ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 265 ร้อนใจ
เผยเยี่ยนโตมาจนถึงขนาดนี้ยังไม่เคยขอโทษใครมาก่อน
หรือเขาต้องทำเหมือนคนที่มาขอโทษเขาพวกนั้น พาผู้ดูแลเด็กรับใช้ถือของขวัญล้ำค่าไปถึงหน้าประตู?
เผยเยี่ยนนึกแล้วก็เย็นเยียบในใจ
นี่ก็ไม่เหมาะเกินไปกระมัง
ต้องหาวิธีอื่นถึงจะถูก!
เขาถอนหายใจแผ่วเบา ทว่าไหล่กลับถูกกระทบอย่างแรง
เผยเยี่ยนหันศีรษะกลับมา ก็เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของอินเฮ่า
“นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เขานั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือข้างเผยเยี่ยน ออกคำสั่งกับอาฉาที่ยืนเฝ้าข้างโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ “รินชาปี้หลัวชุนให้ข้าสักถ้วยสิ” ยามนี้จึงค่อยมองเผยเยี่ยนอีกครั้ง “ทางกู้เจาหยางจัดการเสร็จแล้ว เงินสองแสนตำลึงก็ไม่มีปัญหาแล้วเช่นกัน เรื่องของจางเซ่า แม้จะทำให้คนรับมือไม่ทัน แต่โจวจื่อจินก็ตามไปแล้ว อาศัยความไหลลื่นของเขา ใครก็อย่าได้คิดจะเอาอะไรกลับไปเลย เจ้ายังมีอะไรไม่วางใจอีก? หรือจะเป็นเรือกสวนไร่นาในเจียงซี? มีข้าคอยดูที่ไหวอัน ย่อมไม่อาจเกิดเรื่อง เจ้าแค่รอเก็บเงินปีหน้าก็เพียงพอแล้ว”
เผยเยี่ยนเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “นี่ล้วนเป็นเรื่องที่จัดการเสร็จสรรพแล้ว ข้ามีอะไรให้ต้องกังวลอีก”
สิ่งที่เขากังวลคือทางคุณหนูอวี้ควรจะทำอย่างไร!
เผยเยี่ยนครุ่นคิดว่าควรให้อินเฮ่าแนะนำเสียหน่อยดีหรือไม่ กลับได้ยินอินเฮ่าเอ่ยขึ้นมาก่อน “สองวันนี้ท่านอาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้แอบตำหนิเรื่องข้ากับเจ้าหรือไม่? ก็แค่เลี้ยงดูภรรยานอกสมรสเท่านั้น? นั่นเพราะเห็นแก่ฐานะที่คนอื่นกำเนิดบุตรให้ข้าคนหนึ่ง ข้าคิดไว้นานแล้ว ทั้งสองแห่งห่างกันไกลลิบ รับรองว่าไม่อุ้มลูกเข้าสกุลแน่นอน รอเขาเติบใหญ่แล้ว ก็จะให้เขาสร้างครอบครัวขึ้นเพียงลำพัง ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกท่านอาคิดอย่างไร เมื่อก่อนเอาแต่ร้อนใจให้เพิ่มบุตรทายาท ยามนี้เพิ่มให้แล้ว ก็มารังเกียจชาติกำเนิดคนอื่นอีก ใต้หล้าแห่งนี้มีเรื่องที่สมบูรณ์แบบที่ไหนกัน ข้าคงไม่อาจทิ้งคนนั้นในเรือนแต่งอีกคนเข้ามาเพราะเด็กได้หรอกกระมัง? ยามนี้ไม่ใช่ว่าได้ดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายหรอกรึ”
เขาฟังคำพูดที่แทงใจนี้ ก็ไม่อยากพูดสักประโยคเดียว กลับเอ่ยเหน็บแนมขึ้นมาแทน “เช่นนั้นเจ้าก็ทำให้แน่ใจเสียหน่อยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกเจ้าจริงๆ หรือไม่ อย่าได้เลี้ยงลูกให้คนอื่นก็พอแล้ว!”
