ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 238 ลำดับที่นั่ง
เพียงไม่นาน เหล่าสตรีจากสกุลซ่งกับสกุลเผิงก็ค่อยๆ ทยอยกันเข้ามา
เมื่อเห็นลำดับที่นั่ง ทุกคนก็ได้แต่สงสัย แต่พอเห็นคนของสกุลเผยนั่งตามแผนผังด้วยสีหน้าเรียบเฉย จึงคิดว่าสกุลเผยเองก็เป็นสกุลใหญ่ที่ปักหลักอยู่ในหลินอันมีภูมิหลังนับร้อยปี ไม่แน่นี่อาจเป็นกฎของสกุลก็ได้ ทว่าข้อสงสัยก็เป็นเพียงข้อสงสัย ไม่มีใครกล้าออกความเห็น ราวกับว่าเช่นนี้สมควรแล้ว แต่ละคนจึงแยกกันไปนั่งตามที่ของตน กระทั่งนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงได้พิจารณาอย่างละเอียดและพบว่า ลำดับที่นั่งไม่ได้จัดผิดจริงๆ ใครควรจะนั่งตรงไหน คนข้างกายควรจะเป็นใคร ล้วนแต่ชัดเจนทั้งสิ้น
คุณหนูสกุลเผิงและสกุลซ่งยิ้มหน้าบาน คิดว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ น่าสนุกเป็นอย่างยิ่ง แต่นายหญิงสี่สกุลซ่งกับหลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิงที่เดินนำหน้ากลับลอบแตกตื่นในใจ
พวกนางมิใช่เหล่าคุณชายที่เดินเล่นอยู่ด้านนอก ต้องสร้างชื่อเสียงให้ก้องไปทั่ว ไม่เพียงไม่กลัวที่จะเล่าเรื่องตนเองให้คนนอกฟัง ยังต้องประกาศศักดาก้องไกล ให้ผู้อื่นรู้นิสัยและคุณธรรมของตน ส่วนพวกนางเหล่าสตรีนั้น ปกติหากไม่อาจออกหน้าได้ก็พยายามไม่ออกหน้า เก็บตัวได้ก็พยายามเก็บตัว แต่สกุลเผยกลับไม่ได้จัดลำดับที่นั่งของพวกนางผิด เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าแม้คนสกุลเผยจะเก็บตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหลินอัน แต่กลับรู้เรื่องของสกุลใหญ่ๆ ทั้งหมด
โดยเฉพาะหลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิง ซึ่งมิใช่นายหญิงผู้ดูแลสกุล ครั้งนี้ที่ให้นางเป็นตัวแทนมา ก็เพราะนายหญิงใหญ่เห็นว่านางจัดการเรื่องราวได้เรียบร้อย มีไหวพริบและพลิกแพลงเก่ง หลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิงกลัวว่าสะใภ้คนอื่นจะไม่พอใจไม่กล้ารับงานนี้ นายหญิงใหญ่ถึงได้ยัดหลานสะใภ้รองเข้ามาด้วย ให้หลานสะใภ้รองซึ่งเป็นคนจากสกุลอินดึงดูดสายตาของผู้อื่นไปแทน แต่ตอนที่สกุลเผยจัดลำดับที่นั่ง กลับจัดให้หลานสะใภ้รองสกุลเผิงนั่งร่วมกับเหล่าหลานสะใภ้และคุณหนูสกุลซ่ง ส่วนนางกับนายหญิงสี่สกุลซ่งถูกจัดให้นั่งในตำแหน่งผู้ดูแล ร่วมกับท่านแม่เฒ่าหลายคนของสกุลเผย
แม้นางจะทักทายปราศรัยเหล่าสตรีสกุลเผยด้วยรอยยิ้มเป็นธรรมชาติ แต่ในใจกลับรู้สึกอึดอัดนัก ไม่รู้ว่าที่สกุลเผยทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร นางคิดจะหยั่งเชิงนายหญิงสี่สกุลซ่งดู แต่สายตาของนายหญิงสี่สกุลซ่งกลับติดอยู่บนร่างของอวี้ถังซึ่งนั่งใกล้กับนายหญิงรองสกุลเผยแทน
เหล่าสตรีคนสำคัญของสกุลเผยนางจำได้ทั้งหมด
สำหรับนางแล้ว อวี้ถังนับเป็นคนหน้าใหม่
ทั้งดวงหน้ายังงดงามพริ้มเพรา
นางเดาว่าคุณหนูคนนี้คงเป็นคุณหนูอวี้ที่ทำให้คุณหนูหกสกุลซ่งต้องถูกเอาเปรียบแน่
นายหญิงสี่กดเสียงต่ำแล้วเอ่ยกับหญิงรับใช้คนสนิทว่า “ผู้นั้นคือคุณหนูอวี้รึ?”
