ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 269 ช่องโหว่
อวี้ถังคิดว่าแผนนี้ใช้ได้
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงเท่านั้นเองว่า สองคนเพิ่งจะตัดสินใจไปเดินเล่นที่วัดหย่งฝู ก็ต้องเผชิญหน้ากับเผยเยี่ยนและอินเฮ่าทันที
อินเฮ่าก่อนจะไปอยู่ไหวอัน เขาเคยประจำที่สำนักฮั่นหลินถึงหกปี ไม่เพียงไปเยี่ยมอินหมิงหย่วนบ่อยๆ ทั้งชอบไปขอข้าวกินที่สกุลสวีอีกด้วย คุณหนูสวีนั้นพูดได้ว่าเขาเห็นมาแต่เล็กจนโต บวกกับนางเป็นคนร่าเริงน่ารัก เขาจึงชื่นชอบนางมาก ดูแลนางเหมือนกับน้องสาวแท้ๆ มากกว่าเป็นน้องสะใภ้
คุณหนูสวีก็สนิทสนมกับอินเฮ่าเช่นกัน
เมื่อเห็นอินเฮ่า นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างดีอกดีใจ
“พี่รอง!” นางแสร้งวางท่าโกรธใส่ “พวกท่านไปไหนมากัน? ให้พวกข้ารอตั้งนาน!”
อินเฮ่าหัวเราะก่อนพยักหน้าให้คุณหนูสวี สายตากลับย้ายไปอยู่ที่ร่างของอวี้ถังอย่างไม่รู้ตัว
อวี้ถังใส่ชุดคลุมสีเขียวอ่อนไร้ลวดลาย ทว่าริมฝีปากแดงฉ่ำ ผมยาวดำขลับ ผิวขาวราวหิมะ ร่างบางน้อยยืนอยู่ตรงนั้น งามจับตายิ่งกว่าบุปผาในฤดูใบไม้ผลิเสียอีก
เขาอดจะถามไม่ได้ว่า “ท่านนี้คือ?”
คุณหนูสวีรีบแนะนำให้เขารู้จักทันที “คุณหนูอวี้ หลังจากข้าไปเมืองหลินอันก็ได้นางมาเป็นเพื่อน ครานี้นางแสดงน้ำใจในฐานะเจ้าบ้าน มาเที่ยวเมืองหังโจวเป็นเพื่อนข้าเจ้าค่ะ”
ก่อนหน้านี้อินเฮ่าได้ยินนายหญิงสามสกุลหยางเอ่ยถึงนางมาก่อน เพียงแต่ไม่คิดว่าคนจะสะสวยเพียงนี้ ทั้งดวงตาก็งามนัก มองแล้วทำให้คนรู้สึกสงบยิ่ง
หากว่านางมาเป็นสะใภ้ให้สกุลอินของเขาได้ก็คงดี
เขาเอ่ยทักทายอวี้ถัง ทางหนึ่งก็ขบคิดอยู่ในใจ ว่าสกุลอินของเขามีลูกหลานคนใดที่เหมาะสมบ้างหรือไม่หนอ
เผยเยี่ยนทางนั้นรอจนแทบหมดความอดทนแล้ว เขาถามอวี้ถังว่า “พวกเจ้ากำลังจะไปไหน?”
พวกเขาไปเจอเถาชิงมาแล้ว หลังจากรู้ว่าหวังชีเป่าจะสนับสนุนเถาอันให้ชิงตำแหน่งผู้ตรวจการเจียงซี เถาชิงก็ลงจากเขาไป เพื่อไปเตรียมของขวัญให้กับหวังชีเป่า
อวี้ถังเห็นว่ามีคนนอกอยู่ด้วย จึงต้องรักษาหน้าเผยเยี่ยนไว้ “พวกเราจะไปเดินเล่นที่วัดหย่งฝูเจ้าค่ะ”
วัดหย่งฝูค่อนข้างเล็ก รูปแบบก็ออกจะแตกต่างกับวัดหลิงอิ่น
เผยเยี่ยนจึงนัดแนะกับอินเฮ่าว่า “พวกเราก็ไปเดินเล่นทางนั้นบ้างสิ”
อินเฮ่าเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ
บุรุษตัวโตสองคนอย่างพวกเขา จะไปเดินเล่นที่วัดกับคุณหนูน้อยทั้งสองได้อย่างไร
เผยเยี่ยนรู้ตัวว่าพูดจาผิดไป รีบบอกว่า “พวกเราไปคุยกันที่นั่น!”
