ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 261 มื้อเย็น
เสียงของเผยเยี่ยนเพิ่งจะจบ ทุกคนต่างพากันอึ้งไป
โดยเฉพาะชิงหยวน
นางรับใช้เผยเยี่ยนมาตั้งแต่เล็ก ในชีวิตประจำวันเผยเยี่ยนเป็นคนพิถีพิถันเพียงใด ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่านาง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินข้าว แค่ดื่มชา หากเป็นใครหน้าไหนไม่รู้ เขาไม่มีทางยกถ้วยขึ้นดื่มแน่
หากนายท่านสามจะรับมื้อเย็นที่นี่ นางก็ต้องรีบไปยืนยันรายการอาหาร ยังมีชุดถ้วยจานชาม ผ้าเช็ดมือและใบชา…ล้วนต้องเปลี่ยนเป็นแบบที่นายท่านสามคุ้นเคยทั้งสิ้น…ทางนี้เพิ่งจะเก็บของเสร็จ คุณหนูอวี้ไม่ได้มีของติดตัวมาด้วยมาก ในเรือนส่วนใหญ่เป็นของเครื่องใช้และของตกแต่งเดิม ตอนแรกนางจะไปขอสมุดรายการจากผู้ดูแลคฤหาสน์ มาถามคุณหนูอวี้ว่าชอบการตกแต่งแบบไหน นางจะได้ไปเบิกของจากผู้ดูแลทางนั้นมาประดับห้องให้ ตอนนี้คนในมือไม่พอ มีหลายเรื่องที่นางต้องลงมือด้วยตนเอง ช่วงบ่ายนางทันแค่กำชับสิ่งต่างๆ ที่อวี้ถังชื่นชอบลงไปเท่านั้น ตอนนี้ขนมกับใบชานางไปเบิกมาแล้ว แต่ยังไม่ทันได้หารือเรื่องการตกแต่งห้อง นายท่านสามจะต้องไม่พอใจมากเป็นแน่
นางจะต้องรีบไปตกแต่งห้องรับแขกนี้ก่อนหรือไม่?
ชิงหยวนพลันตัดสินใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าสิ่งใดต้องทำก่อน สิ่งใดค่อยทำทีหลัง
ยังดีที่อวี้ถังดึงสติกลับมาได้ทัน
เผยเยี่ยนจะอยู่กินข้าวกับนางที่นี่
นางยังไม่เคยกินข้าวกับเผยเยี่ยนตามลำพังสองคนมาก่อน!
หรือว่าเขามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับนาง?
อวี้ถังลอบชำเลืองมองเผยเยี่ยนทีหนึ่ง
เผยเยี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างยิ่งใหญ่ ทำตัวเหมือนรอกินข้าวด้วยจริงๆ เห็นชัดว่าไม่ได้สังเกตสีหน้าตกใจของนางเลยสักนิด
อวี้ถังลอบถอนหายใจเบาๆ
นางจะคิดเองเออเองไม่ได้อีกแล้ว
เผยเยี่ยนปฏิบัติต่อนางสนิทสนมเพราะคนเมืองเดียวกัน ทั้งสุภาพและชอบธรรม แต่กลับเป็นนางที่ชอบคิดอะไรแปลกๆ ทั้งยังมักเข้าใจเผยเยี่ยนผิดอีกด้วย
สีหน้าของอวี้ถังเห่อแดง รีบกดความคิดว้าวุ่นยุ่งเหยิงในใจเอาไว้ส่วนลึก นางสูดหายใจเต็มปอด แล้วเอ่ยกับเขาด้วยความเคารพเหมือนคุยกับพี่ชายบ้านตนและไม่เหินห่างว่า “ท่านพูดว่าใต้เท้ากู้จะมาค้างที่นี่ ท่านไม่ต้องไปต้อนรับเขาหรือเจ้าคะ?”
