หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 346 เขาอยู่ที่ใด ?
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 346 เขาอยู่ที่ใด ?
“ช่วยข้าด้วย ! รีบช่วยข้าเร็วข้า ! ข้าคืออาวุโสใหญ่แห่งตระกูลน่าหลาน ข้าคือคนเพียงผู้เดียวที่สามารถนําพาเจ้ากลับคืนสู่ตระกูลน่าหลานได้ ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่จะนําพาเจ้าคืนสู่เชื้อสายวงศ์สกุล เจ้าได้ยินหรือไม่ ? รีบช่วยข้าเร็ว !”
“หากจะติโทษ ก็จงโทษที่เจ้าคือคนของสกุลน่าหลานเถิด !”
เสียงหัวเราะของนางเย็นชา มิมีผู้ใดทันเห็นว่าขวดโอสถปรากฏในมือของเกอซีตั้งแต่เมื่อใด เห็นแต่เพียงนางโปรยปรายผงโอสถบางสิ่งลงไป
ฉับพลันเสียงแผดร้องของน่าหลานเยี่ยนหมิงกลับยิ่งน่าขนพองสยองเกล้า ร่างของเขาเกลือกกลิ้งเกลือกไถลอย่างไม่อาจหยุดยั้งมันทําได้เพียงนอนกระตุกชักสั่นเทาอยู่กับพื้น
บาดแผลทั่วร่างระเบิดแตก โลหิตสีดําคล้ำคละเคล้าปนเปื้อนมากับน้ำหนองทะลักกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เพียงพริบตาบ่อโลหิตพลันเริ่มก่อตัว
ชั่วขณะที่เกอซีโปรยผงโอสถลงบนร่างของน่าหลานเยี่ยนหมิง หนานกงยวี่ก็ได้แยกกลุ่มฝูงชนออกมาให้ไกลห่างแล้วก่อนหน้า
แม้ในยามนี้น่าหลานเยี่ยนหมิงจะไม่เหลือแม้เพียงกองกระดูก กระนั้นสายตาของเกอซียังคงนิ่งสงบราวนางยังจมอยู่กับห้วงความคิดอันล้ำลึก
หนานกงยี่เข้าใจว่าเกอซีพลันสํานึกเสียใจจึงอดมิได้ที่จะเดินเข้ามาเพื่อเอ่ยคําปลอบใจ ท่อนแขนแกร่งยกขึ้นโอบกระชับนางเข้าแนบชิดใกล้ น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด หรือมีฐานะแท้จริงเช่นไร ภายในใจของข้า เจ้ายังคงเป็นซีเอ๋อ ทั้งจะยังคงเป็นพระชายาของข้าตลอดไป”
ครั้นเกอซีผู้กําลังจิตใจเลื่อนลอยตระหนักได้ว่าบุรุษผู้อยู่ข้างกายนางในยามนี้ กําลังปลอบประโลมจิตใจนาง หญิงสาวจึงอดมิได้ที่จะนึกขัน หากทว่าขณะเดียวกันนางก็ซาบซึ้งใจ
นางส่ายหน้า “สําหรับข้าแล้ว ผู้คนในตระกูลน่าหลานล้วนเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ได้สิ้นความสําคัญ เช่นนี้แล้วข้าจะรู้สึกรู้สาใดกับความเป็นหรือความตายของพวกมันเล่า ? ข้าแค่เพียง…เพียงกําลังคิดถึงเรื่องของน่าหลานจื่ออวิ๋น”
รอยประทับแห่งความทรงจําเกี่ยวกับน่าหลานจื่ออวิ๋น น้องชายของนางผู้นี้ คงมีเพียงเมื่อครั้งที่นางอยู่ในช่วงวัยห้าขวบเท่านั้น
ในครั้งนั้นสองคนพี่น้องอยู่ร่วมกันพึ่งพาอาศัยกันและกันในเรือนหลังน้อย หากทว่าเมื่อน่าหลานเกอซีมีวัยได้ห้าปีก็ล้มป่วยด้วยพิษไข้ ครั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครา นางก็ไม่พบเห็นน้องชายผู้นี้อีกเลย
