หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 635 ละครประจำปี ครึ่งชีวิตแรกของเธอ (2) ตอนที่ 636 ให้เธอสูญเสียทุกอย่าง!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 635 ละครประจำปี ครึ่งชีวิตแรกของเธอ (2) ตอนที่ 636 ให้เธอสูญเสียทุกอย่าง!
ตอนที่ 635 ละครประจำปี ครึ่งชีวิตแรกของเธอ (2)
อวี๋เยว่หานจับใบหน้าของหญิงสาวหันกลับมาทางตัวเอง
พูดออกมาทีละคำ
สิ้นคำพูดนั้น แววตาของฟ่านอวี่ก็เป็นประกายขึ้น ไม่เอ่ยแย้งอะไร
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มก็เห็นด้วยกับวิธีนี้
นี่เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด
“ผู้หญิงที่อยู่ในคลิปวิดีโอก้มหน้าอยู่ มองเห็นไม่ชัด อาจจะยากที่จะตามตัวเจอ แต่ในเมื่อเธอยอมรับการสัมภาษณ์จากพวกนักข่าว ก็น่าจะทิ้งที่อยู่และช่องทางการติดต่อไว้ให้ อาศัยตรวจสอบจากตรงนี้ ก็น่าจะเจอ”ฟ่านอวี่แนะนำ
ในเมืองเอชนี้ หากเขากับอวี๋เยว่หานร่วมมือกันหาคนคนหนึ่ง คนคนนั้นไม่มีทางมีพื้นให้หลบซ่อนตัวแน่!
“ผมให้คนไปสืบเรื่องสิงลี่แล้ว หลายปีมานี้เธออาศัยอยู่ที่ไหน ทำอะไร จุดประสงค์ที่ออกมาแฉกับนักข่าวแบบนี้คืออะไร เดี๋ยวก็คงได้รู้กันเร็วๆ นี้”
อวี๋เยว่หานจูงเหนียนเสี่ยวมู่ หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
คนทั้งหมดเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นผู้ช่วยเดินมาทางนี้อย่างรีบร้อน
“คุณชายหาน……”
“ได้ข่าวของสิงลี่แล้วเหรอ” ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานหรี่แคบลง แววตาเป็นประกายขึ้น
ผู้ช่วยโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม “ครับ แต่ก็ไม่เชิง พวกเรายังไม่ทันเจอตัวสิงลี่ สิงลี่ก็มาพบพวกเราเอง ได้ยินว่าคุณเหนียนไปที่บ้านเก่าของตระกูลสิงก็รีบมาหาพวกเราทันทีเลย ตอนนี้ถูกบอดี้การ์ดกักตัวไว้ที่ด้านนอก……”
เมื่อได้ยินว่าสิงลี่ปรากฏตัวขึ้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็ปล่อยมือของอวี๋เยว่หานอย่างรวดเร็ว เดินนำไปด้านหน้า
ตั้งแต่ที่เธอได้สติหลังจากสลบไปนาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินข่าวคราวของคนในครอบครัว
ถ้าจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงเป็นการโกหก
ใจเธอเต้นอย่างรวดเร็ว
ไม่ทันที่พวกเขาจะเดินไปถึงบ้านเก่าของตระกูลสิง ก็เห็นร่างเพรียวร่างหนึ่งยืนอยู่ที่สนามร้างหน้าบ้าน
ไหล่สั่นระริกราวกับกำลังร้องไห้อยู่
พอได้ยินเสียงฝีเท้า ก็หันมามองอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นพวกเขา ก็พุ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง
“สิงซิง แกยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ ทำไมแกยังไม่ตาย อ๊าย! คนที่สมควรตายที่สุดก็คือแก……” เมื่อสิงลี่เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ก็พุ่งตัวเข้าไปหาราวกับคนบ้า
ยังไม่ทันที่เธอจะได้แตะต้องตัวของเหนียนเสี่ยวมู่ เธอก็โดนบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ กันไว้เสียก่อน
“แกมันเป็นตัวซวย! ทั้งหมดมันเป็นเพราะแกทั้งนั้น ครอบครัวเราถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมแกไม่ไปตายซะ ฉันขอสาปแช่งไม่ให้แกตายดี!”
