ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 284 เจรจา
เผยเยี่ยนพอใจท่าทีของหูซิ่งอย่างยิ่ง พูดถึงจุดประสงค์ของตัวเอง “ข้าวางแผนจะช่วยคุณหนูอวี้ปลูกต้นไม้”
เป็นคุณหนูอวี้ ไม่ใช่สกุลอวี้!
ปลูกต้นไม้ ไม่ใช่ทำให้พื้นที่ภูเขาเปลี่ยนเป็นมีกำไรขึ้นมา!
สมองของหูซิ่งแล่นอย่างว่องไว ใบหน้ากลับยังคงเผยท่าทีนอบน้อม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความคิดนี้ของท่านดีไม่น้อย! แม้จะกล่าวว่ายามนี้ปลูกต้นไม้ช้าไปบ้าง แต่อย่างไรก็นับว่าไล่หลังทัน ทั้งยามนี้อากาศก็ดี ต้นไม้กำลังออกดอกออกผล แม่นางชิงหยวนขึ้นเขาเป็นเพื่อนคุณหนูอวี้ ชื่นชมบุปผา เหนื่อยแล้วก็พักดื่มชาใต้ร่มไม้ พูดคุยเล่นกันไป ย่อมดีอย่างยิ่ง”
แววตาของเผยเยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หูซิ่งผู้นี้ ไม่แปลกใจที่สามารถประจบประแจงอยู่เบื้องหน้ามารดาเขาได้ นับเป็นคนที่มีไหวพริบหัวไวคนหนึ่ง
เขาเอ่ย “เช่นนั้นก็ว่ากันตามนี้ เจ้าไปจัดการเถิด”
หูซิ่งคล้ายกับมีฟ้าผ่าดังก้องในใจ
คาดไม่ถึงว่า…นี่ไม่ใช่ว่าเขาถูกบีบให้เลือกข้างหรอกรึ? เขาไม่อาจล่วงเกินท่านแม่เฒ่าเผย เผยเยี่ยนยิ่งไม่อาจ ยังมีคุณหนูอวี้ รู้หรือไม่ว่านายท่านสามมีความคิดเช่นนี้กับนาง?
หากกล่าวว่าเขาล่วงเกินท่านแม่เฒ่าเผยและเผยเยี่ยนไม่ได้ เช่นนั้นคุณหนูอวี้ก็ยิ่งไม่อาจล่วงเกินได้
ชั่วขณะนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเห็นใจตัวเองหรือเห็นใจคุณหนูอวี้ดี
แต่ไม่ว่ายามนี้เขาจะคิดอย่างไร เผยเยี่ยนเอ่ยออกมาแล้ว เขาย่อมไม่กล้าแสดงความคัดค้านอะไรออกมา เขาควรจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าให้ผ่านไปก่อนค่อยว่ากัน
หูซิ่งสมองแล่นปราด ทุกคนมักจะมีเรื่องหลงๆ ลืมๆ บ้างอยู่แล้ว เอ่ยว่า “นายท่านสาม ท่านว่าแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าไปบอกกล่าวกับคุณหนูอวี้ก่อน บอกว่าในสวนของสกุลพวกเราปลูกผลไม้ชนิดหนึ่ง ผลไม้นี้ขายดีไม่น้อย ทั้งยังปลูกง่าย เพียงแค่ไม่รู้ว่าเหมาะจะปลูกในพื้นที่ภูเขาของสกุลพวกนางหรือไม่ รอท่านและคุณหนูอวี้กลับหลินอัน พวกเราต้องไปดูพื้นที่นั้นให้ละเอียด ข้าเดาว่าแปดถึงเก้าในสิบคุณหนูอวี้ย่อมรับปาก…”
เผยเยี่ยนตัดบทสนทนาเขาอย่างเรียบเย็น “หากคุณหนูอวี้ไม่รับปากล่ะ?”