อินเฮ่าไม่ได้สงสัยเขา หันไปหัวเราะกับคุณหนูสวี “เจ้าก็บังๆ พวกข้าไว้หน่อย เดี๋ยวพวกข้าเดินตามเจ้าห่างๆ ก็แล้วกัน”
อย่างนี้นับว่าใช้ได้
คุณหนูสวีตอบรับอย่างรวดเร็ว
เผยเยี่ยนเริ่มเค้นสมองอย่างหนักว่าจะแยกอินเฮ่าออกไปอย่างไรดี
แต่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงประตูข้างของวัดหลิงอิ่น ก็บังเอิญเจอกู้ฉ่างเสียก่อน
“คุณหนูอวี้!” เขาทั้งดีใจและตื่นเต้น “พวกเราช่างมีวาสนาต่อกัน!”
อวี้ถังประหลาดใจอย่างที่สุด นางยิ้มให้กู้ฉ่างพลางพยักหน้าให้น้อยๆ นับว่าเป็นการทักทายแล้ว แต่อินเฮ่ากลับเอ่ยขึ้นว่า “เจาหยางเจ้ามาที่วัดหลิงอิ่นทำไมไม่นัดข้า? ข้ายังคิดว่าเจ้าออกไปทำธุระเสียอีก เลยต้องลากสยากวงมา เขาคนนี้นะ ไปทางไหนก็ตีหน้าตึงอยู่ได้ น่าเบื่ออย่างกับอะไรดี ถ้ารู้ว่าเจ้าจะมาแต่แรก ข้าก็ไม่นัดเขามาหรอก!”
น้ำเสียงนั้นบอกถึงความอัดอั้นเต็มประดา
หากคนที่สนิท ย่อมรู้ว่ากำลังล้อเผยเยี่ยนเล่น แต่คนที่ไม่รู้ อาจคิดว่าเขากำลังรังเกียจเผยเยี่ยนอยู่ก็ได้
แน่นอนว่ากู้ฉ่างไม่เก็บมาคิดจริงจัง
เขาได้แต่หัวเราะเหอะๆ
เดิมเผยเยี่ยนไม่ควรจะเก็บมาใส่ใจ เขาหันไปมองอวี้ถังทีหนึ่ง เห็นว่านางทำหน้าเรียบเฉยไร้คลื่นอารมณ์ ก็นึกถึงคำพูดของเถาชิง ในใจรู้สึกเย็นเยือกแปลบๆ สีหน้าดำคล้ำไปหมด
อินเฮ่าเข้าไปลากแขนกู้ฉ่างโดยไม่หยุดคิด “เจ้าจะไปไหนล่ะ? พวกเราจะไปเดินเล่นที่วัดหย่งฝู จะไปด้วยกันหรือไม่?”
กู้ฉ่างมองอวี้ถังทีหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เอาสิ! ข้ากำลังว่างอยู่พอดี ยังคิดว่ากินอาหารเจที่วัดหลิงอิ่นแล้วค่อยกลับหรือว่าลงเขาไปเลยดี ในเมื่อพวกเจ้าวางแผนจะไปเที่ยววัดหย่งฝูกัน เช่นนั้นทุกคนก็อยู่กินมื้อเย็นที่วัดหลิงอิ่นแล้วค่อยกลับเถอะ? ข้าจะเป็นเจ้ามือเอง!”
เพียงแต่ตอนที่เขาเหลือบมองอวี้ถังนั้นเอง หางตาก็กวาดไปทางเผยเยี่ยนอย่างไม่ตั้งใจ
เขาพบว่าสีหน้าของเผยเยี่ยนย่ำแย่ถึงขีดสุด
กู้ฉ่างสะท้านในใจ คิดว่าเผยเยี่ยนคงไม่ได้เก็บเอาคำล้อเล่นของอินเฮ่าไปคิดจริงจังกระมัง? หากว่าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงเป็นคนใจแคบที่ไม่อาจพูดเล่นด้วยได้เลย แล้วเผยถงจะเคยล่วงเกินเขาด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวบ้างหรือไม่หนอ?