สิงลี่โดนบอดี้การ์ดกันตัวเอาไว้แต่ก็ยังพยายามพุ่งเข้าไปหาอย่างคลุ้มคลั่ง
แววตาเคียดแค้น สีหน้าดุดัน
แววตาที่มองมายังเหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ปรากฏแววยินดีที่ได้เจอญาติเลยสักนิด มีแต่แววความเกลียดชังที่มองเห็นศัตรู
ผมยาวที่ปกปิดหน้า เมื่อเกิดฉุดกระชากเลยเผยให้เห็นใบหน้านั้น
ครึ่งหนึ่งของใบหน้ามีรอยแผลเป็นน่าเกลียดปรากฏอยู่ ทำเอาคนเห็นต้องตะลึงไป!
เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักไป
ราวกับรู้สึกตัวว่าใบหน้าของตัวเองถูกปรากฏให้เห็น แววตาของสิงลี่ก็เปลี่ยนไปในทันที สองมือกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ย่อตัวลงนั่งที่พื้นตรงนั้น
“อย่ามองฉัน อย่ามามองฉัน……”
หญิงสาวใช้มือดึงผมมาปิดไว้หน้าไว้อย่างลนลานเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นน่าเกลียดนั่น จากนั้นก็หันไปมองทางเหนียนเสี่ยวมู่
“เป็นเพราะแก ทั้งหมดมันเป็นเพราแก ถ้าไม่ใช่เพราะแก พ่อกับแม่ก็คงไม่ตาย ฉันก็ไม่ต้องเสียโฉม ครอบครัวเราตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะแก สิงซิง ไปตายซะ!”
สิงลี่คลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง พุ่งตัวไปด้านหน้า
บอดี้การ์ดนึกไม่ถึงว่าคนที่ลงไปนั่งทรุดตัวอยู่ที่พื้น จะมีปฏิกิริยาที่ว่องไวแบบนี้ กำลังจะเอื้อมมือไปฉุดเธอเอาไว้ แต่สิงลี่ได้พุ่งตัวไปอยู่ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว
เธอเอื้อมไปจับมือของเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้!
แววตาของอวี๋เยว่หานเคร่งขรึมลง กำลังจะลงมือแต่เหนียนเสี่ยวมู่เอื้อมมือมาห้ามเขาเอาไว้
ไม่ได้หวาดกลัวร้อนรนเหมือนดังที่สิงลี่คิดเอาไว้ และก็ไม่ได้โมโหเมื่อโดนด่าทอ
แววตาของเธอมีแต่ความสงบนิ่ง
ราวกับมองเห็นคนแปลกหน้า
มองดูคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้วเอ่ยปากถาม “คุณคือพี่สาวของฉันเหรอ”
ตอนที่ 636 ให้เธอสูญเสียทุกอย่าง!
เหนียนเสี่ยวมู่มองคนตรงหน้าอย่างประเมิน
เส้นผมยาวสีดำขลับ มองดูเป็นคนนิ่งสงบ
เรือนร่างผอมเพรียวดูคล้ายกับเธออยู่บ้าง
ใบหน้าสมส่วน ถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลเป็นจากไหม้ที่อยู่บนซีกหนึ่งของใบหน้า ก็คงเรียกได้ว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง
แต่ว่าแววตาเคียดแค้นของเธอมันดูรุนแรงเกินไป ทำให้ทำลายรัศมีที่อยู่บนตัวของเธอจนหมด ทำให้ทั้งตัวของเธอดูเหมือนกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากขุมนรก
คนคนนี้……เป็นพี่สาวของเธอจริงๆ เหรอ
ทำไมหน้าตาของพวกเธอดูไม่คล้ายกันเลยสักนิด
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันยอมคิดว่าไม่เคยมีน้องสาวอย่างแกซะจะยังดีกว่า” สิงลี่ได้ยินคำพูดของเธอ มือที่จับแขนของเธอไว้ก็บีบแน่นราวกับจะให้กระดูกเธอแหลกละเอียด พูดกัดฟันกรอด
แขนของเหนียนเสี่ยวมู่ถูกเธอบีบจนเริ่มเจ็บ ขมวดคิ้วแน่นอย่างตระหนักได้
กำลังจะสะบัดมือของสิงลี่ออก อวี๋เยว่หานก็เดินเข้ามาเสียก่อน กั้นพวกเธอให้ออกห่างจากกัน เอื้อมมือไปดึงเธอมาปกป้องไว้ในอ้อมกอด
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สิงลี่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หันไปตะคอกใส่อวี๋เยว่หาน
“คุณชายหาน คุณอย่าไปหลงกลใบหน้าของมัน! มันเป็นตัวซวย ทำให้ครอบครัวของฉันต้องตายกันหมด ทำให้ฉันเสียโฉม หลายปีมานี้ถูกส่งไปให้ญาติช่วยดูแล ถ้าเกิดคุณคบกันมันจริงๆ ต้องมีจุดจบที่ไม่สวยแน่ๆ!”