หูซิ่งชะงักไป
หากเผยเยี่ยนเป็นคนไม่อดทนอดกลั้น คงไม่อาจเดินมาถึงทุกวันนี้ได้หรอก แต่เผยเยี่ยนในเวลานี้ดูเหมือนยามปกติ ทว่าเมื่อสังเกตอย่างละเอียดกลับเผยความร้อนใจขึ้นมาหลายส่วน
ดูท่าเรื่องของคุณหนูอวี้ เขาต้องประเมินใหม่อีกครั้งแล้ว
หูซิ่งละล่ำละลักเอ่ยว่า “ก็เป็นไปได้ที่คุณหนูอวี้อาจจะไม่รับปากเช่นกัน นางอาจจะส่งคุณชายอวี้ขึ้นเขาเป็นเพื่อนพวกเรา นั่นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล แม้ว่าคุณชายอวี้จะนับว่าฉลาดหลักแหลม กลับไม่เข้าใจเรื่องเพาะปลูก ถึงเวลานั้นข้าขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนคุณชายอวี้ ย่อมมีวิธีทำให้เขาเป็นฝ่ายเชิญคุณหนูอวี้ให้ออกหน้า”
เผยเยี่ยนยังอยากถามเขาว่ามีวิธีอะไรให้อวี้หย่วนเป็นฝ่ายเชิญอวี้ถังออกหน้า แต่คิดดูแล้วหูซิ่งผู้นี้ต่อหน้าเขายังคงทำเรื่องได้น่าไว้ใจ ไม่ว่าเขาจะใช้แผนอันใด ขอเพียงแค่บรรลุเป้าหมายก็พอแล้ว พูดให้ชัดเจนกว่านี้คือ หากใช้วิธีที่ยากจะพูดอยู่บ้าง เขาจะเห็นด้วย? หรือไม่เห็นด้วย?
เขาควรรักษาท่าทีปกติ เหมือนที่เคยออกคำสั่งให้ไปทำเรื่องราวแบบเมื่อก่อน ขอเพียงแค่บรรลุจุดหมายก็พอแล้ว
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ผลไม้ที่เจ้าพูด คือผลไม้อะไร?”
เขาจำต้องทำความเข้าใจไว้ หากอวี้ถังถามขึ้นมา เขาตอบอะไรไม่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องขบขันแล้ว
หูซิ่งลอบดีใจที่เมื่อก่อนตัวเองเคยดูแลจัดการเรือกสวนไร่นาของสกุลเผย ฟังเรื่องเกี่ยวกับการเพาะปลูกจนชินแล้ว เขาเอ่ยว่า “ทางชิงโจวมีต้นท้อชนิดหนึ่ง เดือนห้าเดือนหกของทุกปีจะแตกกิ่งก้าน เดือนสิบเอ็ดสิบสองก็จะออกผล พวกเรากำลังลองปลูกต้นท้อชนิดนี้ที่สวนทางจี๋อัน เพียงแค่ยังไม่ออกผลขอรับ”
แต่ข้ออ้างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ความคิดแต่ละอย่างล้วนมาได้ตามต้องการ
สายตาที่เผยเยี่ยนมองหูซิ่งเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
หูซิ่งตื่นตัวขึ้นมา ลอบกล่าวขอโทษต่ออวี้ถังในใจ
แม้ว่าจะขอโทษนาง แต่อย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านของสกุลเผย จำต้องฟังคำสั่งของเผยเยี่ยน
แต่หากมีอะไรที่ทำไม่ถูก ก็ทำได้เพียงหาโอกาสชดใช้ให้คุณหนูอวี้ในภายหลังเท่านั้น
ทั้งสองคนพูดคุยในห้องหนังสืออยู่พักใหญ่ คล้อยหลังหูซิ่งก็ไปพบอวี้ถัง
อวี้ถังกำลังเก็บของฝากที่ซื้อยามไปเดินเล่นกับคุณหนูสวีในวันนั้น อันไหนให้พ่อแม่คุณหนูสวี อันไหนให้คุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยาง ชิงหยวนกำลังนำพวกสาวใช้ไม่กี่คนตัดกระดาษเพื่อใช้ติดบนกล่องไม้ของฝากพวกนั้น
ได้ยินว่าหูซิ่งมาขอเข้าพบ อวี้ถังเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง รีบเชิญหูซิ่งเข้ามา
หูซิ่งเห็นอวี้ถังก็ตกใจไม่น้อย
