หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 338 มอบให้ข้า
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 338 มอบให้ข้า
ร่างของหนานกงยวี่พลันค่อย ๆ เผยปรากฏประหนึ่งภาพในจินตนาการ ชายหนุ่มเข้ามาหยุดยืนเคียงข้างเกอซี ท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาเหยียดออกเกาะกุมฝ่ามือของหญิงสาวรั้งร่างของนาง เข้ามาแนบชิดแผ่นอกของตน
สายตาที่เย็นชาพุ่งทิ่มแทงใส่เฟิ่งอวิ๋นจิ่งผู้อยู่ไม่ไกลพร้อมคํากล่าว “เฟิงอวิ๋นจิ่ง อย่าให้ข้าต้องกล่าวเตือนเจ้าเป็นคราที่สาม ซีเอ๋อเป็นของข้า อย่าหมายจะช่วงชิงนางอีก หาไม่ก็จงอย่าได้ตําหนิที่ข้าไร้มารยาทต่อเจ้า !”
บนดวงหน้าของเฟิงอลิ้นจึงหาได้ปรากฏร่องรอยแห่งความขุ่นเคืองไม่ หากทว่ากลับกลายเป็นความเย็นเยียบเสียดกระดูกเคลือบแฝงไว้ด้วยอาการแห่งความเยาะหยัน “หนานกงยวี่ แม้กิตติศัพท์ตําหนักราชันมัจจุราชของเจ้าจะน่าครั่นคร้าม หากทว่าชื่อเสียงของตระกูลเฟิงของข้าก็น่าสะพรึงไม่ต่างกัน วิหคดีย่อมรู้จักเลือกรังนอน* ข้าเชื่อว่าท่านหมอซียอดอัจฉริยะย่อมสามารถแยกแยะได้ ว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสําหรับตน”
*วิหคดีย่อมรู้จักเลือกรังนอน หมายถึง คนฉลาดย่อมรู้จักเลือกนาย
แม้เหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ทว่าย่อมเพียงพอจะดีงดูดทุกสายตาให้รวมลงเป็นจุดเดียว
เพียงถ้อยคําของเฟิ่งอวิ๋นจิ่งหลุดรอดออกจากปาก ใบหน้าของทุกคนในที่นั้นพลันซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว พวกมันล้วนหันมองไปตามคํากล่าวนั้น หนานกงยวี่ยังคงยืนนิ่ง สายตาของเขาจ้องเขม็งตรงไปเบื้องหน้า เพียงได้เห็นเช่นนั้น แววตาที่เลื่อนลอยของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายพลันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความนับถือที่แฝงไว้ด้วยความหวาดผวาตื่นกลัว
องค์ราชันมัจจุราช – ! บุรุษผู้นี้คือ ท่านอ๋องราชันมัจจุราชผู้เกรียงไกร !
ด้วยวัยแค่เพียงสิบห้าปี ชายผู้นี้สามารถบรรลุถึงพลังฝีมือขั้นที่ 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน ทั้งยังกลายเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งในดินแดนแถบทวีปหมีหลัว !
บุรุษผู้อาศัยเพียงกําลังความแข็งแกร่งของตน บุกเดี่ยวโรมรันกองทัพสัตว์เวทอสูรกระทั่งพินาศย่อยยับ บุรุษผู้ปกป้องเมืองจินหลิงจากความล่มสลาย และหายนะ ชายผู้นั้นคือท่านอ๋อง ราชันมัจจุราชผู้นี้นั่นเอง!
ไม่แต่แค่เพียงเท่านั้น ชายผู้นี้ยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษเลือดเย็นที่โหดร้ายอํามหิต กระบี่ชวนหยวนของเขาตวัดไล่ล่าเข่นฆ่าชีวิตมานับพันนับหมื่น อาบย้อมผืนดินบนเทือกเขากุยจินให้แดงฉานด้วยสายธารคราบโลหิต- – – – ชายผู้นี้คือจ้าวแห่งขุมนรก !
คล้ายเฟิงอวิ๋นจิ่งจะไม่รู้เห็นสีหน้าอันตื่นหระหนกของผู้ใด สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หนานกงยวี่ วาจาเยาะหยันของเขายังคงเอ่ยกล่าวอย่างเนิบช้า “ล้วนมิต้องกล่าวว่าเจ้าคือท่านอ๋องราชันมัจจุราชผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ด้วยเกียรติยศของเจ้าล้วนสามารถครอบครองโฉมงามทุกนางที่เจ้าหมายปอง เหตุใดเจ้าจึงกระทําตนแล้งน้ําใจเหนี่ยวรั้งเด็กที่มีพลังฝีมือต่ําต้อยแค่เพียงระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ไว้เล่า?”
