หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 372 เผยความเห็นแก่ตัว
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 372 เผยความเห็นแก่ตัว
กล่าวจบเกอซีพลิกข้อมือ เถาวัลย์ม่วงอเวจีพลันแปรเปลี่ยนเป็นสายเงาสีม่วงหวนคืนกลับเข้าสู่อุ้งมือของนาง
เกอซีหมุนกายกลับมายังมุมห้องเดินตรงไปยังฉากกําบัง
เพียงได้ยินเสียงฝีเท้า ผู้ดูแลจิ้น และจิ้นฮ่ายผู้หลบซ่อนตัวอยู่หลังฉากกําบังต่างแตกตื่นตกใจราววิหคตื่นลูกธนู
“วิหคตื่นลูกธนู หมายถึงผู้ที่ตื่นกลัวอย่างหนักจากสิ่งที่เคยประสบมาก่อนหน้า
พวกมันรีบเงยหน้าขึ้นมองเกอซีด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างเหลือแสน “เจ้าเจ้าอย่าเข้ามา อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้า !”
“หากเจ้าต้องการสิ่งใดข้าพร้อมมอบให้ เจ้าอยากได้สิ่งใดในโรงโอสถแห่งนี้ เจ้าก็นําไปเถิด ขอเพียงอย่าได้สังหารข้าเลย !”
สุ่มเสียงของมันตื่นกลัว ยิ่งเมื่อหวนนึกถึงเสียงกรีดร้องโหยหวน ยามเมื่อเหล่าอารักขาทั้งหลายกําลังอยู่บนปากเหวแห่งความตาย ความตื่นกลัวของมันกลับยิ่งท่วมท้นเพิ่มทวี
กระทั่งถึงยามนี้ ผู้ดูแลจิ้นยังคงกังขาว่าอัตราความสําเร็จในการมอบตัวหนุ่มน้อยผู้นี้ให้ท่านหมอเซียแท้จริงหลงเหลือโอกาสเพียงไร แม้นท่านหมอเซียจะเตรียมยอดฝีมือไว้รอท่าหนุ่มน้อยผู้นี้ก็ตามที
เนื่องเพราะหนุ่มน้อยเบื้องหน้าสายตามันเหี้ยมโหดอํามหิต ฝีมือเฉียบขาด ทั้งยังมากด้วยกลยุทธในการต่อสู้
มันทําได้เพียงเบ่งตามองเกอซีผู้กําลังย่างสามขุมเข้ามาหา เถาวัลย์ม่วงอเวจีที่เลื้อยรัดรอบท่อนแขนของนางแกว่งไกวสะบัดไปมา กระทั่งใบไม้บนเถาของมันเสียดสีส่งเสียงดังกรอบแกรบ
ผู้ดูแลจิ้นแผดเสียงร้องลั่นด้วยความตื่นกลัว มันคว้าร่างบุตรชายโยนใส่เกอซี
จิ้นฮ่ายผู้กําลังตื่นตระหนกหวาดกลัว จู่ ๆ ก็ถูกบิดาของมันผลักออกมาอย่างเต็มแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของมันพุ่งถลาโถมเข้าใส่เกอซี เถาวัลย์ม่วงอเวจีผู้ทําหน้าที่พิทักษ์คุ้มภัยเกอซีด้วย ความจงรักภักดีจึงรีบพุ่งทะยานม้วนบิดร่างของมันแทรกผ่านร่างของจิ้นฮายผู้ทะเล่อทะล่าพรวด พราดพุ่งมา
เสียงปลายเถาแหลมคมเสียดทะลุร่างดัง “ปุก ปัก” ชั่วพริบตา เถาวัลย์ม่วงอเวจีก็ได้เก็บกินหยาดโลหิตตลอดถึงชิ้นเนื้อของมันผู้นั้นอย่างสะอาดเอี่ยมเรียบร้อย
ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าทําให้เกอซีต้องยกยิ้มด้วยรู้สึกเยาะหยันอย่างอดมิได้
จิ้นฟูผู้นี้เคยประกาศก้องจะล้างแค้นแทนบุตรชาย ทว่าเมื่อถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน มันกลับอาศัยบุตรของตนต่างโล่กําบัง
เสี้ยวนาทีแห่งความตาย มนุษย์ล้วนเผยตัวตนแท้จริงที่เห็นแก่ตัวและน่าชิงชังออกมา ช่างน่าขัน ทั้งก็น่ารังเกียจยิ่งเช่นกัน