อินเฮ่ากระโดดโพล่งขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน? ใช่ลูกข้าหรือไม่ ข้าจะไม่รู้เชียวรึ?”
เผยเยี่ยนแค่นเสียงเย็น คร้านจะพูดกับเขา ถามอินเฮ่าว่า “เจ้าจะกลับไปเมื่อใดกัน? ทางสกุลจางเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลัวเพียงว่าจะไร้ทางจบด้วยดี ความหมายของข้าคือ เจ้าหาวิธีคุยเปิดใจกับใต้เท้าเสิ่นดีกว่า พยายามกลับไปเมืองหลวงให้เร็วที่สุด”
อินเฮ่าเห็นเผยเยี่ยนพูดเรื่องจริงจัง สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา “ข้าอยากพบเถาชิงก่อนค่อยไป”
เผยเยี่ยนเข้าใจความหมายของอินเฮ่าทันที เขาเอ่ยอย่างตะลึง “เจ้าอยากผลักดันเถาอันไปเจียงซี?”
อินเฮ่าผงกศีรษะ เอ่ยวิเคราะห์กับเผยเยี่ยน “อาศัยจากประสบการณ์ของข้า ย่อมพอช่วงชิงได้ แต่หากสุดท้ายล้มกลางคัน ยังมิสู้ฉวยโอกาสผลักดันเถาอัน เรื่องขนส่งเกลือสำคัญเกินไป สกุลพวกเจ้าและสกุลเถาล้วนมีกิจการขนส่งทางทะเลอยู่ในการควบคุม ไม่มีอะไรต้องกังวล สองปีมานี้พวกเราสกุลอินไม่ค่อยราบรื่นเท่าใด อย่างไรก็ต้องทำกิจการนี้ให้มั่นคง ข้าถึงจะสามารถออกจากเจียงหนานได้ ทั้งทางพี่รองของเจ้า เดือนเก้าพวกเจ้าจะถอดชุดไว้ทุกข์ เจ้านั่งอยู่ที่หลินอันไปไหนไม่ได้ แต่หากพวกเรามีคนหนุนหลังที่เมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ยามที่พี่รองเจ้ากลับไปรับตำแหน่ง ข้าคิดว่าเช่นนี้จะเดินหมากได้ดีกว่า”
หากเถาอันสามารถเป็นผู้ตรวจการที่เจียงซี สกุลเถาก็จะมีอำนาจเพิ่มขึ้นในราชสำนัก ยามที่หารือเรื่องล้มเลิกสำนักการค้าทางทะเล พวกเขาจะได้มีอำนาจในการพูดมากขึ้น
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าล้วนฟังพวกพี่ๆ”
เดิมทีอินเฮ่าก็ไม่เชื่อ เอ่ยว่า “ข้าว่าข้าพูดตรงใจเจ้ากระมัง? ไม่อย่างนั้นเจ้าจะรับปากโดยง่ายได้อย่างไร? แต่เรื่องนี้ทำได้เร็วเท่าใดก็ดีเท่านั้น เถาชิงบอกหรือไม่ว่าจะมาเมื่อใด?”
“เขาคงจะเดินทางติดต่อกันข้ามวันข้ามคืน” เผยเยี่ยนเอ่ย “กลับเป็นนายหญิงสามหยาง ข้าได้ยินว่านางส่งคนไปหย่อนเทียบเชิญหลายฉบับ ไม่รู้ว่ามีส่วนที่ข้าช่วยเหลือได้หรือไม่?”