ส่วนที่ว่าเหตุใดนางถึงปฏิบัติต่อเผยเยี่ยนเหมือนเป็นพี่ชายคนโต แต่มิใช่เหมือนบิดานั้น นางเองก็ไม่ทันคิดให้ละเอียด
เผยเยี่ยนได้ฟังก็ย่นคิ้ว เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ากลัวกินกับเขาจะกระเดือกไม่ลง เลยอยากกินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปหาเขา”
กู้ฉ่างเข้ามาพักที่คฤหาสน์ส่วนตัวของเผยเยี่ยน เขากลับมาเวลาไหน ออกไปเวลาไหน หากเขาต้องการให้กู้ฉ่างรู้ กู้ฉ่างย่อมจะรู้ หากว่าเขาไม่ต้องการให้กู้ฉ่างรู้ กู้ฉ่างก็จะไม่มีวันรู้ และที่กู้ฉ่างคิดจะมาพักในคฤหาสน์แห่งนี้ ก็ไม่รู้เป็นเพราะเขาเย่อหยิ่ง? หรือมั่นใจในตัวเองมากกันแน่?
เผยเยี่ยนแสดงความรำคาญต่อกู้ฉ่างอย่างไม่ปิดบัง “เขาผู้นี้ ชอบเข้าหาแต่คนมีอำนาจ มิใช่เรื่องดีอะไร”
อวี้ถังเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
นางย่อมรู้ดีว่ากู้ฉ่างเป็นคนเช่นไร แต่คนมีเป็นพันหมื่นด้าน นางชื่นชมด้านที่เขาปฏิบัติต่อกู้ซีอย่างเอาใจใส่ แต่ว่าเผยเยี่ยน เป็นบัณฑิตมีวิชาความรู้ ที่ทั้งทะนงและภาคภูมิใจในตนเอง เหตุใดจู่ๆ ถึงพูดถึงกู้ฉ่างขึ้นมาลับหลังเขาแบบนี้?
ทว่าอวี้ถังสัมผัสได้เลือนราง บัดนี้เผยเยี่ยนก็ปฏิบัติต่อนางต่างออกไปจากเมื่อก่อนมาก
หากเป็นเมื่อก่อนเผยเยี่ยนจะปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของบัณฑิตอย่างถูกต้องตามระเบียบกฏเกณฑ์ เหมือนกับแขวนหน้ากากไว้บนหน้า ทำให้คนไม่อาจเห็นความรักเกลียดของเขาได้ ทว่าเผยเยี่ยนในตอนนี้ คล้ายจะถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นเครื่องหน้าอันแท้จริง จนผู้อื่นมองออกอย่างง่ายๆ ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด
เผยเยี่ยนที่ครองตัวเป็นวิญญูชนทำให้ผู้คนเคารพเชื่อถือ แต่เผยเยี่ยนที่เต็มไปด้วยอารมณ์และจุดอ่อนเช่นนี้ กลับทำให้อวี้ถังรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากกว่า รู้สึกถึงตัวตนแท้จริงของเขา ทั้งชื่นชอบ ปลอดภัย และมั่นคงยิ่งกว่าเก่า
ราวกับว่า…ราวกับว่าเช่นนี้นางสามารถมองเห็นหัวใจของเขาได้
อวี้ถังหน้าซับสีเลือดคล้ายข่มไม่อยู่ หัวใจเต้นแรงเหมือนรัวกลอง เอ่ยเสริมต่อจากเขาว่า “เช่นนั้นท่านจะกินข้าวกับข้าที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปหาใต้เท้ากู้รึ”
เผยเยี่ยนร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง เชื่ออย่างหมดใจว่าอวี้ถังยืนอยู่ฝั่งเขา ความคิดนั้นทำให้เขาพออกพอใจอย่างมาก จึงยิ่งเปิดเผยกว่าเดิม “ข้ายังต้องอยู่ที่หังโจวอีกเกือบครึ่งเดือน ดูท่าคุณหนูสวีไม่น่าจะอยู่นิ่งได้ หากว่านางนัดเจ้าไปเดินเล่นข้างนอก ถ้าปฏิเสธไม่ได้ จำไว้ให้มาบอกกับผู้ดูแลสี่สักคำ เขาจะจัดคนไปคุ้มครองพวกเจ้า หากว่าเจอข้าวของที่อยากได้แต่จับจ่ายไม่ไหว ก็บอกคนในร้านให้นำของมาส่งที่คฤหาสน์ได้เลย ผู้ดูแลสี่จะจ่ายเงินให้เอง”
อวี้ถังรับตอบว่า “ตอนที่จะมาท่านพ่อให้เงินข้าไว้แล้ว”
เผยเยี่ยนชำเลืองมองนางทีหนึ่ง “ตอนที่ข้าอยู่เมืองหลวง ได้ยินว่ามีครั้งหนึ่งคุณหนูสวีไปเดินซื้อของ ผู้ดูแลสกุลสวีตอนนั้นถึงกับต้องไปแลกเงินที่หอเครื่องเงินให้นางใช้จ่ายถึงร้อยตำลึง ในเมื่อเจ้าไปกับนาง คงไม่คิดจะยืนมองนางซื้อของอยู่ข้างๆ เพียงอย่างเดียวกระมัง?”