ตระกูลคนรวยส่วนใหญ่มักจะเชื่อในเรื่องดวงชะตา การสืบทอดทายาทของลูกหลาน
ตระกูลอวี๋มีอวี๋เยว่หานเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลอวี๋คงต้องตกเป็นเป็นของอวี๋ฮุยเหวยลูกนอกสมรสแทน
แบบนั้นเกรงว่าต่อให้คุณนายใหญ่อวี๋เสียชีวิตลง ก็คงจะตายตาไม่หลับ
เหมือนว่าสิงลี่จะเข้าใจเรื่องราวภายในตระกูลอวี๋ได้เป็นอย่างดี คำพูดที่พูดออกมา จี้ตรงประเด็นเสมอ
แทบอยากจะเห็นอวี๋เยว่หานเขี่ยเหนียนเสี่ยวมู่ทิ้งเสียตอนนี้ ให้เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!
“……” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
จากสายตาของเธอ มองเห็นแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
ต่างก็พูดกันว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แต่ว่าสิ่งที่เธอเห็นได้จากสายตาของสิงลี่ มันไม่มีความรู้สึกของการเป็นญาติกันเลยแม้แต่นิดเดียว
เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาลงอย่างสงสัย……
ค่อยๆ ยืดกายยืนตรงขึ้นตรง เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของสิงลี่ “เมื่อกี้คุณบอกว่า ฉันเป็นคนทำให้ทุกคนในครอบครัวตาย ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”
“แกมันตัวกาลกิณี ยังมีหน้ามาถามฉันอีก พ่อแม่ดีกับแกขนาดนี้ แกตอบแทนพวกเขายังไงฮะ ถ้าไม่ใช่เพราะแก พวกเขาก็ไม่มีทางตายอย่างน่าอนาถหรอก แกรู้ไหมว่าตอนที่พวกเขาตายมันน่าอนาถแค่ไหน ศพถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม ทั้งสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องของแก กลัวว่าไฟจะครอกไปถึงแก เพื่อจะช่วยชีวิตแกแล้ว พวกเขาต้องถูกไฟเผาทั้งเป็น!”
“……”
คำพูดของสิงลี่ ทำเอาหน้าอกของเหนียนเสี่ยวมู่เหมือนโดนบีบแน่น
แค่คิดตามคำพูดของสิงลี่ ก็ราวกับมีมือใหญ่ที่ไม่สามารถบรรยายได้เอื้อมมาบีบหัวใจของเธอเอาไว้
พ่อแม่ของเธอ ตายเพราะช่วยชีวิตเธอจริงๆ เหรอ
ตอนตายยังเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของเธอ อยากจะปกป้องเธอ……
ร่างของเหนียนเสี่ยวมู่เริ่มสั่นน้อยๆ
แววตาปรากฏภาพเลือนรางขึ้น
มีคนสองคนกั้นอยู่ด้านหน้าของเธอ บอกให้เธอรีบหนีไป
เบื้องหลังของพวกเขา มีเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่
มอดไหม้สิ่งก่อสร้างบริเวณรอบตัว มอดไหม้กำแพงและค่อยๆ คืบคลานมาที่พวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน……
เธออยากจะวิ่งหนีไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็วิ่งไม่เร็ว
ขาทั้งสองข้างราวกับมีอะไรมายึดไว้ ปวดร้าวไปทั้งร่าง เปลวไฟกำลังแผดเผาผิวหนัง รอบกายเต็มไปด้วยควันไฟที่ทำให้ต้องสำลัก แล้วก็ยังมีสิ่งของที่ถูกเผาไหม้
เธอพยายามจะจับคนข้างกายเอาไว้ แต่ก็มีคนเอาแต่ดันเธอให้เดินไปจากทางด้านหลัง
เร่งให้เธอรีบหนีออกไป……
“ไปเร็ว รีบหนีออกไปจากที่นี่!”
“ลูกต้องปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัย!”