ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 200 ดูแคลน
ทุกคนต่างก็มีสองหน้าทั้งนั้น แต่จะมีกี่คนกันที่กล้าเปิดเผยทั้งสองหน้าต่อเบื้องหน้าท่านแม่เฒ่า?
เผยหม่านลอบวิพากษ์วิจารณ์ในใจไม่หยุด ทว่าใบหน้ากลับไม่ปรากฏท่าทีใด ยังคงขานรับอย่างนอบน้อม ส่งคนออกไปตรวจสอบ
หวังเหนียงจื่อถูกใส่ร้าย ดีที่เผยหม่านค่อนข้างรู้จักนิสัยของนางดี ทราบว่านางจริงจังตั้งใจกับการค้าของสกุลเผยมาโดยตลอด แม้จะพบสาวใช้กวาดเรือนของสกุลเผยก็ยังเกรงอกเกรงใจเช่นกัน ยามที่อารมณ์ดี ยังมักมอบด้ายแดงให้พวกสาวใช้เอาไว้มัดผม ตรวจสอบพอเป็นพิธีก็ปล่อยไป
ทางเผยเยี่ยนกลับยังไม่วางใจ ให้คนเชิญอวี้ถังเข้ามา ถามนางว่าหาช่างตัดเสื้อไปทำอะไร
อวี้ถังกระอักกระอ่วนใจ
นางคาดไม่ถึงว่าเรื่องเล็กเช่นนี้ เผยหม่านก็รายงานให้เผยเยี่ยนทราบ
“กิจการเครื่องลงรักของสกุลไปได้ไม่ดีเท่าใด” นางเล่าเรื่องที่อวี้หย่วนพลิกกลับไปกลับมาให้เผยเยี่ยนฟัง
เผยเยี่ยนดูแคลนอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “สกุลพวกเจ้าก็ให้คุณหนูตัวเล็กๆ อย่างเจ้าก่อเรื่องอยู่คนเดียวเช่นนี้?”
คำพูดนี้อวี้ถังระคายหูอยู่บ้าง นางเอ่ยว่า “คุณหนูตัวเล็กๆ หมายความว่าอย่างไร? ทั้งข้าก็ไม่ได้ก่อเรื่อง ท่านปู่ของข้าเป็นผู้สืบทอดร้านค้าเครื่องลงรักของสกุล แม้ว่าท่านพ่อและลุงใหญ่ของข้าจะแยกเรือนกัน แต่ร้านค้ากลับไม่เคยแยกกันมาก่อน อยู่ร่วมกันมาตลอด มีลุงใหญ่ของข้าเป็นผู้รับผิดชอบ ท่านพ่อและลุงใหญ่อยากให้ข้าและพี่ชายดูแลจัดการร้านค้าด้วยกัน”
แต่ไหนแต่ไรเผยเยี่ยนก็หัวไวต่อเรื่องต่างๆ ฟังจบเขาก็ตระหนักได้ทันที สกุลอวี้กำลังวางแผนจะรับลูกเขยเข้าสกุลให้คุณหนูอวี้แล้ว แต่ในใจของกลับกังวลอย่างแปลกประหลาด อดเอ่ยไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้าก็เห็นด้วยกับการจัดการของสกุลอย่างนั้นรึ?”
สำหรับชายหนุ่ม การแต่งเข้าสกุลฝ่ายหญิงเป็นเรื่องอัปยศอดสู ผู้ที่ยินยอมนั้นมักจะเรื่องมากไม่พอใจในเรื่องนั้นเรื่องนี้
เผยเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชั่วขณะนั้นอวี้ถังยังนึกไม่ทันอยู่บ้าง “จัดการอะไร?”
เผยเยี่ยนรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
คุณหนูผู้นี้ ไฉนจึงซื่อบื้อเพียงนี้!
