ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 287 สกุลเก่า
อวี้เหวินตอบรับอย่างดีใจ ยังเอ่ยว่า “อยากให้ข้าไปเป็นเพื่อนหรือไม่? พี่ของเจ้าอายุยังน้อย กลัวว่าถึงเวลานั้นจะดูแลไม่ทั่วถึง พลั้งเสียมารยาท”
อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เร็วก็ช้าทรัพย์สินในเรือนนี้ย่อมต้องส่งต่อให้ท่านพี่ ท่านและลุงใหญ่ต้องให้โอกาสเขาในการฝึกฝนเสียบ้าง”
อวี้เหวินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไปบอกกล่าวกับอวี้ป๋อ วันถัดมากินข้าวเช้าแล้วจึงค่อยไปจวนสกุลเผย
เผยเยี่ยนกำลังกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่า ได้ยินว่าพ่อลูกสกุลอวี้เข้ามา เผยเยี่ยนจึงพึมพำเสียงเบาว่า “ไฉนเพิ่งมาเวลานี้?” ท่านแม่เฒ่ากำลังกำชับสาวใช้ให้พาอวี้ถังไปนั่งที่โถงบุปผา จึงได้ยินไม่ชัดว่าเผยเยี่ยนพูดอะไร อดหันกลับมาถามไม่ได้ “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ไม่ได้พูดอะไร” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างจริงจัง ทำท่าราวกับท่านแม่เฒ่าหูฝาดไปเอง
หรือข้าอายุมากเสียแล้ว?
ท่านแม่เฒ่าสงสัยอยู่ในใจ ส่งเผยเยี่ยนไปแล้ว ก็ไปโถงบุปผา
เพราะต้องมาพบเผยเยี่ยน อวี้ถังจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ เสื้อกั๊กยาวผ้าหยาบหังโฉวสีเขียวคราม สวมกระโปรงสีเขียวอ่อน ผมที่ม้วนเป็นก้นหอยด้านหลังเสียบดอกมะลิที่เพิ่งบานเรียงเป็นแถว แฝงกลิ่นหอมบางเบา ท่ามกลางรุ่งอรุณของฤดูร้อน กลับงดงามราวดอกทับทิมที่กำลังชูช่อเบ่งบาน
สาวน้อยผู้นี้ ยิ่งโตนับวันยิ่งงาม
ท่านแม่เฒ่าเผยลอบชมอยู่ในใจ นั่งลงข้างบานไม้ฉลุในโถงบุปผากับอวี้ถัง
อวี้ถังเข้ามาคารวะ ก่อนจะมอบของฝากที่ซื้อกลับมาจากหังโจวแก่นาง
ท่านแม่เฒ่าเผยเอ่ยอย่างเกรงใจ “สาวน้อยอย่างพวกเจ้า ยากที่จะได้ออกจากเรือน เที่ยวเล่นให้สนุกก็พอแล้ว ยังจะต้องเอาของอะไรมาให้ข้ากัน!”
อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่วัดเจาหมิงครั้งก่อน ได้รับการดูแลจากท่าน ยังไม่มีโอกาสขอบคุณดีๆ เลยเจ้าค่ะ ครั้งนี้เข้ามา นอกจากมาน้อมทักทายท่านแล้ว ยังอยากขอบคุณกับท่านดีๆ เสียหน่อย” พูดจบ ก็คำนับให้ท่านแม่เฒ่าเผยอย่างนอบน้อม
ท่านแม่เฒ่าเผยยิ้มรับ พาอวี้ถังมานั่งที่อีกครั้ง ก่อนจะพูดเรื่องการเดินทางไปหังโจวกับนาง
เรื่องของเผยเยี่ยน นางได้ยินเผยเยี่ยนพูดคร่าวๆ แล้ว สิ่งที่นางสนใจคือสตรีในเรือนของฉินเหว่ยที่กำลังจะไปเป็นขุนนางในเมืองหลวง รวมถึงการเกี่ยวดองระหว่างสกุลอินและสกุลกู้
อวี้ถังจึงเอ่ยเรื่องที่ตนรู้ให้ท่านแม่เฒ่าฟังอย่างละเอียด
ท่านแม่เฒ่าได้ฟังมุมปากก็กระตุกสั่น
ลูกชายผู้นี้ ขุดหลุมให้ใครแล้วก็ไม่ออมมือแม้แต่น้อย แต่เขาขุดหลุมให้กู้ฉ่างมีประโยชน์อะไรต่อเขากัน? ทำร้ายคนก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เขาทำร้ายคนกลับไม่ได้ประโยชน์ หรือโรคเก่ากำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ว่างไม่มีอะไรทำ จึงเริ่มก่อเรื่องยุ่งไปทั่ว?