อินเฮ่าก็ไม่ได้คิดปิดบังเขา เอ่ยตามตรง “หลังจากสกุลอู่และสกุลเจียงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน สกุลอู่ก็วางท่าเหิมเกริม รวมกับยังมีสกุลซ่งจ้องพร้อมตะครุบอยู่ด้านข้าง แม้จะพูดว่าไม่ถึงกับทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจ แต่บางครั้งก็พาให้คนรำคาญ บางเรื่อง ท่านอาช่วยเป็นธุระให้ข้า ทางข้าก็ลดภาระได้ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเดือนเก้าหมิงหย่วนก็จะแต่งงานแล้ว มีบางสกุลที่ต้องไปบอกกล่าวด้วยตัวเอง เจ้าก็อย่าเข้าไปยุ่งเลย”
สกุลสวีเป็นสกุลร่ำรวยและเรืองอำนาจอันดับต้นๆ ของราชสำนัก สกุลอินและสกุลสวีเกี่ยวดองกัน ย่อมสามารถขู่ขวัญผู้อื่นได้เช่นกัน
เผยเยี่ยนและอินเฮ่าต่างก็รู้แก่ใจดี ไม่พูดเยิ่นเย้อเรื่องนี้อีก อินเฮ่าจึงพูดอีกเรื่องขึ้นมา “สกุลเผิง เจ้ามีแผนจะทำอย่างไร? สองปีมานี้สกุลพวกเขาวิ่งเล่นไปทั่ว ข้าคิดว่าต้องมอบบทเรียนให้พวกเขาเสียหน่อย”
บทเรียนล้วนเป็นข้ออ้าง สกุลอิน สกุลเผยและสกุลเถากลายเป็นพันธมิตรที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หากสามารถยุบสำนักการค้าทางทะเลของเซวียนโจวได้ กิจการของพวกเขาย่อมมีเงินทองไหลมาไม่ขาดสาย!
นี่จึงจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่อยากให้เผิงอวี่เข้ามาอยู่ในจุดที่สำคัญ
แต่หากยุบสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลของเซวียนโจว ทางหนิงปัวก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้เช่นกัน
สกุลอวี้เพิ่งจะร่วมหุ้นกับเจียงเฉา…คงไม่ถึงขั้นขาดทุน แต่ก็อย่าได้คิดจะโกยเงินไปมากกว่านั้นเลย
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “จะใช้เหตุผลอะไรยุบสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเล? ทางหนิงปัวจะเก็บไว้ได้หรือไม่?”
อินเฮ่าคาดเดาว่าสกุลเผยคงจะมีกลุ่มเรืออยู่ทางหนิงปัว เอ่ยอย่างลังเลว่า “ทางสกุลซ่งอาจจะยากหน่อย?”
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เช่นนั้นก็ถีบสกุลซ่งออกไป ให้คนอื่นมาทำแทน”
เมื่อความคิดรวมเข้าด้วยกัน จู่ๆ เบื้องหน้าเขาก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาทันที
ใช่แล้ว!
เหตุใดเขาจึงนึกไม่ถึงกัน!
ถีบสกุลซ่งออกไป ให้เจียงเฉามาแทนที่ เช่นนี้สกุลอวี้ก็ยืนหยัดได้แล้ว อวี้ถังก็จะไม่โกรธเคืองเขาเช่นกัน
“ตัดสินใจเช่นนี้แหละ” เผยเยี่ยนร้อนใจอยู่บ้าง อยากลองอย่างใจจดใจจ่อ “เรื่องนี้มอบให้ข้าก็เพียงพอแล้ว พวกเจ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวทางเมืองหลวง ทางโจวจ้วงหยวน ข้าก็จะออกหน้าเอง”
ช่วยสกุลเถาคว้าตำแหน่งผู้ตรวจการเจียงซี
“แต่ว่า จะขอบคุณสกุลจางอย่างไร ก็ต้องให้สกุลเถาหาวิธีการออกมา” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทั้งสถานการณ์ทางเจียงซี ก็ซับซ้อนอยู่บ้าง เดิมทีจางเซ่ายังจัดการให้เรียบร้อยไม่ได้ เถาอันยิ่งแล้วใหญ่ พวกเจ้าต้องหาวิธีเสียหน่อย”
อินเฮ่ารู้สึกเยียบเย็นในใจ เอ่ยว่า “สกุลซ่งทำอะไรรึ? ดูเหมือนจะล่วงเกินอะไรเจ้า! เจ้าไม่กลัวว่านายท่านใหญ่สกุลพวกเขาจะวิ่งโร่มาร้องไห้ปรับทุกข์ต่อหน้าท่านแม่เฒ่าสกุลเจ้าหรอกรึ? จะว่าไป นายท่านใหญ่ของสกุลพวกเขาก็ใกล้หกสิบแล้ว ข้ากลัวก็แต่ว่าถึงเวลานั้นเจ้าจะต้านไม่ไหว ผลปรากฏว่าพวกเราเป็นคนเลวเสียแทน!”