“เช่นนี้ดีหรือไม่ เจ้ามอบซีเยว่ให้แก่ข้า ส่วนข้าจะขอให้คํามั่นว่า นับแต่นี้ไป ข้าจะมอบโอสถที่ตระกูลเฟิ่งปรุงขึ้นได้ในแต่ละปีให้แก่ เจ้าหนึ่งในสิบส่วน เพื่อเป็นของกํานัลแก่เจ้า เจ้าคิดเห็นเช่นไรเล่า
เพียงถ้วนทุกคนได้ยินคํากล่าวนั้น เสียงถอนหายใจยาวด้วย ความโล่งใจพลันถูกปลดปล่อยออกมาอย่างพร้อมเพรียง
โอสถที่ตระกูลเฟิ่งปรุงกลั่นขึ้นในแต่ละปีนั้น หากจะกล่าวว่าทุกเม็ดโอสถคือสมบัติอันมิอาจประมาณค่าล้วนไม่ถือว่าเป็นคํากล่าวที่เกินเลยจากความเป็นจริงเท่าใดนัก
ผู้ใดไหนเล่าที่ไม่รู้ว่าตระกูลเฟิ่งมีผู้ปรุงโอสถระดับชั้นปรมาจารย์? ตลอดทั่วดินแดนแถบทวีปหมีหลัว ผู้ปรุงโอสถระดับชั้นปรมาจารย์ล้วนปรากฏแค่เพียงเท่าขนหงส์* พวกเขาสามารถปรุงโอสถระดับขั้นสูงได้เพียงปีละ 12 เม็ด แต่ละเม็ดโอสถล้วนไม่อาจประมาณค่า ทั้งย่อมไม่อาจซื้อหาได้ตามท้องตลาด
“เพียงเท่าขนหงส์ เป็นอุปมาถึงสิ่งที่ล้ําค่าแสวงหาได้ยากยิ่ง
ทุกสายตาล้วนอดมิได้ที่จะหันมาหาองค์ราชันมัจจุราช ภายในใจของมันล้วนก่อเกิดความคิดว่า แม้นหนุ่มน้อยผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ผู้นี้จะมีพรสวรรค์อันล้ําเลิศทั้งยังมีทักษะที่ยอดเยี่ยม…หากทว่ามีหรือที่จะสามารถนําไปเทียบกับโอสถของตระกูลเฟิงได้ ? หากสมองขององค์ราชันมัจจุราชผู้นี้มิได้ผิดเพี้ยน เขาย่อมต้องไม่ปฏิเสธข้อเสนองามชิ้นนี้อย่างแน่แท้
หากทว่าใบหน้าของหนานกงยีกลับยิ่งเย็นยะเยือกสุดเปรียบปาน คล้ายเขากําลังโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด หากจะเปรียบล้วนอาจเทียบได้กับปืนใหญ่ที่พร้อมจะระเบิดพุ่งทําลายได้ทุกเมื่อ
เขาจับจ้องเฟงอวินวิ่งด้วยแววตาที่เย็นชา กระบี่ดําในมือถูกยกขึ้นทีละน้อย อายสังหารที่ถ่ายเททั่วคมกระบี่ส่งให้ทุกผู้คนในที่นั้นหนาวยะเยือกไปถึงไขกระดูก
“เฟิ่งอวิ๋นจิ่ง หากเจ้าอยากรนหาที่ตาย ข้าก็พร้อมช่วยส่งเสริม
เฟิ่งอวิ๋นจิ่งหรี่ตาลงมองหนานกงยวี่และเกอซี พลางกล่าวขณะคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย “ล้วนเป็นเพียงข้อเสนอ หนานกงหากเจ้าไม่เห็นพ้องย่อมไม่จําเป็นต้องเกรี้ยวกราด”
“เจ้ากลับไปคิดใตร่ตรองอีกคราให้ถ้วนถี่ คําสัญญาที่ข้ามอบในวันนี้จะยังคงยึดถือเช่นนั้นตลอดไป เมื่อใดที่เจ้าเปลี่ยนใจ เจ้าสามารถมาพบข้าได้ทุกเมื่อ
กล่าวจบเขาจึงหันกลับมาหาเกอซีแววตานั้นฉายประกายรุ่งโรจน์ขึ้นวาบหนึ่ง “ซีเยว่ ประตูเรือนตระกูลเฟิ่งพร้อมเปิดรอรับเจ้าเสมอ เจ้าย่อมสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ
พร้อมคํากล่าวนั้น ชายหนุ่มโยนป้ายไม้สีแดงเข้มส่งให้เกอซีก่อน จะหันหลังเดินจากไปโดยไม่หยุดชะงักฝ่าเท้า
***จบตอน มอบให้ข้า***