เขานึกถึงภาพนั้นก็ไม่สบายใจขึ้นมา
อวี้ถังได้ยินก็ใจสั่น “หนึ่ง หนึ่งร้อยตำลึง? คุณหนูสวีซื้ออะไรไปบ้างนี่?”
“ใครจะรู้ว่านางซื้ออะไรไปบ้าง?” เผยเยี่ยนประชดกลับ “ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของนางมิใช่น้อยๆ บางทีอินหมิงหย่วนยังกลัวว่าข้าวปลาในเรือนจะไม่เหลือพอกิน”
อวี้ถังอ้าปากค้างตาเบิกโต “แล้วทำไมคุณหนูสวีไม่ซื้อของให้น้อยๆ ลงหน่อยเล่า?”
“คงเพราะอินหมิงหย่วนไม่กล้าเอ่ยปากให้นางใช้เงินน้อยหน่อยกระมัง?” เผยเยี่ยนบอก “คุณหนูสวีเป็นภรรยาของเขา หากกระทั่งภรรยาคนหนึ่งยังเลี้ยงไม่ไหว จะไปสู่ขอผู้อื่นมาทำไมกัน?”
อวี้ถังเพิ่งเคยได้ยินคำพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
นางคิดถึงตั๋วเงินห้าสิบตำลึงที่ตอนนั้นซ่อนไว้ในกล่องเครื่องประดับอย่างดีอกดีใจ แล้วตอบไปตามจริงว่า “เช่นนั้น ข้าคอยอยู่ที่ห้องจะดีกว่า! จะได้ไม่ต้องบังเอิญเจอเผิงสืออีด้วย”
เผยเยี่ยนโมโหกับความไม่เอาไหนของนาง เอ่ยอย่างคุกรุ่นว่า “เจ้าจะกลัวอะไร ข้าก็ไม่ได้ให้เจ้าใช้เงินคืนเสียหน่อย ต่อให้สกุลสวีจะมีเงิน แต่มาเทียบชั้นกับสกุลเผยได้รึ? สิ่งที่คุณหนูสวีซื้อได้ เจ้าก็ต้องซื้อได้เช่นกัน”
ไม่เหมือนกันสักหน่อย!
อย่างไรนางก็มิใช่คนสกุลเผย อาศัยสิ่งใดให้สกุลเผยมาออกเงินแทนนาง?
อวี้ถังรู้ว่าเผยเยี่ยนไม่ชอบให้คนมาเถียงเขา นางคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องยกเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นมายั่วโมโหเผยเยี่ยน จึงยิ้มรับง่ายๆ แต่ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ต่อให้นางกับคุณหนูสวีออกไปเดินเล่นข้างนอก นางก็จะไม่ซื้อของที่เกินกำลังของตนเด็ดขาด
สภาพแวดล้อมของแต่ละคนมีดีมีเลว แต่นางไม่ได้คิดว่าตัวเองด้อยกว่าผู้อื่นที่ตรงไหน
สีหน้าเผยเยี่ยนยังหลงเหลือโทสะ กำลังคิดว่าจะมอบเงินส่วนตัวให้อวี้ถังดีหรือไม่ ชิงหยวนพลันนำขบวนเด็กรับใช้และเหล่าสาวใช้วิ่งหน้าชุ่มเหงื่อกันเข้ามา หลังจากยอบเข่าคารวะเผยเยี่ยนแล้ว ก็ถามว่าเขาจะรับมื้อเย็นที่ไหน?