ดูท่าเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มากหน่อย กลับไปต้องซักไซ้เผยถงให้ละเอียด
กู้ฉ่างเดินนำทางอยู่หน้าสุด พลางแนะนำวัดหย่งฝูให้อินเฮ่าฟัง “…ปรมาจารย์ฮุ่ยหลี่เป็นคนก่อตั้ง เหมือนกับวัดหลิงจิ่วกับวัดหลิงอิ่นนั่นแหละ ตอนแรกตั้งชื่อว่าวัดจือเหยียน แต่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดหย่งฝู…”
อินเฮ่าฟังด้วยใจไม่อยู่กับตัว สมองของเขาแล่นอย่างว่องไว คิดว่าเผยเยี่ยนต้องการจะคุยอะไรกับเขากันแน่? เขาต้องคิดหาวิธีแยกกู้ฉ่างออกไปอีกทางให้ได้
เผยเยี่ยนเดินอยู่ด้านหลังพวกเขา ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้คุณหนูสวีและอวี้ถังทีละนิด
เขาคิดว่าเช่นนี้ก็ไม่เลวเท่าไร
กู้ฉ่างแม้จะเป็นคนน่ารังเกียจ แต่การปรากฏตัวของเขาสามารถรั้งตัวอินเฮ่าไว้ได้ ถือว่าทำความดีไปเรื่องหนึ่ง
เขาไตร่ตรองดูแล้วตัดสินใจชะลอฝีเท้าลง เพื่อให้ได้เดินเคียงไหล่ไปพร้อมกับคุณหนูสวีและอวี้ถัง
“คุณหนูสวีจะกลับเมืองหลวงเมื่อไร?” เผยเยี่ยนไม่มีเรื่องคุยแต่ก็พยายามหามาจนได้ “ข้าได้ยินจากชิงหยวนว่าอีกสองวันคุณหนูสวีเตรียมจะไปเดินซื้อของขึ้นชื่อในเมืองเพื่อนำกลับไปด้วย ข้าเองก็อยากฝากของกลับไปให้หมิงหย่วนกับสกุลจางพอดี ขอคุณหนูสวีช่วยเหลือสักหน่อย”
คุณหนูสวียังติดใจภาพวาดของเจ้าอาวาสที่วัดหลิงอิ่นไม่หาย ย่อมจะแสดงท่าทางกระตือรือร้นมากกว่าปกติกับเผยเยี่ยน
นางยิ้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณนายท่านสามมาก ถึงเวลานั้นท่านสั่งผู้ดูแลนำของมาให้หญิงรับใช้ของข้าได้เลย”
เผยเยี่ยนตอบขอบใจ พยายามหาทางชวนอวี้ถังคุย “พอคุณหนูอวี้ส่งคุณหนูสวีกลับไปแล้วก็จะกลับเมืองหลินอันเลยรึ? ถึงเวลานั้นพวกเราเดินทางกลับพร้อมกันดีหรือไม่? หลายวันนี้ผู้ว่าการเจ้อเจียงเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ พวกเรากลับไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ดูแลช่วยเหลือกันได้”
อวี้ถังไม่ทันได้ตอบ คุณหนูสวีก็โพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้อเจียงเปลี่ยนผู้ว่าการคนใหม่แล้ว?”
เผยเยี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ “คำสั่งออกมาเดือนที่แล้ว อีกไม่กี่วันก็คงเดินทางมาถึง”
คุณหนูสวีถามต่อว่า “เปลี่ยนเป็นใคร? ใต้เท้าฉินไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
สายตาของเผยเยี่ยนหยุดที่ร่างของอวี้ถังพักหนึ่ง “หลี่กวงผู้ว่าการอวิ๋นหนานคนก่อนถูกย้ายมาเป็นผู้ว่าการที่เจ้อเจียง ใต้เท้าฉินย้ายเข้าเมืองหลวง รับตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ”
คุณหนูสวีมีพี่ชายคนโตรับตำแหน่งอาลักษณ์ในกรมพิธีการเช่นกัน
ในใจนางค่อนข้างว้าวุ่น
ไม่รู้ว่านายหญิงสามสกุลหยางไปเยี่ยมเยือนสหายเก่าครานี้ ได้แวะไปคารวะใต้เท้าฉินด้วยหรือไม่
หากว่าไม่ นางก็ไม่รู้ว่าการไปตอนนี้จะยังทันเวลาอยู่หรือเปล่า?
นางนิ่งคิดไปหลายอึดใจ ทำหน้าหนาถามเผยเยี่ยนต่อว่า “คำสั่งย้ายของใต้เท้าฉินมาถึงหังโจวแล้วหรือยัง?”