หญิงรับใช้ข้างกายพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม
นายหญิงสี่สกุลซ่งไม่ได้ตอบกลับ เพียงมองอวี้ถังไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
บังเอิญอวี้ถังหันหน้ามาพอดี
สายตาของคนทั้งสองสบประสาน
อวี้ถังส่งยิ้มให้นายหญิงสี่สกุลซ่งด้วยความเกรงใจ
นายหญิงสี่สกุลซ่งก็ผงกศีรษะรับตามมารยาทเช่นกัน
สองคนนับว่าทักทายกันแล้ว
นายหญิงสี่สกุลซ่งอดจะรำพึงในใจไม่ได้ รู้สึกว่าอวี้ถังผู้นี้มิใช่คุณหนูธรรมดาทั่วไป สามารถนั่งอยู่ในลำดับหน้าๆ ในพิธีที่สำคัญเช่นนี้ได้ คงได้รับความโปรดปรานจากท่านแม่เฒ่าสกุลเผยไม่น้อย
บางครั้ง ‘ตามตัวนายอำเภอ มิสู้เรียกหาผู้ดูแล’ หญิงรับใช้กับสาวใช้ข้างกายของท่านแม่เฒ่าสกุลเผยพวกนางไม่กล้าล่วงเกิน หากว่าได้พูดคุยกับคุณหนูผู้นี้สักหน่อย ไม่แน่อาจจะช่วยพูดเรื่องดีๆ ต่อหน้าท่านแม่เฒ่าก็เป็นได้
นางคิดถึงนายท่านสี่สกุลซ่งที่หลายวันนี้หน้าดำคร่ำเคร่งจนผมแทบขาวหมดศีรษะ รู้สึกร้อนใจจนไม่เลือกวิธีการ อยากจะสนทนากับอวี้ถังเสียให้ได้ พลันพบว่าตำแหน่งที่นางนั่งดูคล้ายว่าถัดจากพวกท่านแม่เฒ่าออกมาไม่ไกล แต่หากจะข้ามหน้าท่านแม่เฒ่าไปเพื่อพูดคุยกับเหล่าสตรีสกุลเผยมิใช่เรื่องง่ายดายเลย
อย่างไรนางก็ไม่อาจเรียกคุณหนูผู้นั้นให้มาหาท่ามกลางสายตามากมายของผู้คนได้
นายหญิงสี่สกุลซ่งเพิ่งจะพบว่าลำดับที่นั่งจัดได้ประเสริฐยิ่งนัก
ต่อให้นางรู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนสำคัญมาก แต่การฉวยจังหวะนี้เข้าหาพูดคุยกลับมิอาจทำได้เลย
ดูท่าต่อไปหากสกุลซ่งต้องจัดงานบ้าง ก็ควรจัดการลำดับการนั่งเช่นนี้ถึงจะถูก
อีกอย่างนางก็มีลำดับที่นั่งซึ่งสกุลเผยจัดเอาไว้อยู่ในมือ สามารถใช้มันอ้างอิงเพื่อปรับเปลี่ยนได้อีกนิดหน่อย
นางนั่งพิจารณาลำดับการนั่งของสกุลเผยอย่างละเอียด
หลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิงไม่กล้าเข้าไปคุยกับนายหญิงสี่สกุลซ่งตรงๆ นางได้แต่หันซ้ายแลขวา พยายามจับคู่ใบหน้ากับคนในลำดับที่นั่ง แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคุณหนูกู้กับเหล่าสตรีสกุลอู่เดินเข้างานมาพร้อมกัน
หัวคิ้วของนางขมวดปมเล็กน้อย
เหตุใดคุณหนูกู้จึงมาพร้อมกับคนของสกุลอู่ได้?