“ก็กินที่ห้องรับแขกนี่แหละ” เผยเยี่ยนตอบ “ทางนั้นปลอดโปร่งหน่อย”
ชิงหยวนรับคำแล้วสั่งการลงไป
อวี้ถังเห็นว่าอาหารร้อนมีปลาดองเหล้ากับหมูสามชั้นน้ำแดงอย่างละหนึ่งจานเล็ก เผยเยี่ยนยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ชิงหยวนเป็นสาวใช้ใหญ่ในเรือนของเผยเยี่ยน ไม่มีทางทำพลาดเช่นนี้แน่นอน นางค่อนข้างมั่นใจว่าคงเตรียมเอาไว้ให้นางแน่ จึงอดจะเงยหน้ามองเผยเยี่ยนทีหนึ่งไม่ได้
เผยเยี่ยนถามอย่างสงสัยว่า “มีอะไรรึ?”
“เปล่าเจ้าค่ะๆ” อวี้ถังรีบตอบ ก่อนจะกินมื้อเย็นกับเผยเยี่ยนอย่างสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้คีบปลาดองเหล้ากับหมูสามชั้นน้ำแดงเลย
ชิงหยวนพาสาวใช้เข้ามาเก็บโต๊ะ แล้วยกน้ำชามาตั้งให้
อวี้ถังนึกว่าเขาจะไปหากู้ฉ่าง ใครจะคิดว่าเขากลับไล่คนที่รับใช้อยู่ในห้องออกไปจนหมด แล้วเอ่ยเรื่อง ‘ความฝัน’ ของนางขึ้นมา “ข้าลองพิจารณาตามสิ่งที่เจ้าพูดแล้ว หญิงสาวที่เผิงสืออีพูดถึงมีฐานะเช่นไรกันแน่? ทำไมหลี่ตวนถึงออกตัวปกป้องนาง? เหตุใดเผิงสืออีถึงคิดใช้ตัวนางเป็นการแสดงความภักดี? หรือนางเป็นอนุของหลี่ตวน? แต่ข้าฟังจากที่เจ้าเล่า หญิงสาวคนนี้คล้ายมีสัมพันธ์บางอย่างกับกู้ฉ่าง? เป็นเพราะหลี่ตวนไปเมืองหลวงช่วยวิ่งเต้นธุระของบิดา จากนั้นก็รับบุตรสาวบ้านเล็กของสกุลใดมาเป็นอนุอย่างนั้นรึ? แล้วหลี่ตวนได้แต่งใครเป็นภรรยาเล่า?”
เขาขบคิดพลางลูบคางไปมา
อวี้ถังกลับแตกตื่นจนเหงื่อซึมทั่วร่าง
นางรู้อยู่แล้วว่าเผยเยี่ยนฉลาดมาก ดีที่นางพูดเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่าหลังจากตื่นขึ้นมาการจำผิดหรือจำไม่ค่อยได้นั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทั่วไป ไม่อย่างนั้นนางคงไม่รู้จะตอบความเผยเยี่ยนอย่างไรดี
อวี้ถังแสร้งตอบว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่ข้าจำได้ก็มีเพียงเท่านี้” จากนั้นนางก็เปลี่ยนเรื่องพูด ถามเผยเยี่ยนว่าทำไมเลือกมาพักที่คฤหาสน์หลังนี้ “ท่านชอบดอกไม้หรือเจ้าคะ?”
“ก็ชอบอยู่!” เผยเยี่ยนคล้ายไม่ชื่นชอบหัวข้อนี้สักเท่าไร “เพราะยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ คิดว่ามีดอกไม้เบ่งบานเกลื่อนไปทั่วคงไม่เหมาะ มิใช่ว่าข้าไม่ชอบดอกไม้หรอก และที่เลือกมาพักที่นี่ ก็เพราะหวังชีเป่าชื่นชอบ ข้าคิดว่าอีกสักหลายวันจะเชิญเขามากินข้าวที่นี่ด้วย”
แน่นอนว่า ต้องเป็นหลังจากที่กู้ฉ่างตัดสินใจจะโค่นล้มอาจารย์ของเขาเอง
อวี้ถังเอ่ยขึ้นอีกว่า “กุหลาบที่นี่บานได้งดงามมาก ยังมีดอกจื่อเถิงอีก พรุ่งนี้ข้ายังนัดคุณหนูสวีไปดื่มชาที่กำแพงกุหลาบทางนั้นเลย!”