ความสัมพันธ์ของสกุลซ่งและสกุลเผย พวกเขาต่างรู้ดี
เผยเยี่ยนแค่นหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยว่า “นี่เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก เจ้าสนใจเรื่องตัวเองให้ดี ถึงเวลานั้นอย่าถ่วงแข้งถ่วงขาก็พอแล้ว”
“เจ้าวางใจเถิด!” อินเฮ่าตบอกตัวเอง “เจ้าลงโทษญาติมิตรเพื่อความยุติธรรมได้ ข้าก็ทุ่มเทจนสุดชีวิตได้เช่นกัน!”
เผยเยี่ยนจึงเอ่ยว่า “พี่รองกินข้าวเช้าหรือยัง? ข้าให้คนยกข้าวต้มมาให้เจ้าดีหรือไม่? พวกเราพากันวิ่งมาหังโจว คนของสกุลซ่งก็หาได้โง่เขลาไม่ เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ข้าจะไปจัดการเสียหน่อย คงไม่ได้กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนพี่รองแล้ว”
พูดจบ ก็ไม่สนใจอินเฮ่าที่ร้องเรียกเขาอยู่ด้านหลัง เดินไปยังที่พักของอวี้ถัง
เขาเดินไปพลาง ถามอาฉาไปพลาง “ทราบไหมว่าคุณหนูอวี้กินข้าวเช้าหรือยัง? ข้ามีเรื่องด่วนจะพบนาง!”
อาฉาฟังจบก็วิ่งไปแทบไม่เห็นฝุ่นทันที ล่วงหน้าไปสืบเรื่องให้เผยเยี่ยน
รอจนเผยเยี่ยนเดินมาถึงหน้าประตูเรือนของอวี้ถัง อาฉาก็สืบความอย่างชัดเจนแล้ว ยามที่เดินตามเผยเยี่ยนเข้าไปด้านในก็พูดอย่างไม่หยุด “คุณหนูอวี้กำลังกินข้าวเช้าขอรับ คุณหนูสวีก็อยู่ที่นั่น ได้ยินสาวใช้ข้างกายคุณหนูสวีกล่าวว่า เดิมทีวันนี้วางแผนจะออกไปเที่ยวเล่น แต่สกุลจางมีงานไว้ทุกข์ คุณหนูสวีกล่าวว่านางไม่มีอารมณ์ วันนี้จึงเตรียมจะคัดลอกคัมภีร์กับคุณหนูอวี้ จากนั้นก็จะส่งไปเผาที่วัดหลิงอิ่น อีกสองวันถึงจะออกไปเที่ยวเล่นกับคุณหนูอวี้ ซื้อพวกของฝากแล้วก็เตรียมตัวกลับเมืองหลวงขอรับ”
เผยเยี่ยนหยุดชะงัก
เขากลับลืมไปว่าคุณหนูสวีและสตรีของสกุลจางคงจะคุ้นเคยกัน ไม่แปลกใจที่นางจะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวเล่น
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “หากคุณหนูทั้งสองจะไปวัดหลิงอิ่น เจ้าก็มาบอกข้าล่วงหน้าเสียหน่อย ข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกนางด้วย เจ้าอาวาสของวัดหลิงอิ่นก็มีไมตรีกับสกุลพวกเรา ปีนี้ยังไม่ได้เข้าไปบริจาคค่าธูปน้ำมันเลย”
อาฉารับคำสั่ง สมองกลับเต็มไปด้วยความงุนงง
แต่ไหนแต่ไรนายท่านสามก็ทำเรื่องอย่างไม่สนใจใคร แม้จะเป็นยามที่ท่านผู้เฒ่าอยู่ อยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ไม่เคยอธิบายให้พวกเขาฟังมาก่อน นี่นายท่านสามเป็นอะไรกัน? คงไม่ใช่ว่าช่วงที่ไว้ทุกข์ไม่กี่ปี กินผักกินเจจนนิสัยเปลี่ยนเป็นสงบอ่อนโยนเสียแล้ว