ต้องรู้ไว้ว่า คุณหนูกู้คือสะใภ้ใหญ่ของบ้านหลักสกุลเผยในอนาคต
หรือว่าจะเหมือนกับข่าวลือที่คนพวกนั้นกระซิบกระซาบจริงๆ ว่าสกุลเผยต้องการจะเกี่ยวดองกับสกุลอู่
พอคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ นางพลันร้อนใจทันที
นายท่านใหญ่สกุลเผิงตัดสินใจกะทันหัน ว่าต้องการจะเกี่ยวดองกับสกุลเผย
แน่นอนว่าหากแต่งกับเผยเยี่ยนได้คงเป็นเรื่องประเสริฐสุด
เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูเจ็ดหรือคุณหนูแปดที่ติดตามนางมา มองแล้วล้วนไม่ผ่านเกณฑ์สักคน
หากว่าเผยเยี่ยนตกลง สกุลเผิงจะต้องให้สกุลเผยเลือกคุณหนูที่อายุเหมาะสมจากสกุลเผิงไปคนหนึ่ง
หากว่าเผยเยี่ยนไม่ตกลง เช่นนั้นก็ต้องดูว่าจะสามารถเลือกคุณหนูสี่ไม่ก็คุณหนูห้าสกุลเผยให้แต่งเข้าสกุลเผิงได้หรือไม่
หากว่าสกุลเผยถูกใจคุณหนูอู่…ไม่นับว่าเป็นผลดีต่อสกุลเผิงของพวกนางเท่าไร
หลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิงมองดวงหน้างามดั่งดอกโบตั๋นของคุณหนูอู่ สั่งเสียงเบากับหญิงรับใช้ข้างกายให้ไปสืบว่าเหตุใดกู้ซีถึงได้มาพร้อมกับคุณหนูอู่ได้
หญิงรับใช้ผู้นั้นรับคำแล้วจากไป
กู้ซีมองลำดับที่นั่งของตน ไม่รู้เรื่องโดยสิ้นเชิงว่าเกิดอะไรขึ้น
นางได้นั่งคู่กับคุณหนูสกุลซ่งและคุณหนูสกุลเผิง แน่นอนว่าไม่ได้ห่างจากที่นั่งของคุณหนูอู่สักเท่าไร แต่การจัดลำดับนั่งเช่นนี้ ทั้งไม่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของนางกับสกุลเผย และไม่อาจให้นางใกล้ชิดกับคุณหนูอู่มากเกินไป
นางยังไม่ทันได้แต่งเข้า สกุลเผยก็เริ่มจะกดข่มนางเสียแล้ว?
กู้ซีแสยะยิ้มในใจ สีหน้ากลับไม่แสดงออกสักนิด ยังคงไปคารวะท่านแม่เฒ่าสกุลเผยพร้อมกับคุณหนูอู่ด้วยท่าทีเบิกบานใจดังเก่า
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยไม่รู้ว่าเหตุใดกู้ซีถึงถูกจัดให้นั่งกับพวกคุณหนูสกุลซ่ง ในความคิดนาง แม้ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะดูแลกู้ซีอย่างเปิดเผย แต่ไม่สมควรจัดให้นางนั่งไกลออกไปถึงเพียงนั้น เพียงแต่ลำดับการนั่งนี้ได้มอบให้กับทุกสกุลแล้ว หากว่านางคิดเปลี่ยนแปลง มีแต่จะทำให้ผู้อื่นคิดว่าสกุลเผยนอกในแตกคอกัน ใจไม่เป็นหนึ่ง เสียชื่อเสียงของสกุลเปล่าๆ
นางคุยกับกู้ซีและคุณหนูอู่ด้วยรอยยิ้มหลายประโยค จากนั้นก็ปล่อยให้พวกนางกลับไปนั่งที่ของตน
พอกู้ซีนั่งลงก็เพิ่งรู้ว่านางได้นั่งข้างกายนายหญิงรองสกุลเผย ส่วนคุณหนูรองสกุลเผยนั่งอยู่ข้างๆ อวี้ถัง
เวลานั้นนางพลันเดือดดาลจนตัวสั่น
อวี้ถังอาศัยสิ่งใดไปนั่งอยู่ตรงนั้น?
สกุลเผยเห็นตนเป็นสิ่งใดในสายตากันแน่?
หรือนางไม่อาจเทียบได้แม้แต่กับคนนอกอย่างอวี้ถัง?