ปกติก็หัวไว พอถึงช่วงเวลาสำคัญกลับไม่รู้อะไรไปเสียได้
เขาเอ่ยอย่างโมโห “เจ้าเห็นด้วยที่สกุลจะรับลูกเขยให้เจ้า? ไม่ใช่เจ้ายังมีญาติผู้พี่อีกคนรึ? เขาสามารถรับผิดชอบทั้งสองครอบครัวได้!”
นี่เป็นตัวเลือกของคนส่วนมาก
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสกุล ทั้งไม่ต้องแบ่งเลือดเนื้อเชื้อไข แต่ต้องเลี้ยงดูอาเพิ่มมาอีกคน ทั้งทรัพย์สินของอาก็ต้องเป็นหลานชายที่ได้ คิดดูแล้วก็คุ้มค่าเช่นกัน
ยามนี้อวี้ถังจึงค่อยเข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร
ต่อให้นางจะไร้มารยาทเพียงใดก็ไม่อาจพูดคุยเรื่องพวกนี้กับเผยเยี่ยนอยู่ดี
อวี้ถังใบหน้าขึ้นสี ตอบประโยคที่ปลอดภัยที่สุดออกไป “คำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อ ข้าย่อมเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่”
เช่นนั้นเจ้ายังกล้าพูดเหลวไหลใหญ่โตต่อหน้าข้าอีก!
คำพูดนี้ติดอยู่ตรงปากของเผยเยี่ยน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหากพูดขึ้นมาในยามนี้คล้ายว่าจะไม่เหมาะสมอยู่บ้าง…แม้จะไม่รู้ว่าไม่เหมาะสมตรงไหน ทั้งไม่รู้ว่าคนที่คิดอะไรก็ทำอย่างนั้นเช่นเขา เหตุใดจึงต้องเก็บคำพูดนี้ไว้ แต่เขาก็ยังอดทนอยู่ดี เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้อย่างดื้อๆ “เหตุใดเจ้าจึงสนใจแบบลายของร้านตัดเสื้อ? ข้ากลับเห็นว่าดูธรรมดา”
เมื่อเขาพูดออกมา อวี้ถังก็ถอนหายใจยาวเหยียด นางเพิ่งพบว่าที่แท้ยามที่นางตอบคำถามของเผยเยี่ยน หัวใจกลับบีบรัดอยู่ตลอด ส่วนเพราะเหตุใดนั้น นางมองเผยเยี่ยนด้วยแววตาเป็นประกาย ชั่วขณะนั้นก็ไม่มีเวลาให้คิดมาก รู้สึกคล้ายว่าตัวเองหนีตายออกมาจากเหวได้อย่างปลอดภัย ทำให้นางคิดจะข้ามช่วงเวลานี้ไปเร็วๆ นางเอ่ยอย่างร้อนอกร้อนใจ “นั่นเพราะท่านไม่ได้ตระหนักถึงการตัดเย็บของสกุลพวกเขา ฝีมือของพวกเขาดีไม่น้อย” ขณะที่นางพูดก็ยกตัวอย่างรองเท้าปักของคุณหนูห้าขึ้นมา
เผยเยี่ยนยังคงเผยสีหน้าดูแคลน “หากข้าจำไม่ผิด ร้านค้าสกุลพวกเจ้าทำเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงกระมัง?”
อวี้ถังพยักหน้าระรัว “มิผิด”
“เครื่องแกะสลักลงรักสีแดงไม่ใช่ว่าอาศัยความงดงามเรียบง่ายและความชำนาญหรอกรึ?” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “แบบที่เจ้าพูดถึงนั้น ใส่ดอกไม้กระจัดกระจาย เจ้าวางแผนจะใช้แบบบนเครื่องใช้พวกนั้น? แบบเช่นนี้ข้าไม่ต้องดูก็รู้แล้ว เครื่องลงรักแบบเปลือกหอยทำออกมาถึงจะดูดีกว่า ทำแบบนี้กับเครื่องลงรักแกะสลักสีแดง นอกจากไม่สามารถชูเรื่องฝีมือที่ละเอียดซับซ้อนออกมา ยังไม่สามารถขับจุดเด่นของเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงได้ด้วย”
พูดราวกับว่าเขามีร้านค้าเครื่องลงรักของบรรพบุรุษก็มิปาน
อวี้ถังหงุดหงิดใจ ทั้งไม่ยอมแพ้อยู่บ้าง
นางรู้ว่าเผยเยี่ยนรู้เรื่องมากมาย แต่คงไม่ถึงกับเข้าใจเรื่องเครื่องลงรักด้วยหรอกกระมัง?
