หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 377 ทรมานเหนือความตายนับร้อยเท่า
ตอนที่ 377 ทรมานเหนือความตายนับร้อยเท่า
กล่าวจบชายผู้นั้นก็ยกไม้ขึ้นตีชิ้นลูกเนื้อก้อนกลม “เจ้าแน่ใจหรือว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ยังมีชีวิต ? เจ้าคนที่ถูกถลกหนังไปก่อนหน้า แค่เพียงชั่วยาม”มันก็สิ้นใจไปแล้ว เห็นมันโอดครวญทรมานแค่เพียงไม่นาน บิดาผู้นี้ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย”
*หนึ่งชั่วยามคือ สองชั่วโมง
แน่นอนที่สุด ข้างกายมันคือชิ้นเนื้อก้อนกลมซึ่งชุ่มหยาดโลหิตหยดเยิ้ม ชิ้นเนื้อที่ปราศจากหนัง และขนพองฟูในยามนี้ยังคงสั่นกระตุกเบาบางเป็นระยะ
บุรุษผอมบางชักสีหน้าคล้ายอยากกล่าว “ไอ้งง” พร้อมเสียงหัวเราะร่วน “อย่าได้ดูถูกเจ้าลูกหนังโลหิตก้อนนั้นเชียวนา เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามันคือจิ้งจอกเก้าหาง คิดหรือว่าพลังเวทกับทั้งฝีมือของมันจะสามัญเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาสามัญ ?”
“คลายใจเถิด แม้นหากพวกเราจับมันไปตากกลางแสงแดด ที่ร้อนระอุเนิ่นนานถึงสามวันสามคืน มันก็ไม่ถึงแก่ชีวิต เพียง… ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดทรมานเสียยิ่งกว่าความตายนับร้อยเท่าพันเท่าหนี้ หึ…”
ผู้คุมอ้วนเตี้ยแสดงสีหน้าตื่นเต้นเร้าใจ “เช่นนั้นหลังอาวุโส เจียงได้เคล็ดวิชาลับที่สูญสลายไปจากทวีปแห่งนี้ จากไอ้เจ้าคนที่ได้ชื่อว่าหมออัจฉริยะอะไรนั่นแล้ว เราค่อยจับเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไปอาบแดดจ้าก็แล้วกัน”
“กระทั่งยามนี้ ข้ายังจําเสียงกรีดร้องโหยหวนตอนเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ถูกถลกหนังได้อย่างชัดเจน แหม ! มันช่างเร้าใจเร้าอารมณ์เสียเหลือเกิน ! สนุกสะใจเสียยิ่งกว่าจับคนเป็นร้อยมาทรมานเสียด้วยซ้ํา !”
สองตาของผู้คุมรูปร่างผอมสูงเป็นประกาย มันสะบัดหน้าคราหนึ่ง “ลืมเสียเถิด อย่ามัวเพ้อเจ้ออีกเลย มันคือจิ้งจอกเวทเก้าหาง ซึ่งไม่เพียงจะมีขน และหนังที่สูงราคา ทว่าทั้งชิ้นเนื้อ ซากกระดูกทั่วร่างของมันล้วนคือสมบัติอันสูงค่า กระทั่งอาวุโสเจียงยังกําชับไว้หนักหนาว่าห้ามทําให้ร่างของมันได้รับความเสียหาย”
“หากเจ้าจับจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไปตากแห้งกระทั่งสิ้นใจ เช่นนั้นจงเตรียมรับการลงทัณฑ์ของอาวุโสเจียงได้เลย”
“ย่อมได้ ย่อมได้ เข้าใจแล้ว” ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านของบุรุษอ้วนเตี้ยพลันลดลงในทันที ทว่าเมื่อหวนนึกถึงรูปลักษณ์ก่อนถูกถลกหนัง ชายอ้วนเตี้ยก็อดรู้สึกชื่นชมมิได้
“ไม่คิดเลยว่าท่านหมอเซียจะโชคดีปานนี้ กระทั่งตัวประกันที่สุ่มเลือกมายังกลับกลายเป็นจิ้งจอกเก้าหาง รอให้เจ้าหมอน้อยอัจฉริยะผู้นั้นถูกจับได้เสียก่อนเถิด ท่านหมอเซียจะประสบผลสําเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งบางทีพวกเราทั้งหมดอาจได้รับการตบรางวัลอย่างงามอีกด้วย”
“หึหึหึ ท่านหมอเซียหรือจะเทียบกับอาวุโสเจียงได้ ?” ชายร่างผอมสูงส่งเสียงเยาะ “อาวุโสเจียงเห็นนางเด็กนั่นเพียงคราเดียว ก็สามารถบอกได้ทันทีว่านางคือจิ้งจอกเก้าหาง ทั้งยังสามารถทําให้มันยอมสยบได้เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น มันไม่เหลีอโอกาสแม้จะใช้มนตราแหลกระเบิดกายาเสียด้วยซ้ํา !”