กู้ซีไม่อาจเสียกิริยา นางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วทักทายเหล่าคุณหนูจากสกุลซ่งและสกุลเผิง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลง
คุณหนูอู่ไม่ค่อยจะชอบใจนัก
นางคิดว่านางนั่งห่างจากกู้ซีมากไปหน่อย จึงหารือให้กู้ซีเปลี่ยนที่นั่งกับคุณหนูแปดสกุลเผิงซึ่งนั่งติดกับนาง
คุณหนูแปดสกุลเผิงไม่มีความเห็น นางจึงยอมเปลี่ยนที่กับกู้ซี
สองคนสุมหัวกระซิบกระซาบกันไปมา “คุณหนูสวีเก่งกาจไม่เบา งานใหญ่เช่นนี้ บอกว่าไม่มาก็ไม่มาเสียดื้อๆ เห็นว่าสกุลเผยก็ยอมไว้หน้าสกุลสวีอยู่หลายส่วน”
กู้ซีกับคุณหนูอู่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
คุณหนูอู่เอ่ยอีกว่า “ข้าได้ยินว่าระหว่างพิธีบรรยายธรรมจะมีช่วงหยุดให้พักผ่อนสองเค่อ ถึงตอนนั้นพวกเราไปหาคุณหนูรองสกุลเผยดีหรือไม่?”
เมื่อวานนางได้ติดตามกู้ซีไปคารวะคุณหนูรองสกุลเผยเป็นการส่วนตัวแล้ว คนทั้งสามคุยกันค่อนข้างถูกคอ ทั้งนัดแนะกันว่าอีกสักหลายวันจะออกไปเดินซื้อของที่ร้านค้าแผงลอยนอกวัดด้วยกัน
สายตาของกู้ซีอดจะเหลือบมองอวี้ถังไม่ได้
หญิงรับใช้ข้างกายท่านแม่เฒ่าสกุลเผยที่นามสกุลจี้อะไรนั่นกำลังค้อมตัวคุยเสียงเบากับอวี้ถังด้วยดวงตาที่ยิ้มหยีเป็นเส้นโค้ง
นางกัดฟันกรอด มองไปทางคุณหนูอู่ทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าจี้ต้าเหนียงกำลังคุยเรื่องอะไรกับคุณหนูอวี้ วันนี้ก่อนงานพิธีบรรยายธรรม ทุกสกุลจะมีการบริจาคสิ่งของให้กับวัดเจาหมิง ข้าได้ยินมาว่า นอกจากคุณหนูอวี้จะช่วยเหล่าคุณหนูสกุลเผยทำธูปหอมเพื่อช่วยอารามดับทุกข์แล้ว สกุลนางยังจะมอบกล่องบริจาคให้วัดเจาหมิงอีกกล่องด้วย”
งานบุญใหญ่เช่นนี้ ปกติทางวัดมักจะเชิญซิ่วไฉมาบันทึกเหตุการณ์ในวันงานเอาไว้ จากนั้นค่อยสลักลงบนแผ่นหิน เมื่อสลักลงแผ่นหินแล้ว ก็จะแกะสลักรายนามของผู้บริจาคสิ่งของต่างๆ ให้วัดลงไปด้วย นี่เป็นเรื่องมีหน้ามีตาและเป็นเกียรติแก่สกุลไปอีกหลายชั่วรุ่น
สายตาที่ใช้มองคุณหนูอวี้ของคุณหนูอู่พลันเปลี่ยนมาเป็นคมกริบ นางเอ่ยอย่างแฝงความนัยว่า “คุณหนูอวี้นับว่าใส่ใจนัก สกุลเราบริจาคเงินเพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น นางคนเดียวกลับบริจาคตั้งสองอย่างเชียว”
เดิมกู้ซีคิดยืมมือบุคคลที่สาม แต่คุณหนูอู่ผู้นี้เป็นคนใจกล้า นางกลัวว่าหากพูดต่อไป คุณหนูอู่จะก่อเรื่องขึ้นมาโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก สุดท้ายเปลวเพลิงนั่นจะลามมาถึงตัวนางด้วย เช่นนั้นมีแต่จะได้ไม่คุ้มเสีย
“นางเดินเข้าออกสกุลเผยบ่อยๆ แค่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น” กู้ซีหัวเราะเบาๆ อย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนาทันทีว่า “จะว่าไป ธูปหอมของอารามดับทุกข์ทำได้ไม่เลวจริงๆ อีกเดี๋ยวเจ้าอยากจะไปดูหรือไม่ ข้าว่าจะซื้อกลับไปฝากเป็นของขวัญให้คนที่เรือนเสียหน่อย เจ้าสนใจจะซื้อด้วยหรือไม่?”