ผู้ดูแลจินหยัดกายโซเซกระเสือกกระสนไปถึงหน้าประตูโรงโอสถ มันทุบกระหน่ําใส่บานประตูไม้ทั้งยังคว้ากระเหินเวหายกกระดุ้งที่มแทงบานประตูปากร้องตะโกนลั่น “ช่วยด้วย ! ช่วยข้าด้วย ! มีฆาตกรบุกเข้ามาในเมืองเหยียนจิง”
ขอเพียงสามารถพาตนหนีพ้นโรงโอสถจีเชิงได้ มันย่อมสามารถเหลือรอดชีวิต
เนื่องเพราะตลอดทั่วเมืองเหยียนจิงแห่งนี้ล้วนไม่สามารถเหาะเหินหรือต่อสู้น้ํานั่น เช่นนั้นการสังหารผู้คนย่อมหมายถึงความผิดทางอาญาที่ร้ายแรง
ทุกค่ําคืน หน่วยทหารรักษาการจะเดินตรวจเวรยามตามตรอกซอกซอยทั่วเมืองเหยียนจิง หากมันสามารถส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือทหารรักษาการเหล่านั้นได้ ซีเยวผู้นี้จะกล้าเหิมเกริมกับทางการกระนั้นหรือ ?
เพียงทว่าแม้ผู้ดูแลจิ้นจะทิ่มแทงทุบใส่บานประตูไม้สักเพียงใด ประตูกลับไม่ขยับเคลื่อนแม้เพียงนิ้ว
แม้มันจะแหกปากร้องตะโกน กระทั่งสุ่มเสียงแหบแห้ง ด้านนอกกลับยังคงเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงของมัน ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่มีผู้ใดใส่ใจว่ามันจะอยู่หรือตาย
เถาวัลย์ม่วงอเวจี พฤกษาที่อยู่ในระดับสูงสุดของพลังเวทขั้นห้าย่อมมีพลังฝีมือที่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือระดับสูงสุดของพลังปราณขั้นที่ 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กับจิ้นฟูผู้มีพลังยุทธเพียงขั้นที่ 2 ปฐมภูมิโลกันตร์ มีหรือที่มันจะรอดพ้นพลังเวทของเถาวัลย์ม่วงอเวจีไปได้ ?
ด้วยความตื่นผวาหวาดกลัว จิ้นฟูจึงรีบบิดกายหมายจะวิ่งหนีไปตามแนวกําแพง
ทว่าขยับได้เพียงสองก้าว ทั่วร่างของมันพลันถูกครอบคลุมด้วยสายเถาวัลย์สีม่วง ก่อนร่างนั้น จะถูกยกค้างลอยเคว้งกลางอากาศ
น้ําเสียงเย็นชาประดุจแท่งน้ําแข็งของเกอซีดังขึ้น “บอกมา ผู้ใดชักใยเบื้องหลังการกวาดล้างผู้คนในเรือนเบี้ย ?”
“หากเจ้ายอมตอบคําแต่โดยดี และชัดเจน ข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างรวบรัดรวดเร็ว”
ผู้ดูแลจิ้นผู้ถูกเถาวัลย์ม่วงอเวจีร้อยรัดอยู่กลางอากาศ สามารถรับรู้ได้ถึงปลายเถาแหลมคมที่เริ่มเลื้อยป่ายมาตามลําตัว มันตกใจหวาดกลัว กระทั่งราดรดท่วมกางเกง น้ํามูกน้ําตาไหลพรากท่วมดวงหน้า “ไว้ชีวิตข้าเถิด ! โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ! ท่านหมอซีผู้อัจฉริยะ”
“ไม่เกี่ยวกับข้า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหาได้เกี่ยวข้องกับข้าไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยแม้เพียงน้อย โธ่ ท่านเข้าเป็นแค่เพียงผู้ดูแลโรงโอสถจีเชิงเท่านั้นจะไปรู้เห็นสิ่งใดได้เล่า !”
***จบตอน เผยความเห็นแก่ตัว***