แค่ไม่ได้พบหน้าคุณหนูอวี้ไม่กี่วัน กลับรู้สึกได้ว่านางยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่ว่านางแต่งตัวได้อย่างพริ้งพราย ทั้งไม่ใช่ว่าผิวนางขาวกระจ่าง ใบหน้าเปล่งปลั่ง แต่เป็นความโดดเด่นที่ออกมาจากภายใน คล้ายกับหยกงามแกะสลักยามสะท้อนแสง ค่อยๆ เปล่งประกายความละเอียดนุ่มนวล ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ยืนงามสง่าจนสามารถมองเห็นท่ามกลางผู้คน กลับขาดความน่าสนใจและเสน่ห์ลึกล้ำ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หูซิ่งสับสนงงงวย กลับไม่อาจคิดมากได้ เข้าไปทักทายอวี้ถังด้วยรอยยิ้มกว้าง
อวี้ถังรีบเชิญเขานั่งลง
แม้ว่าหูซิ่งจะเป็นพ่อบ้านของสกุลเผย แต่ทุกครั้งที่พบคนของสกุลนางกลับให้ความเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง ตามหลักแล้วนางที่เป็นผู้น้อยก็ควรจะให้ความเคารพหูซิ่งเช่นกัน
นางให้สาวใช้ไปล้างอิงเถาและโหยวเถา[1]มาให้หูซิ่งชิม ยามนี้จึงค่อยนั่งลงตรงข้ามหูซิ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาจากหลินอันเมื่อใดกัน? มีเรื่องเร่งด่วนอะไรอย่างนั้นรึ? งานบรรยายธรรมของวัดเจาหมิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกท่านแม่เฒ่าสบายกันดีกระมัง?”
หูซิ่งตระหนักได้ว่าสองวันนี้อินเถาและโหยวเถาเพิ่งจะขึ้นตลาดสดๆ ใหม่ๆ ในจวนก็มีเจ้านายหลายคนได้กินแล้ว คิดว่าอวี้ถังอยู่ที่นี่คงจะได้รับความเคารพนับถือเป็นแน่ จึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เผยรอยยิ้มแฝงไปด้วยความจริงจังขึ้นมาหลายส่วน “เรื่องทางหลินอันราบรื่นดี งานบรรยายธรรมวันมะรืนถึงจะเสร็จสิ้น เป็นนายท่านสาม กังวลเรื่องพื้นที่ภูเขาของสกุลพวกท่าน จึงตั้งใจเรียกข้าเข้ามาโดยเฉพาะ เมื่อครู่ข้าก็เพิ่งไปพบนายท่านสามมาจึงค่อยมาหาท่านที่นี่” ทั้งยังเอ่ยสัพยอก “กระทั่งชาสักถ้วยก็ยังไม่ทันได้ดื่มดีๆ ด้วยซ้ำ”
อวี้ถังพอจะจินตนาการออกว่าหูซิ่งปฏิบัติท่าทีอย่างไรกับเผยเยี่ยน นางแย้มยิ้ม เอ่ยว่า “ข้าจะให้คนไปยกผลไม้มาให้เจ้าเดี๋ยวนี้ เจ้าจะได้กินล้างปากให้ปากหวานยิ่งขึ้นไปอีก”
หูซิ่งหัวเราะชอบใจ คิดว่าหากอวี้ถังเข้าจวนมาจริงๆ ก็คงดีอย่างยิ่งเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่ปรนนิบัติรับใช้ยาก
เขาเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่มา
อวี้ถังประหลาดใจอย่างยิ่ง
นางรู้ว่าเผยเยี่ยนกำลังหาวิธีช่วยนาง แต่นางกลับไม่ได้คาดหวังไว้นัก มักคิดว่าพื้นที่ภูเขานั้นเป็นเพียงกำไร ทั้งไม่ใช่เรื่องแค่ปีสองปี ไม่แน่ว่าสกุลพวกนางอาจจะไม่มีโชคด้านนี้ แม้จะเลียนแบบปลูกของสิ่งเดียวกับเผยเยี่ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถหาเงินได้เหมือนเผยเยี่ยนเสมอไป
สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ เผยเยี่ยนเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ยังเรียกหูซิ่งมาถึงหังโจวโดยเฉพาะ
นางอดเอ่ยอย่างจริงจังไม่ได้ “พ่อบ้านหู ท่านก็คิดว่าพื้นที่ภูเขาของสกุลพวกเราเหมาะสมจะเพาะปลูกต้นท้อมากกว่าอย่างนั้นรึ?”
