หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 376 เนื้อเน่า ? หนังสัตว์ ?
ตอนที่ 376 เนื้อเน่า ? หนังสัตว์ ?
เสียงผู้คุมตื่นตกใจร้องตะกุกตะกัก “เซีย….ท่านหมอเซียท่าน…เหตุใด ท่านจึงมาที่นี่ในยามนี้ ? ท่านมิได้อยู่ด้านหน้า……”
“บังอาจ !” น้ําเสียงของเกอซีเฉียบ ขาด ทั้งยังดังก้องเหมือนน้ําเสียงท่าน หมอเซียไม่ผิดเพี้ยน “ข้าจะทําอะไรที่ไหนอย่างไรเจ้ามีสิทธิ์ถามไถกระนั้น หรือ ? ยังไม่รีบเปิดประตูอีก !”
“ขอรับ! ขอรับ !” ผู้คุมคนนั้นย่อมไม่ กล้ายึกยักชักช้ามันรีบตรงเข้าไปกด กลไกซึ่งอยู่อีกด้านของบานประตู
เมื่อเสียงบานประตูเหล็กถูกเปิดออกดัง แคร่กยังไม่ทันที่ผู้คุมคนนั้นจะได้ เห็นใบหน้าของท่านหมอเซียอย่างเต็มตาเถาวัลย์สีม่วงพลันพุ่งพรวด เข้าหา
เพียงเสียงดัง ปุก ผู้คุมพลันรู้สึกเจ็บ แปลบบนลําคอ ยังไม่ทันจะส่งเสียงร้อง เล็ดรอดออกมา ร่างของมันก็ร่วงพับลงไปกองกับพื้นหมดสิ้นโอกาสจะหายใจอีกต่อไป
เกอซีปิดบานประตูเหล็ก ถอดหนัง หน้ากากมนุษย์ชิ้นนั้นออกฝีเท้าของ นางไร้เสียงฝ่าเท้าทั้งสองเคลื่อนตรงไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้า
ยิ่งก้าวลึกเข้าสู่ด้านใน กลิ่นคาวโลหิต กลับยิ่งเข้มข้นทวีความรุนแรงกระทั่ง แทบอยากอาเจียน
ครั้นล่วงผ่านลึกเข้าไป หญิงสาวพลัน ได้ยินเสียงแหบพร่าของบุรุษ “เหตุใดเจ้าเอาไอ้ชิ้นเนื้อเน่ามากองไว้ตรงทางแยกเช่นนี้เล่า ? เพียงได้เห็นก็กินอะไรไม่ลงแล้วยังไม่รีบโยนไปกองไว้มุมโน้นอีกรึ ?”
เสียงหัวเราะของอีกคนดังก้องพร้อม คําตอบ “สิ่งนั้นคือชิ้นเนื้อเน่าเสียเมื่อไรเห็นได้ชัดว่ามันยังมีชีวิตอยู่โดยแท้เพียงทว่ามันคือความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย !”
ร่างชองเกอซีขยับรวดเร็วราวภูตผี ปีศาจเพียงครู่เท่านั้น นางกลับเข้ามา หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดที่สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ในระยะไม่ไกลเกินไปได้
สถานที่นี้คือคุกกักกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในยามนี้แสงสว่างรําไรจากเปลว เทียนยังส่องสะท้อนให้เห็นกลุ่มชายชุดดําพกอาวุธที่ทําหน้าที่คุ้มกันสถานที่แห่งนี้
บางคนติดสัญลักษณ์ประหลาดไว้บน ชายเสือ คนเหล่านี้จะรวมกลุ่มกันกลุ่มละสองหรือสามคนทั้งดูคล้ายพวกมันกําลังคุ้มกันบางสิ่งเพียงยังไม่แน่ชัดว่าคือสิ่งใด
จากตําแหน่งที่เกอซีซ่อนกาย นาง สามารถเห็นบุรุษสองนายที่โต้ตอบ สนทนากันเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจนมันทั้งสองคล้ายมีวัยราวสามสิบหรือสี่สิบปีทั้งยังมีพลังฝีมือขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี
ยามนี้บุรุษรูปร่างเตี้ยป้อมผู้อยู่ตรง กลางกําลังถือหนังสัตว์ผืนหนึ่งด้วย ฝ่ามืออ้วนต้นที่หยาบกระด้างมันพลิกแผ่นหนังสัตว์กลับไปกลับมาทั้งยังพลิกซ้ายทีขวาที่ ก่อนจะกล่าวด้วยความสงสัย “เจ้าแน่ใจหรือว่านี่คือหนังสุนัขจิ้งจอกเก้าหาง ? เหตุใดจึงดูคล้ายหนังสัตว์ทั่วไป ?”
ทันทีที่บุรุษร่างสูงโปร่งอีกคนเห็น การกระทําของอีกฝ่ายมันพลันตื่นตกใจ มันรีบพรวดพราดเข้ามาคว้าหนังสุนัขจึงจอกในมือของบุรุษอ้วนเตียผู้นั้นอย่าง ระมัดระวัง พลางกล่าวด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ “ระวังหน่อยสิ นี่คือหนังสุนัข จิ้งจอกตัวเมียเชียวนา ตลอดทั่วแถบ ทวีปหมีหลัวยังไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นหนังที่ทั้งสดทั้งสมบูรณ์เช่นนี้มาก่อน”
“หากเจ้านของสิ่งนี้ไปขายในท้อง ตลาด แม้จะแลกด้วยอาวุธเวทระดับ 9 เจ้ายังต้องใช้ถึงแปดหรือสิบชิ้นจึงจะสามารถแลกเปลี่ยนกับหนังสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ได้ครานี้เจ้าเข้าใจหรือยัง ?”
“ต้องใช้อาวุธเวทขั้น 9 มากมายถึง แปดหรือสิบชิ้นเชียวหรือ !” ชายอ้วนเตี้ยผู้นั้นโง่งมไปในทันทีแววตาทั้งคู่ที่จับจ้องมองหนังสุนัขจิ้งจอกเก้าหางพลันแปรเปลี่ยนเป็นหลงใหลชื่นชมถึงเจ็ดในสิบส่วน
ชายรูปร่างผอมบางค่อย ๆ บรรจงเก็บ หนังสุนัขจิ้งจอกเก้าหางใส่หีบ จากนั้น จึงเปล่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ย่อมเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน เนื่อง เพราะหนังสุนัขจิ้งจอกเก้าหางคือสิ่งมี ค่า เช่นนั้นอาวุโสเจียงจึงมีคําสั่งให้เจ้า กับข้าเดินทางมาที่นี่ เพื่อถลกหนัง จิ้งจอกตัวนี้อย่างไรเล่า !!”
“นี่เจ้าไม่รู้หรือ ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมดในเรือนเจียงแห่งนี้ พวกเราสองคนคือผู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในการ ถลกหนังนักโทษ !”
“ยามนี้เจ้ากับข้าได้สร้างผลงานชิ้น ใหญ่ อาวุโสเจียงย่อมพร้อมจะสนับสนุนพวกเราทั้งยังต้องตกรางวัลให้พวกเรา อย่างงามเป็นแน่แท้ !”
เพียงบุรุษอ้วนเตี้ยผู้นั้นได้ยินคํากล่าว ของอีกฝ่ายมันพลันหัวเราะร่วนด้วย ความภาคภูมิใจ“มันแน่อยู่แล้วพวกเราสามารถถลกหนังมนุษย์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ไร้ตําหนิแม้รอยข่วนบนแผ่นหนังนับประสาอะไรกับสุนัขจิ้งจอกตัวกระจ้อยเช่นนี้เล่า”