อวี้ถังเอ่ยอย่างไม่ยอมอยู่บ้าง “เครื่องลงรักแกะสลักสีแดงมีจุดเด่นอะไร? เหตุใดไม่สามารถปล่อยให้เหลือพื้นที่ว่างเหมือนการวาดภาพได้? ก่อนหน้านี้ข้าขอให้คนทำแบบภาพออกมา ก็ขายดีอย่างยิ่ง”
เผยเยี่ยนเบะปาก “นั่นเพราะว่าคนพวกนั้นไม่เคยเห็นเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงที่งดงามกว่านั้น อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงใช้ทักษะที่แตกต่างจากเครื่องลงรักแบบอื่นหรอกรึ? แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็รู้ว่า เครื่องลงรักแกะสลักสีแดงแตกต่างตรงที่ต้องทาสีแดงลงบนวัตถุซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบชั้น หลังจากรอแห้งก็แกะสลักเป็นลายนูนขึ้นมา ต้องเก็บงานให้ดี ใช้ความละเอียดประณีต หากเหลือพื้นที่ว่างจำนวนมาก ก็ต้องเน้นลวดลายของมัน ทำเป็นลวดลายคนย่อมดี แต่หากเป็นพวกลายดอกไม้ เกรงว่าต้องคำนึงถึงสีที่เว้นว่างไว้อย่างละเอียด หรือเจ้าวางแผนให้เครื่องลงรักของสกุลทำเป็นสีดำไม่ก็สีอื่นล่ะ?”
“แน่นอนว่าไม่ได้!” อวี้ถังพลั้งปากออกไป คล้อยหลังก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เครื่องลงรักแกะสลักสีแดงมีจุดเด่นที่ ‘สีแดง’ หากสีพื้นเปลี่ยนเป็นสีอื่น นั่นก็ไม่เรียกเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ นางก็คิดคล้อยตาม “สามารถใช้สีอื่นมาทาเป็นสีพื้นได้หรือไม่?”
เผยเยี่ยนเหนื่อยใจ ไม่อยากสนทนากับนางเท่าใด เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทิ้งแบบเก่า รังสรรค์เครื่องลงรักแบบใหม่ขึ้นมาก็ได้”
อวี้ถังใจสั่นคลอนกับความคิดนี้จริงๆ
ชั่วพริบตานั้นใจนางก็โบยบิน อยากจะกลับไปร้านค้าสกุลตัวเองเร็วๆ ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับอวี้หย่วน
เผยเยี่ยนกลับไม่อยากสนใจความคิดเล็กๆ ของนาง เอ่ยต่อว่า “ทักษะของเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงอยู่ที่คำว่า ‘แกะสลัก’ พวกเจ้าควรจะลงแรงในด้านนี้ต่างหาก แทนที่จะขอแบบจากร้านค้าตัดเสื้อพวกนั้น ยังมิสู้เชิญคนมาวาดแบบลายดอกไม้ หรือคนวาดแบบใหม่ ควรมีความชำนาญในการแกะสลัก เครื่องหน้าต้องดูเสมือนจริง สกุลพวกเจ้ามีอาจารย์เช่นนี้หรือไม่?”
ไม่มี!