แม่นมเฉินบอกกับนางว่า คนจากเรือนน่าหลานพากันมาเอาตัวน้องชายของนางไป น่าหลานเกอซีคนก่อนจึงไปติดตามเรื่องนี้ถึงเรือนน่าหลาน ทว่ากลับกลายเป็นน้องชายของนางมิได้อยู่ในเรือนน่าหลานอีกต่อไปแล้ว แท้จริงเขาถูกส่งตัวไปศึกษาในสํานักใหญ่แห่งอื่น
แค่เพียงพริบตาวันคืนเลยล่วงไปถึงสิบปี น่าหลานเกอชีจึงล้มเลิกความหวังจะได้เห็นน้องชายของตนอีกครา หากทว่านั่นมิได้หมายความว่านางไม่คิดถึงน้องชายผู้นี้ และนั่นคือความหวังเพียงหนึ่งเดียว ทั้งยังเป็นความหวังสุดท้ายของน่าหลานเกอซีก่อนนางจะสิ้นใจ – นางปรารถนาจะได้รับรู้ว่าน้องชายผู้นี้ของนางยังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ยามนี้เมื่อน่าหลานเยี่ยนหมิงเผยแก่นางว่า เรื่องที่คุณชายสาม น่าหลานจื่ออวิ๋นถูกส่งตัวไปศึกษายังสํานักใหญ่ล้วนเป็นเพียงการกเรื่องขึ้นเท่านั้น เช่นนั้นแล้วเขาหายไปไหนได้เล่า ? แม้นหากน่าหลานจื่ออวิ๋นได้สิ้นลมไปนับแต่ครั้งมีวัยแค่เพียงห้าขวบ ย่อมไม่มีผู้ใดสืบสาวเอาความ ทว่าเหตุใดน่าหลานเจิ้งเจ๋อจึงต้องสร้างเรื่อง น่าหลานจื่ออวิ๋นขึ้นมาเช่นนี้เล่า ?
ครั้นได้ยินถ้อยคําของเกอซี หนานกงยวจึงรับรู้ได้ว่านางหาได้นึกคิดเสียใจกับสิ่งที่กระทําลงไปไม่ ชายหนุ่มพลันถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เขายกมือขึ้นลูบศีรษะนางอย่างเบามือ “คลายใจเถิด ข้าจะส่งคนไปสืบความเรื่องน่าหลานจื่ออวิ๋นเอง”
เกอซีผงกศีรษะ ครั้นเมื่อนางกําลังจะเอ่ยปาก ฉับพลันบางสิ่งจากสวนสมุนไพรพลันผลุบเข้าหานาง สายสีม่วงวูบวาบพลันผ่านเข้ามาในสัมผัสของนาง ต้านต้านกับทั้งเถาวัลย์ม่วงอเวจีผู้พากันออกมากวาดล้างพรรณพฤกษาในสวนสมุนไพรได้พากันผลุบกลับเข้าสู่มิติเวทของนางแล้ว
แม้เกอซีจะไม่ได้กลับคืนสู่มิติเวท ทว่านางสามารถรับรู้ได้ถึงม่านพลังทางจิตวิญญาณที่โอบล้อมรอบกายของต้านต้านทั้งยังเห็นพุงน้อย ๆ ที่กางออกจนกลมดึกแทบปรินั้นได้อย่างชัดเจนที่สุดต้านต้านก็จัดการเขมือบทุกสิ่งจนสาแก่ใจได้เสียที
มิรู้ว่านางควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีในยามนี้ สาวน้อยทําได้เพียงพร่ำบ่น “เจ้าจอมตะกละตัวน้อย”
ทว่ายังไม่ทันที่เกอซีจะคลายใจได้สนิท เถาวัลย์ม่วงอเวจีกลับลุกลี้ลุกลนเข้ามาหานาง ความรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายถูกส่งผ่านสัมผัสทางจิตเข้ามา
ยามนี้เถาวัลย์ม่วงอเวจีทั้งกระสับกระส่ายทั้งหงุดหงิดงุ่นง่านใจเพียงทว่ามันมิรู้จะกล่าวเช่นไรว่าตนไม่สบายใจด้วยเหตุใด
ขณะที่หญิงสาวกําลังงุนงงอยู่นั้น คลื่นพลังที่แข็งแกร่งพลันระเบิดออกจากด้านในสวนสมุนไพร