เผยเยี่ยนตอบว่า “สมควรมาถึงแล้ว ทว่า จากนิสัยของใต้เท้าฉิน ก่อนที่ใต้เท้าหลี่จะเดินทางมาถึง เขาไม่น่าจะทำตัวเอิกเกริก”
คุณหนูสวีร้อนใจ นางกระซิบบอกอวี้ถังว่า “เจ้าไปวัดหย่งฝูก่อนเลยนะ ข้ามีเรื่องด่วน ต้องไปสั่งงานอาฝูหน่อย”
แม้อวี้ถังจะไม่รู้ว่าการที่ใต้เท้าฉินถูกย้ายออกจากเมืองเจ้อเจียงเกี่ยวข้องกับคุณหนูสวีอย่างไร แต่เมื่อเห็นท่าทางของคุณหนูสวีแล้ว นางพลันสงสัยว่าเผยเยี่ยนจงใจเล่าข่าวนี้ให้คุณหนูสวีฟังหรือเปล่า นางรู้สึกได้ว่าเผยเยี่ยนพยายามจะแยกตัวคุณหนูสวีออกไป
หัวใจของนางพลันเต้นแรงเหมือนกลองรัว
นางจะคล้อยตามสถานการณ์แล้วลองฟังว่าเผยเยี่ยนจะพูดอะไรกับนาง? หรือควรเมินเฉยเขาต่อไปแบบนี้ แล้วตามไปจัดการธุระเป็นเพื่อนคุณหนูสวีด้วย?
อวี้ถังยังลังเลไม่ทันเท่าไร เผยเยี่ยนก็โพล่งขึ้นว่า “ข้ารอเจ้าเป็นเพื่อนคุณหนูอวี้อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน! เจ้ารีบไปรีบมา”
วัดหลิงอิ่นอยู่ใกล้กับวัดหย่งฝูขนาดยิงธนูยังข้ามไปถึงได้ ทั้งพวกเขายังเดินมาจากประตูข้าง ต้นไม้หนาครึ้ม ทางเดินเงียบสงัด หาได้มีแขกคนอื่นๆ จะทิ้งอวี้ถังไว้ที่นี่คนเดียวย่อมไม่เป็นเรื่องดีแน่
คุณหนูสวีตอบ “เจ้าค่ะ” คำหนึ่ง แล้วหันมาพูดกับอวี้ถัง “แล้วข้าจะรีบมา” ก่อนจะพาตัวอาฝูเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ อย่างรีบร้อน
สายตากดดันบีบคั้นของเผยเยี่ยนพุ่งมาอยู่บนร่างของอวี้ถังทันที
อวี้ถังแสร้งทำไม่รับรู้ นางมองไปรอบด้าน คล้ายกำลังชมทิวทัศน์อันงดงามอยู่
เผยเยี่ยนกระแอมเสียงเบาทีหนึ่ง
อวี้ถังถึงได้ลืมตัวหันกลับมามอง
เห็นเพียงมือที่กำเป็นหมัดแน่นบดบังดวงหน้าที่ถมึงทึงอยู่ ก่อนที่จะกระแอมไออีกรอบ
อวี้ถังถามว่า “ท่านได้รับไอเย็นหรือว่าเจ็บคอกันแน่? จะเชิญท่านหมอมาตรวจดูหรือไม่? ถ้าข้าจำไม่ผิด ในวัดหลิงอิ่่นก็มีพระอาจารย์หมอ แต่ไม่รู้ว่าวิชาแพทย์อยู่ระดับใด? ข้าจะให้ชิงเหลียนพาท่านกลับไปตรวจอาการดูก็แล้วกัน?”
สีหน้าของเผยเยี่ยนมืดมนเหมือนก้นหม้อ
เนิ่นนาน เขาถึงเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “เจ้ายังโกรธข้าเรื่องที่ถามว่าเจ้ารู้จักกับกู้ฉ่างได้อย่างไรอยู่หรือไม่?”
กู้เจาหยางเปลี่ยนเป็นกู้ฉ่างแล้วรึ
อวี้ถังประหลาดใจมาก สัญชาตญาณบอกให้ปฏิเสธ “เปล่า”
เผยเยี่ยนเอ่ยต่อว่า “เจ้าโกหก! ไม่อย่างนั้นตอนที่ข้ายกย่องกู้เฉา ทำไมเจ้าไม่ดีใจเลยสักนิด?”