“จริง! จริง !” เสียงผู้คุมอ้วนเตี้ยหัวร่อร่วน “อาวุโสเจียงคือผู้ใดกันเล่า ไม่ว่าจะทักษะทางการแพทย์หรือพลังฝีมือ ท่านผู้นี้ล้วนคืออันดับหนึ่งเหนืออื่นใด การที่อาวุโสเจียงสร้างสถานทดลองใต้ดินแห่งนี้ล้วนคือสิ่งที่ต้องความประสงค์ข้าอย่างที่สุด ฮี่ฮี่ฮี่…”
“ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จิ้งจอกน้อยตัวนั้นนับว่ายังอยู่ในวัยเยาว์ ทว่ากลับมีใจคอเด็ดเดี่ยว หากมิใช่เพราะความรอบคอบเฉียบคมของท่านอาวุโสเจียง มันคงใช้มนตราแหลกระเบิดกายาสําเร็จไปแล้ว และหากเป็นเช่นนั้น ทั้งที่คุมขังแห่งนี้ ทั้งสถานทดลองโอสถคงถึงกาลอวสาน”
“จีจีจุ… แม้มันยังเป็นแค่เพียงลูกจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งหางงอก ทว่ากลับร้ายกาจเกินรับมือ นี่หากมันเติบใหญ่กระทั่งมีหางสมบูรณ์ครบเก้า ย่อมยากยิ่งจะรับมือ !”
ผู้คุมร่างผอมสูงส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “หากมันเติบใหญ่กว่านี้อีกเพียงนิด เกรงว่าพวกเราล้วนไม่อาจจัดการ”
“เช่นนั้นก็เป็นวาสนาของพวกเรา ทั่วหล้าปรากฏจิ้งจอกเวทเก้าหางเพียงไม่กี่หยิบมือ หากมันเติบใหญ่เจริญวัยกว่านี้ กระทั่งยอดฝีมือขั้นย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณล้วนไม่อาจกําราบพวกมันได้ ไหนเลยจักต้องกล่าวถึงน้ําหน้าอย่างพวกเรา”
“หึหึหึ โชคร้ายที่จิ้งจอกน้อยตัวนี้เพิ่งกลายร่าง เป็นมนุษย์เมื่อไม่ช้านานมานี้ ทั้งมันยังไม่ยอมหนีจาก หากทว่ากลับยอมสุ่มเสี่ยงชีวิตตนปกป้องผู้คนในเรือนเบี้ย หาไม่ หากมันวิ่งหนีเข้าราวปาทุ่งหญ้า ด้วยความสามารถแห่งเผ่าพันธุ์สุนัขจิ้งจอก พวกเราย่อมไม่อาจควานหาตัวมันได้อย่างแน่นอน”
***จบตอน ทรมานเหนือความตายนับร้อยเท่า*-*-*