คุณหนูอู่เดิมก็ไม่ชอบอวี้ถัง คิดว่านางมาจากสกุลเล็กยากจน ไม่รู้จักรักถนอมตนเอง กลับมาเสนอหน้าในงานใหญ่เช่นนี้ นางเห็นว่ากู้ซีไม่พูดถึงอวี้ถัง นางจึงไม่เอ่ยต่ออีก เพียงหัวเราะแล้วบอกว่า “ดีสิ! เจ้ามิได้บอกว่าเรื่องนี้มีคุณหนูรองสกุลเผยเป็นผู้ดูแลหรอกรึ? ข้าต้องไปสนับสนุนนางเสียหน่อย อย่างไรก็ต้องซื้อของกลับไปส่วนหนึ่งแน่”
สองคนพูดไปหัวเราะไป บทแทรกเมื่อครู่เหมือนเป็นเพียงคลื่นลมที่สงบ ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
หลานสะใภ้ใหญ่สกุลเผิงกำลังลอบสังเกตเหล่าคุณหนูสกุลเผย นางเองก็อดจะหันไปมองอวี้ถังไม่ได้
นางเห็นว่าอวี้ถังสนิทสนมกับคนข้างกายของท่านแม่เฒ่าสกุลเผยเป็นอย่างมาก ทั้งคนข้างกายท่านแม่เฒ่าก็ดูชื่นชอบนาง รวมถึงนายหญิงรองและเหล่าคุณหนูสกุลเผยก็ด้วย ส่วนคุณหนูสี่กับคุณหนูห้าสกุลเผยที่ยังไม่ได้ถูกหมั้นหมาย คนหนึ่งร่าเริง อีกคนอ่อนหวาน มองอย่างไรก็หาข้อติติงไม่ได้เลย
บางที นางอาจต้องตรวจสอบคุณหนูอวี้ผู้นี้ด้วยแล้ว
นางลูบแผ่นลำดับที่นั่งในมือเบาๆ คิดว่าต้องสืบเรื่องคุณหนูทั้งสองคนของสกุลเผยด้วยถึงจะถูก
นางกลัวจะมองพลาดสิ่งใดไป
ต้องมีใครสักคนมาช่วยนางแบกรับความรับผิดชอบนี้
ทั้งคุณหนูอวี้ผู้นี้ หากว่าสืบไปพร้อมกันเลยได้ก็ยิ่งดี
นางไตร่ตรองอีกครั้ง จากนั้นก็สั่งสาวใช้เสียงเบาว่า “เจ้าไปถามนายท่านใหญ่หน่อย ว่าคุณชายสืออีมาที่เมืองหลินอัน จำเป็นต้องไปคารวะเหล่าท่านแม่เฒ่าสกุลเผยหรือไม่?”
คุณชายสืออีสกุลเผิงคือผู้ดูแลเบื้องหลังสกุล เขาติดตามนายท่านใหญ่มาเมืองหลินอันด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปที่จวนสกุลเผย ทว่าพาคนจำนวนหนึ่งไปด้วย ไม่รู้แอบไปเข้าพักที่ไหนกันแน่
มิสู้ฉวยโอกาสนี้ให้เผิงสืออีเปลี่ยนจากคนในที่ลับมาอยู่ที่แจ้ง เข้ามาทำความเคารพผู้อาวุโสสกุลเผยอย่างเปิดเผย แล้วจำจดหน้าตาของคุณหนูทั้งสองแห่งสกุลเผยเอาไว้
เมื่อนางคิดได้เช่นนี้ ก็รีบส่งลำดับที่นั่งในมือให้สาวใช้ข้างกาย ก่อนจะสั่งการว่า “ก่อนที่เจ้าจะรายงานนายท่านใหญ่ มอบลำดับที่นั่งแผ่นนี้ให้นายท่านใหญ่ดูก่อน”
ผู้อื่นรู้กระทั่งเรื่องในเรือนหลังของสกุลเผิง หลินอันนับเป็นถิ่นของสกุลเผย เผิงสืออีมาถึงเมืองหลินอัน ไม่แน่สกุลเผยอาจรู้ตัวตั้งแต่แรก
———————————————————