อวี้ถังถูกคำถามทำให้อับจน
นัยน์ตาเผยเยี่ยนวาบแสงได้ใจ รู้สึกว่าเถาชิงสมเป็นพี่ชายคนโต สามารถพึ่งพาได้เป็นที่สุด “ข้าไม่มีเจตนาอื่น แค่ประหลาดใจมากเท่านั้น เหตุใดกู้ฉ่างถึงบังเอิญพบเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า สกุลกู้อยู่ในเมืองหังโจวใช่ว่าไม่มีคฤหาสน์ ตอนนี้เขาเป็นผู้ตรวจการ กลับไปสกุลกู้ก็มีหน้ามีตายิ่ง แต่เขาไม่เพียงปิดบังหลบซ่อน ยังจะมาพักกับข้าทางนี้อีก ข้ากลัวว่าเขาจะมีความคิดที่ไม่ดีต่อเจ้า…”
ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ อวี้ถังเกลียดชังคนที่ ‘มีความคิดไม่ดี’ กับนางมากที่สุด
ชาตินี้ นางได้ปีนออกมาจากโคลนตมในชาติก่อนแล้ว เผยเยี่ยนอาศัยสิ่งใดจึงมาพูดกับนางเช่นนี้
นางโมโหจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่ “นายท่านสามพูดผิดไปไกลแล้ว ข้าเป็นเพียงบุตรสาวของซิ่วไฉจนๆ ชาติตระกูลต่ำต้อย เติบโตในตรอกถนนทั่วไป มีสิ่งใดควรค่าให้ผู้อื่นระลึกถึง…”
คำของอวี้ถังยังไม่ทันจบดี เผยเยี่ยนก็รู้ตัวว่าตนพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปอีกแล้ว อีกอย่าง…หนนี้ยังหนักกว่าหนก่อนอีกด้วย
เขาพยายามแก้ไขมันทันที “เจ้าดูเจ้าสิ เป็นสาวเป็นแส้ ไม่เพียงชอบทำตามใจ เหตุใดยังอารมณ์ร้ายแบบนี้อีก? งานแต่งของกู้ซีเจ้าเป็นคนล้มงานใช่หรือไม่? สกุลของหลี่ตวนโชคร้ายเพราะเจ้าหรือเปล่า? กู้ฉ่างมีฐานะเช่นไร? หากว่าเขาคิดจะสืบจริงๆ จะไม่มีทางสืบได้เลยรึ?”
อวี้ถังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เผยเยี่ยนเห็นดังนั้นค่อยสงบใจได้ แต่ปากก็ยังพูดต่อไปอย่างไม่ไว้น้ำใจเลยสักนิด “เจ้าช่วยระวังตัวหน่อยได้หรือไม่? ข้าทางนี้ร้อนใจจะแย่ แต่เจ้ากลับไปพูดคุยเฮฮากับกู้ฉ่างอยู่ได้! เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าไปรู้จักกับกู้ฉ่างได้อย่างไร? ข้าจะได้ช่วยวิเคราะห์ให้เจ้าถูก”
อวี้ถังเพิ่งจะพบว่า ชาตินี้นางยังไม่มีโอกาสได้พบหน้าพูดจากับกู้ฉ่างเลยสักครั้ง นางก็รู้จักเขาก่อนแล้ว
เรื่องโกหกนี้ควรจะแต่งอย่างไรดี?
หน้าผากของอวี้ถังมีเหงื่อซึมออกมา
เผยเยี่ยนก็เอาแต่เร่งเร้านางไม่หยุด “เจ้าคิดให้ละเอียด เจ้าเจอกับเขาครั้งแรกตอนไหน? เขาพูดอะไรกับเจ้าบ้าง? แล้วอารมณ์ของเขาตอนนั้นเป็นอย่างไร?”
เขาถามจนร้อนรนไปหมด อวี้ถังได้แต่แข็งใจตอบไปว่า “ข้าจำไม่ได้จริงๆ! หลังจากที่ข้าฝันถึงเรื่องนี้ บางครั้งข้าก็แยกไม่ค่อยออกว่าเรื่องไหนคือสิ่งที่ฝันเห็น แล้วเรื่องไหนคือสิ่งที่ข้าพบเจอด้วยตนเองจริงๆ!”
เผยเยี่ยนมองนางด้วยสายตาแตกตื่น ในใจเกิดความคิดร้ายกาจบางอย่าง
หรือที่กู้ฉ่างพยายามเข้าใกล้อวี้ถัง เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง?
เผยเยี่ยนอยากจะถามอวี้ถังให้ละเอียดอีกรอบ คุณหนูสวีทางนั้นก็สั่งงานเสร็จพอดี คนกำลังเดินกลับมาทางนี้
เขาไม่สะดวกซักไซ้ต่อ ได้แต่กำชับอวี้ถังด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “เจ้าไม่ต้องไปคุยกับกู้ฉ่างอีก เรื่องนี้ข้าจะสืบให้กระจ่างเอง”