อาฉาไม่กล้าคาดเดามาก ตามเผยเยี่ยนเข้าไปในโถงหลัก
เมื่อวานอวี้ถังก็นอนไม่หลับเช่นกัน พลิกไปพลิกมา ยามที่ฟ้าสางจึงค่อยล่วงสู่นิทรา กลับมาถูกคุณหนูสวีปลุกให้ตื่นเร็วอีก สีหน้าจึงดูหม่นหมองอยู่บ้าง
เห็นเผยเยี่ยนเข้ามา นางก็ตกใจอย่างยิ่ง
อย่างไรเมื่อวานทั้งสองคนก็จากกันได้ไม่ดี
นางรีบเชิญเผยเยี่ยนนั่งลงที่เก้าอี้ไท่ซือ ก่อนจะกำชับสาวใช้ไปยกชา
คุณหนูสวีไม่ชอบหน้าเผยเยี่ยนอยู่ตลอด เห็นเขาก็อยากเอ่ยเหน็บแนมสักสองสามประโยค แต่นึกได้ว่านางวางแผนจะนัดอินหมิงหย่วนมาเที่ยวในจวนเผยเยี่ยน จึงข่มกลั้นไม่พูดออกมา กระนั้นก็ไม่อยากเสแสร้งอะไรกับเผยเยี่ยน หลังจากทักทายเขาแล้ว ก็บอกลาอวี้ถังทันที “ข้าจะกลับไปก่อน เตรียมกระดาษหมึกเสร็จแล้วจะเข้ามาอีกครั้ง”
อวี้ถังไม่อยากเจอเผยเยี่ยนเท่าใด แต่คุณหนูสวีอยู่ที่นี่ นางก็ไม่อาจหักหน้าเผยเยี่ยนได้ ทำได้เพียงส่งคุณหนูสวีออกไป ถึงหน้าประตูแล้วก็กำชับนางเสียงเบาว่า “เจ้ารีบเข้ามาไวๆ ล่ะ!”
ทำท่าประหนึ่งไม่อยากอยู่กับเผยเยี่ยนนาน
คุณหนูสวีเข้าอกเข้าใจ คาดว่าอวี้ถังก็คงไม่ชอบเผยเยี่ยนเท่าใดเช่นกัน เอ่ยว่า “เจ้าวางใจ อย่างมากสุดก็ประมาณครึ่งก้านธูป หากเขายังไม่ไป ข้าก็จะมาไล่คน”
อวี้ถังพยักหน้าให้คุณหนูสวีอย่างซาบซึ้ง ส่งคุณหนูสวีไปแล้ว จึงกลับไปที่ห้องโถง
เผยเยี่ยนคิดว่าตัวเองคิดวิธีแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองคนได้แล้ว จึงมั่นอกมั่นใจ เห็นอวี้ถังย้อนกลับมา ก็เอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “เจียงเฉาคนผู้นี้ เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?”
อวี้ถังคาดเดาไม่ได้ว่าเผยเยี่ยนจะทำอะไรโดยสิ้นเชิง ทั้งนางก็ไม่ค่อยเข้าใจในตัวเจียงเฉาเท่าใด ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดเรื่องที่ตัวเองรู้ “เขาคงจะชำนาญเรื่องการค้า ทั้งยังปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องอื่นข้าก็ไม่รู้แล้ว”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ชำนาญเรื่องการค้า แสดงว่าคนผู้นี้มีความสามารถ ปกป้องครอบครัว แสดงว่าคนผู้นี้ใส่ใจต่อความสัมพันธ์และความรู้สึก คงจะพอใช้ได้อยู่”
อวี้ถังแปลกใจ
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก ข้าวางแผนจะช่วยเจียงเฉาเสียหน่อย ไม่ใช่ว่าสกุลพวกเจ้าทำการค้ากับเขาพอดีอย่างนั้นรึ? ก็สามารถรับกำไรเล็กๆ น้อยๆ ตามได้เช่นกัน”