ย่อมไม่เหมาะสม
หากเหมาะสม เขาคงบอกไปตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว
แต่นี่ไม่ใช่ว่านายท่านสามต้องการให้มัน ‘เหมาะสม’ หรอกรึ? แล้วเขาจะไม่ ‘เหมาะสม’ ได้อีกอย่างไร?
แต่เขาไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสา รู้ว่าคำพูดไหนควรพูด คำพูดไหนไม่ควรพูด บางอย่างพูดออกมาก็ทำเสียเรื่อง บางอย่างพูดแล้วกลับให้ผลดี
“ดังนั้นนายท่านสามจึงให้ข้ามาถามคุณหนูอวี้” เขาเอ่ย “หากคุณหนูอวี้เห็นด้วย กลับหลินอันแล้ว นายท่านสามก็จะไปดูพื้นที่ภูเขาเป็นเพื่อนท่านด้วยตัวเอง หากคุณหนูอวี้คิดว่าไม่เหมาะ พวกเราก็จะหาวิธีอื่นอีกที แต่ว่าเมื่อครู่นายท่านสามเพิ่งจะออกคำสั่งลงไป ให้อีกเดี๋ยวข้าส่งจดหมายไปหาสหายของเขาคนหนึ่งที่รับตำแหน่งอยู่ทางซีเป่ย ให้ท่านผู้นั้นช่วยส่งต้นกล้าซาจี๋มาสักสองสามร้อย สวนในจวนของพวกเราก็จะลองปลูกต้นซาจี๋เช่นกัน ดูว่าจะสามารถออกผลได้หรือไม่”
นี่ไม่ใช่ว่าจะลากทั้งสกุลเผยมาลงน้ำด้วยกันทั้งหมดหรอกรึ?
อวี้ถังเอ่ยว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ต้นซาจี๋ของพวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร ท่านเกลี้ยกล่อมนายท่านสามเสียหน่อยดีกว่า รอสักปีสองปี ดูการเก็บเกี่ยวของสกุลพวกเราว่าเป็นอย่างไรแล้วค่อยตัดสินใจเถิด!”
หูซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูอวี้อย่าได้ใส่ใจมาก นายท่านสามของพวกเรากล่าวแล้ว ผลไม้เชื่อมทางเหนือไม่อร่อย จึงให้พวกเถ้าแก่ในร้านค้าเมืองหลวงของพวกเราดูว่าสามารถลองทำรสชาติที่ถูกปากคนทางใต้ได้หรือไม่…ในเมืองหลวงมีคนเจียงหนานเป็นขุนนางอยู่มากมายก่ายกอง ขอเพียงแค่รสชาติดี ย่อมไม่ต้องกังวลลู่ทางขาย ไม่แน่ว่าจะสามารถใช้ผลซาจี๋เป็นจุดขาย ทั้งยังจะสามารถดึงดูดคนซีเป่ยพวกนั้นเข้ามาได้ด้วย”
อวี้ถังหน้าผากชื้นเหงื่อ
ทั้งสองคนยืนอยู่ในจุดที่ไม่เหมือนกัน สายตาในการมองเรื่องแตกต่างกัน ปัญหาที่ต้องพิจารณาก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
นางเพียงคาดหวังจะเปิดร้านในหังโจวเท่านั้น เผยเยี่ยนกลับเอ่ยปากจะไปเมืองหลวง ดึงดูดคนมาทั้งใต้หล้า
หูซิ่งเข้าใจถึงความต้องการของเผยเยี่ยน
ประเด็นสำคัญที่เผยเยี่ยนทำเช่นนี้ไม่ใช่การปลูกต้นไม้ แต่เป็นการหาข้ออ้างเพื่อให้ได้ปฏิสัมพันธ์กับอวี้ถัง
ปฏิสัมพันธ์อะไรไม่ปฏิสัมพันธ์?
จำจะต้องขึ้นเขาให้ได้อย่างนั้นรึ?
