ ก็ทำให้บรรยากาศร้อนระอุขึ้นมาทันที
ชื่นชมกับชอบ มีความหมายคล้ายๆ กัน
หลังจากเหวินหย่าไต้พูดจบ หลายๆ คนก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น ว่าคนที่เธอบอกว่าชื่นชมเป็นใคร
ตอนที่ 186 จบเห่! เธอต้องจบเห่แน่!
เหวินหย่าไต้พูดจบ ก็สังเกตปฏิกิริยาของอวี๋เยว่หานโดยตลอด
เดิมทีคิดว่าเขาได้ยินเธอพูดแล้วจะเกิดอาการหึง หรือไม่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกับทุกคน
แต่จนถึงตอนนี้ เขาแค่นั่งถือแก้วไวน์แดงอย่างสงบเงียบเท่านั้น แถมยังจิบไวน์แดงด้วยความเย็นชาอย่างมาก ราวกับไม่ได้ยินเธอพูดอย่างไรอย่างนั้น
เขาหันหน้าไปกลับไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่เอาแต่กินอยู่บ่อยครั้ง…
ไม่สนใจอยู่แล้วว่าเหวินหย่าไต้จะชอบใคร…
รอยยิ้มที่มุมปากของเหวินหย่าไต้หายไปทันที
เธอหรี่ตาลง แล้วหยิบขวดไวน์แดงมาเล่นเกมต่อ
“ขอโทษนะคะ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถึงตาคุณแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงของเหวินหย่าไต้ เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะเงยขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะมองขวดไวน์แดงที่ชี้มาทางตัวเอง
“พูดความจริง” เหนียนเสี่ยวมู่พูดโดยไม่ต้องคิด
เธอไม่กล้ารับคำท้า เพราะถ้าเกิดจับฉลากได้บทลงโทษให้ไปจูบใคร อย่างนั้นก็เสียชื่อใหญ่เลย
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณชอบผู้ชายแบบไหนครับ” เพื่อนร่วมงานชายที่มาขอชนแก้วกับเธอคนแรกหน้าแดง และแย่งถามทันทีที่ได้ยินเธอเลือกพูดความจริง
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าเรียบนิ่งมาโดยตลอดก็ช้อนสายตาขึ้นเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง
ทีแรกเหนียนเสี่ยวมู่กังวลอยู่ว่าจะถูกถามคำถามยากๆ อะไร แต่พอได้ยินคำถามนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นตอบเสียงดังฟังชัดทีละคำทันที “ผู้ชายอบอุ่น! ผู้ชายอบอุ่นมากๆ! ผู้ชายที่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์น้อยที่ปล่อยไออุ่นสามสิบหกอกศา ฉันชอบที่สุด!”
อวี๋เยว่หาน “…”
ดีมาก เธอสร้างหัวข้อใหม่ให้ตัวเองแล้ว
เหมือนกำลังกระแนกระแหนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ
อวี๋เยว่หานไม่ลืม ว่าใครบางคนตั้งฉายาให้เขาว่าก้อนน้ำแข็ง
แตกต่างกับดวงอาทิตย์น้อยโยสิ้นเชิง
ใบหน้าที่เพิ่งผ่อนคล้ายกลับมาแข็งทื่อเหมือนฤดูหนาวทันที
“ถึงตาฉันหมุนแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่หยิบขวดไวน์แดงมา เธอถูมือก่อน จากนั้นก็ตั้งใจจับตรงกลางเป็นพิเศษ แล้วหมุนขวดไวน์อย่างแรง
วินาทีต่อมา ปากขวดค่อยๆ หลุดลง และชี้ไปทางอวี๋เยว่หาน
“…”
ทุกคนเงียบกริบไปสามวินาที
แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่เองก็เบิกตาโพลง จ้องมองขวดไวน์ อยากจะหยิกมือของตัวเองเสียเหลือเกิน
แม้เธอจะอยากนินทาอวี๋เยว่หานอย่างมาก แต่ชีวิตมีค่า
“ให้ฉันหมุนอีกครั้งดีกว่าไหม” เหนียนเสี่ยวมู่ถามอย่างระมัดระวัง
“พูดความจริง” อวี๋เยว่หานลืมตาสีดำขลับ เสียงเยียบเย็นดังขึ้นพร้อมกับเธอ
“…”
ทุกคนส่งเสียงถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
เพื่อนร่วมงานหญิงทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขาเป็นตาเดียว
เหนียนเสี่ยวมู่นำความหวังมาให้เพื่อนร่วมงานหญิงทั้งแผนก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถามคำถามที่เป็นที่นิยมสักหน่อย
เธอสับสนอยู่นาน แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ “คุณชายหาน คุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”
“…”
หลังจากเธอพูดจบ บรรยากาศทั้งห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวก็แข็งทื่อไปหมด
เสียงเดียวที่ยังหลงเหลือ คือเสียงเพื่อนร่วมงานบางคนที่อึ้งงันจนทำตะเกียบตกลงบนพื้นไป
ครั้นหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หาน ก็เห็นเขาหน้าดำคร่ำเคร่งยิ่งกว่าก้นหม้อแล้ว
เป็นไปดังคาด เธอเป็นหลุมดำของเกม
งานเลี้ยงจบลงภายใต้บรรยากาศแปลกประหลาด
พวกเพื่อนร่วมงานต่างก็ติดรถกันกลับไปเป็นกลุ่มๆ มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้ กลัวจนไม่กล้ากลับพร้อมอวี๋เยว่หาน
ครั้นทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว เธอถึงจะออกจากคลับอย่างเชื่องช้า
ลมยามค่ำคืนพัดผ่านใบหน้าไป ทำงานอาการเมาหายไปบ้าง
เธอเพิ่งจะเรียกรถแท็กซี่ตรงริมถนน ก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคุ้นตาคันหนึ่งจอดอยู่ตรงประตู ซึ่งเป็นทางที่ต้องเดินผ่าน!
กระจกรถลดลงมา เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อาจจะนำภัยมาสู่ประเทศได้
ดวงตาสีดำขลับดุจน้ำหมึกคู่หนึ่งเหลือบมองเธอด้วยความเย็นชา “ขึ้นรถ”