“ข้าไม่รู้ว่ากำแพงกุหลาบที่เจ้าพูดถึงอยู่ตรงไหน แต่ในคฤหาสน์มีธารน้ำไหลผ่าน พวกเจ้าสามารถพาสาวใช้สักหลายคนไปเล่นด้วยได้” เผยเยี่ยนเอ่ย “ถ้าเจ้าคิดว่าน่าเบื่อ พรุ่งนี้ก็ให้เถ้าแก่รองถงเชิญอาจารย์หญิงมาอ่านตำราให้พวกเจ้าฟังที่เรือนสิ”
อวี้ถังคิดว่าแบบนั้นน่าสนใจกว่า
เผยเยี่ยนมองออก เด็กสาวค่อนข้างชอบความครึกครื้น
เขาขบคิดสักพัก แล้วตัดสินใจแทนนางทันที “เช่นนั้นพรุ่งนี้เชิญอาจารย์หญิงมาอ่านตำราที่จวน พรุ่งนี้เจ้าก็ถามคุณหนูสวีกับนายหญิงสามสกุลหยางว่าชอบดูละครบทไหน อีกสักสองวันก็เชิญคนมาร้องแสดงในเรือนด้วย”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ” อวี้ถังคำนึงว่าเผยเยี่ยนยังไม่ได้ออกจากไว้ทุกข์ เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ยินคุณหนูสวีพูดว่า ข้าหลวงอินจะมาที่นี่ ข้าจึงอยากใช้เวลาหลายวันนี้ทำถุงหอมห้าพิษ[1] วันไหว้บ๊ะจ่างจะได้มีมอบแก่ผู้อื่น” นางยังถามเผยเยี่ยนต่อว่า “ท่านชอบกลิ่นอะไรหรือเจ้าคะ? ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้ท่านสักหลายใบ!”
ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมอะไรเผยเยี่ยนก็ไม่ชอบสักอย่าง แต่เขาไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของอวี้ถัง จึงตัดสินใจว่าหากอวี้ถังมอบถุงหอมให้เขาจริงๆ เขาก็จะแขวนไว้ที่ต้นไผ่เซียงเฟยนอกห้องหนังสือ ดีชั่วก็สามารถขับไล่พวกแมลงได้
อวี้ถังถามเรื่องวันไหว้บ๊ะจ่างขึ้นมา “ปีนี้ที่เมืองหลินอันเรามีแข่งเรือมังกรหรือไม่? วันก่อนได้ฟังจากท่านพ่อ บอกว่าหลังวันไหว้บ๊ะจ่าง เรือของนายท่านเจียงก็จะกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าการค้าขายคราวนี้เป็นอย่างไร ครั้งนี้ขอให้กอบโกยกำไรได้เสียทีเถอะ! ไม่อย่างนั้นบิดาข้าต้องรู้สึกผิดต่อนายท่านอู๋มากแน่”
เผยเยี่ยนรู้สึกว่าความคิดของอวี้เหวินไม่ถูกต้อง “นายท่านอู๋เป็นผู้ร่วมกิจการค้าขายกับเจ้า หาใช่เจ้าหนี้ของสกุลเจ้าเสียหน่อย! การค้าขายมีทั้งได้กำไรและขาดทุน หากเรื่องแค่นี้เขายังไม่เข้าใจ สองสกุลควรตัดสัมพันธ์กันให้ไวไว้เป็นดี”
ท่าทางนั้นเย็นชาไร้หัวใจอย่างมาก
อวี้ถังนึกถึงเรื่องที่ตนปลูกต้นซาจี๋เลียนแบบเผยเยี่ยนเมื่อชาติก่อนแล้วขึ้นมาได้
ใบหูของนางร้อนลวก เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านคิดว่าต้นซาจี๋ของสกุลข้ายังมีทางรอดหรือไม่?”
เผยเยี่ยนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ตอบว่า “ไม่อย่างนั้นก็ทำผลไม้เชื่อมขายสิ?!”
น้ำเสียงเขาคล้ายไม่ค่อยจะมั่นใจนัก
————————————————
[1]ถุงหอมห้าพิษ เป็นของขวัญที่ต้องมอบตามธรรมเนียมในวันไหว้บ๊ะจ่าง โดยถุงหอมสามารถขับไล่ ‘พิษทั้งห้า’ ได้ ใช้ป้องกันแมลงและสัตว์ตัวน้อยต่างๆ เช่น แมงป่อง ตะขาบ งู ตุ๊กแก คางคก แมงมุม เป็นต้น