อวี้ถังไม่ได้ปริปากอันใด
ไม่จำเป็นให้นางพูดอะไร เผยเยี่ยนก็เข้าใจได้ทันที เขาเอ่ยอย่างรู้แล้วรู้รอดไป “เจ้าไปเอาแบบภาพพวกนั้นของสกุลเจ้ามาให้ข้าดู”
อวี้ถังเบิกตากว้างมองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
จู่ๆ เผยเยี่ยนก็รู้สึกว่าสายตาที่นางมองตัวเองเจิดจ้าเกินไป ทำให้เขาแสบตาอยู่บ้าง ถึงกระทั่งเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างเลือนราง เขาอดกระแอมไอสองครั้งไม่ได้ “ยังไม่รีบให้คนไปเอาแบบพวกนั้นมาอีก!”
อวี้ถังกระโดดโผลงขึ้นมา มารร้ายในใจนั้นเต้นแร้งเต้นกา มีความสุขราวกับลูกไก่ตัวน้อย
“เข้าใจแล้วๆ” นางกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ จึงไม่สนใจเรื่องมารยาทอะไรแล้ว พุ่งไปที่หน้าประตูก่อนจะเรียกซวงเถาเข้ามา กำชับว่า “เจ้ารีบไปที่ร้านค้า บอกคุณชายว่า นายท่านสามยินดีช่วยพวกเราดูแบบเครื่องลงรัก ให้เขานำแบบเข้าจวนมาโดยเร็ว”
ซวงเถาดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึง
หากสกุลเผยยินดีช่วยเหลือ ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ย่อมรุ่งเรืองเป็นแน่
สกุลอวี้เฟื่องฟู พวกเขาเดินออกไปไหนก็สามารถวางท่ายืดอก มีหน้ามีตาได้แล้ว
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” นางก็ไม่สนใจมารยาทอะไรเช่นกัน วิ่งไปแทบไม่เห็นฝุ่น
อวี้ถังกลัวว่าเผยเยี่ยนจะกระตือรือร้นไม่นานก็ล้มเลิกไป ด้านหนึ่งลอบภาวนาให้พี่ชายนางได้รับจดหมายก็รีบตามมาทันที อีกด้านก็คิดว่าตัวเองควรทำให้เผยเยี่ยนใจเย็นลงเสียหน่อย ไม่อาจทำให้ความกระตือรือร้นของเขาหายไปได้ นางจึงไม่คิดอะไรมาก หมุนกายกลับไปห้องหนังสือ ตั้งใจพูดคุยกับเผยเยี่ยนขึ้นมาทันที
อวี้ถังลอบนินทาอยู่ในใจ
หรือหากไม่พูดเรื่องสี่หนังสือห้าคัมภีร์ของขงจื้อก็จะไม่มีอะไรคุ้มค่าให้พูดแล้วอย่างนั้นรึ?
นางกลัดกลุ้มอยู่ภายใน กลับทำได้เพียงหาเรื่องมาพูดต่อ เอ่ยถึงงานฝีมือเครื่องลงรัก
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังพูดเจื้อยแจ้วอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเรียบเย็น เขาควรจะหงุดหงิด ควรจะรังเกียจ แต่เมื่อเห็นแววตากระจ่างใสของนาง ยามที่หาเรื่องมาพูดไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ถูก ยามที่หาได้ก็ลอบดีใจ เขารู้สึกคล้ายว่าตัวเองกำลังดูละครตลก ไม่สิ ทำให้ขบขันได้กว่าดูละครตลกเสียอีก
เขาคาดไม่ถึงว่าตนจะนั่งฟังนางพูดพร่ำอย่างไม่หยุดกว่าครึ่งชั่วยาม จวบจนยามที่นางพูดออกมาว่า “ท่านคิดว่าสกุลพวกเราควรจะรับช่างแกะสลักมือดีเข้ามาอีกหรือไม่” เขาก็อดไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยตำหนิ “อย่างไรสกุลพวกเจ้าก็เปิดร้านค้าเครื่องลงรักมาหลายรุ่นแล้วกระมัง? ลูกศิษย์ในเรือนมีมากมาย หากยังเชิญอาจารย์แกะสลักมือดีกลับมา ไม่ใช่ว่ากำลังตบหน้าสกุลอวี้หรอกรึ? ทั้งยังตบหน้าลุงใหญ่ของเจ้า? แม้ว่าลุงใหญ่เจ้าจะเห็นด้วย พ่อของเจ้าก็คงไม่เห็นด้วยหรอกกระมัง?”