เมื่อครู่เขาไม่อาจพาลต่อหน้าเผยเยี่ยน ยามนี้อยู่กับอวี้ถัง เขาก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้นแล้ว ย่อมขุดแผนการต่างๆ นานาออกมา
หูซิ่งเอ่ยว่า “ข้าและบิดาของท่านก็นับว่าพูดจาถูกคอกัน ท่านก็อย่าโทษที่ข้าทำตัวเป็นคนแก่เลย ข้าคิดวาท่านทำอย่างนี้ไม่เหมาะ ไม่ใช่มีคำกล่าวหนึ่งหรอกรึ อ่านหนังสือหมื่นเล่มมิสู้ออกเดินทางหมื่นลี้ ข้ารู้สึกว่า ท่านอยากจัดการพื้นที่ภูเขานั้นของท่าน มิสู้ออกไปเดินดูให้มากหน่อย ในเมื่อนายท่านสามตั้งใจช่วยท่านทำเรื่องนี้ ท่านมิสู้พูดคุยกับนายท่านสาม ไปดูเรือกสวนไร่นาในจวนของพวกเรา หาประสบการณ์…หลังจากที่นายท่านสามของพวกเราเป็นผู้นำสกุล สวนในจวนของพวกเราก็ไม่ได้มีแต่ธัญพืชอีกแล้ว มีการปลูกไม้ผล ขุดบ่อปลา ทั้งยังปลูกเครื่องยาสมุนไพร ในทางกลับกันก็ย้ายพวกธัญพืชไปปลูกในสวนด้านนอก จากคำพูดของนายท่านสาม ที่เจียงหนานของพวกเราอากาศดี ดินน้ำอุดมสมบูรณ์ ปลูกธัญพืชทั่วไปก็น่าเสียดาย มิสู้ปลูกพืชผลที่ทำกำไรได้” พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ตั้งใจกดเสียงเบา “ท่านไปดูแล้วก็สามารถเลียนแบบได้ เหมือนกับสวนทางหูโจว ล้วนปลูกแต่ต้นซางชู่[2] เลี้ยงไหม ทอผ้า ทำเช่นนั้นเทียบกับการปลูกพืชได้กำไรกว่ามาก”
เขาทำท่าประหนึ่งว่าสามารถพูดเพียงเท่านี้ ก็พาให้อวี้ถังใจคล้อยตามได้จริงๆ
แม้นางจะไม่เข้าใจการปลูกพืชทำการเกษตร แต่นางสามารถเรียนรู้จากคนที่มีความสามารถได้!
อวี้ถังจมดิ่งในความคิด
หูซิ่งมองอย่างคาดหวัง ยังคงเป่าหูนางอย่างเงียบเชียบ “ท่านตามนายท่านสามไปดูพื้นที่ภูเขาของสกุลท่านก่อน ค่อยหาเวลาเอ่ยเรื่องนี้กับนายท่านสาม นายท่านสามผู้นี้ หากไม่ทำก็ไม่ทำ แต่หากทำก็จะลงมือทำออกมาอย่างดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ทำตัวราวกับมีหนามทิ่มแทงใจ จับตามองพื้นที่ภูเขาของสกุลท่านไม่ปล่อยเช่นนี้หรอก นี่นับเป็นโอกาสดีเชียว!”
อวี้ถังไม่อาจหักห้ามใจตัวเองอีกต่อไป
นางพยักหน้าช้าๆ เริ่มขบคิดในใจ
ด้านหูซิ่งกลับลอบถอนหายใจ
ดูท่าเรื่องนี้จะสำเร็จ
เขารู้สึกว่าตัวเองได้กลับมายืนบนถนนกว้างใหญ่หลังจากที่ยืนอยู่ขอบหน้าผา ทั่วทั้งร่างล้วนผ่านคลาย ยามนี้จึงค่อยพบว่าแผ่นหลังของตัวเองไม่รู้ว่าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อตั้งแต่เมื่อใด
————————–
[1]โหยวเถาคือเนคทารีน มีลักษณะคล้ายลูกพีช รสชาติอมหวานอมเปรี้ยว
[2]ต้นซางชู่คือมัลเบอร์รี่