อวี้ถังเงียบไปทันที
หากนางเชิญอาจารย์แกะสลักกลับมาจริงๆ บางทีลุงใหญ่นางอาจจะคิดว่านางกำลังตำหนิเขาว่าดูแลร้านค้าได้ไม่ดี
เช่นนั้นควรทำอย่างไร?
ละทิ้งเรื่องแบบภาพคน?
นั่นจะได้อย่างไร?
อวี้ถังสั่นศีรษะ
ก่อนหน้านี้กิจการร้านค้าของสกุลนางก็ขายไม่ค่อยดี แม้จะเป็นสินค้าชิ้นเดียวก็ตาม หากไม่มีแบบคนอีก ตัวเลือกก็ยิ่งน้อยลง เกรงว่าอาจจะแย่กว่าเดิมเสียอีก?
นางครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น
เผยเยี่ยนกลับมองนางอย่างสนใจ
เดี๋ยวก็ส่ายศีรษะ เดี๋ยวก็หลุดขำ สักพักขมวดคิ้ว อีกสักพักก้มหน้าก้มตา สีหน้าและการกระทำหลากหลายจนนับไม่ถ้วน กระทั่งเด็กอายุสามขวบของสกุลเผยก็ยังขยุกขยิกไม่เท่านาง
เขาครุ่นคิดภายในใจ ยังดีที่คุณหนูอวี้รูปลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ทำให้คนจิตใจเบิกบาน หากเป็นคนอื่นกระทำเช่นนี้ออกมา กลัวเพียงว่าจะถูกเขาเห็นเป็นคนบ้าไปนานแล้ว
ก็นับว่านางโชคดี เขากำลังหลบเสิ่นซ่านเหยียน ใช้เวลาที่นี่กับนางก็ดีเหมือนกัน
เผยเยี่ยนครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “ยามนี้การค้ามีเพียงสองประเภท ประเภทแรกทำการค้าทุกอย่าง แม้จะเสียไปบ้างก็ย่อมไม่กลับมามือเปล่า ยังมีอีกอย่าง ก็คือทำการค้าให้ถึงจุดสูงสุด ขอเพียงแค่นึกถึงของสิ่งๆ นี้ อย่างแรกก็ไปดูที่สกุลพวกเขา หากสกุลพวกเขาไม่มี จึงค่อยพิจารณาจากสกุลอื่น ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลพวกเจ้า เดิมทีก็มีชื่อเสียงเพราะทำเครื่องลงรักแกะสลักสีแดง สินค้ายังเป็นที่ต้องการในวงกว้าง ข้าคิดว่าเดิมทีก็ไม่มีความจำเป็น”
เป็นอย่างนี้จริงๆ รึ?
อวี้ถังกระวนกระวายใจอยู่บ้าง “หากทำการค้าให้ถึงจุดสูงสุด คงจะยากมากกระมัง?”
เดิมทีสกุลพวกนางก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะทำถึงจุดนี้ได้
เผยเยี่ยนแค่นหัวเราะ “ใช้พละกำลัง เวลา และแรงใจเหมือนเดิม แน่นอนว่าทุกเรื่องย่อมตามหลังคนอื่น สกุลพวกเจ้าก็ยังพอมีโอกาสประสบความสำเร็จเช่นกัน”
———————