ท่านแม่เฒ่าเผยกังวลใจอย่างยิ่ง
นายหญิงรองและคุณหนูห้าเข้ามาน้อมทักทายท่านแม่เฒ่า
ท่านแม่เฒ่ารีบให้คนเชิญทั้งสองคนเข้ามา
ทุกคนพบหน้า ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปฏิสัมพันธ์
หลังจากไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ อวี้ถังก็มอบของฝากให้นายหญิงรองและคุณหนูห้า
นายหญิงรองขอบคุณด้วยท่าทีงามสง่า คุณหนูห้ากลับชอบใจจนร้องขึ้นมาว่า “ของข้าก็มีรึ!” ราวกับเด็กน้อย พาให้ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา
อวี้ถังนำของฝากที่พกมาให้คุณหนูสกุลเผยคนอื่นๆ มอบให้กับนายหญิงรอง เพื่อให้นางช่วยส่งต่อ
นายหญิงรองขอบคุณนางแทนคุณหนูคนอื่นๆ ก่อนคุณหนูห้าจะลากอวี้ถังไปนั่งเล่นที่ห้องของตัวเอง
แต่ไหนแต่ไรท่านแม่เฒ่าก็ชอบตามใจลูกหลาน นอกจากจะอนุญาตด้วยรอยยิ้มแล้ว ยังกำชับกับจี้ต้าเหนียงว่า “ที่สวนส่งฝักบัวใหม่เข้ามาไม่ใช่รึ? เจ้าแกะเม็ดบัวใส่จานส่งไปให้เด็กทั้งสองคนด้วยเถิด”
จี้ต้าเหนียงรับคำสั่งทั้งรอยยิ้ม
ครั้งนี้เป็นอวี้ถังที่ตกใจ นางเอ่ยว่า “ยามนี้มีฝักบัวแล้วหรือเจ้าคะ?”
ท่านแม่เฒ่าเผยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นฝีมือของลูกสาม ก็ไม่รู้ว่าเขาทำออกมาได้อย่างไรกัน พวกเราแค่สนใจกินเท่านั้น”
นายหญิงรองเอ่ยอธิบาย “เป็นฝีมือของนายท่านสาม”
หรือเผยเยี่ยนมีพรสวรรค์ด้านการปลูกพืชผลจริงๆ?
อวี้ถังครุ่นคิดก่อนจะเผยยิ้มออกมา
คุณหนูห้าจูงมือนางออกจากเรือนท่านแม่เฒ่า
เพียงแต่พวกนางเพิ่งจะออกจากประตู ก็พบอาหมิงที่ยื่นศีรษะมองอยู่ตรงนั้น
“คุณหนูอวี้!” เขาเห็นอวี้ถังก็ตาเป็นประกาย วิ่งเหยาะๆ เข้ามา “หลังจากท่านเข้าพบท่านแม่เฒ่าแล้ว นายท่านสามให้ท่านไปหาเขาตรงนั้นขอรับ เขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน”
คงจะเป็นเรื่องพื้นที่ภูเขาของสกุลพวกนาง
อวี้ถังคาดเดา ทำได้เพียงบอกลาคุณหนูห้าอย่างรู้สึกผิด
คุณหนูห้ากลัวว่าจะทำนางชักช้า จึงเร่งให้นางรีบไป “รอเจ้าว่างแล้วค่อยเข้าจวนมาคุยเล่นกับพวกเราเถิด พวกเรายังอยากปรึกษากับเจ้าเรื่องช่วยอารามดับทุกข์ขายธูปหอมเสียหน่อย!”
อวี้ถังอดแปลกใจไม่ได้ “ทางเถ้าแก่น้อยถงไม่ราบรื่นหรอกรึ?”
“ราบรื่นดี!” คุณหนูห้าเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ดังนั้นพวกเราจึงต้องพูดคุยกันเสียหน่อยว่า สามารถทำได้ดียิ่งกว่านี้หรือไม่”
นี่คงเพราะได้รับแรงบันดาลใจกระมัง!
อวี้ถังรับปากด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตามอาหมิงไปหาเผยเยี่ยนที่ห้องหนังสือ
คาดไม่ถึงว่าอวี้เหวินจะไม่อยู่
เผยเยี่ยนเห็นนางก็ตำหนิ “ไฉนเจ้าเพิ่งมาเวลานี้? พูดคุยอะไรกับท่านแม่เฒ่ากัน?”
อวี้ถังมองเผยเยี่ยนอย่างแปลกใจไปที เอ่ยว่า “ไม่นับว่าสายกระมัง! ข้ารั้งตัวอยู่ที่ท่านแม่เฒ่ายังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ!”
ครึ่งชั่วยามยังไม่นับว่านานอีกรึ?
เผยเยี่ยนครุ่นคิด หญิงสาวอยู่ด้วยกันมักมีเรื่องให้คุยไม่หยุด
เขาเอ่ยว่า “เดิมทีนายท่านอวี้อยากจะรอเจ้าเข้ามา แต่ท่านกล่าวว่าจะไปดูจวนของสกุลหลี่กับนายท่านอู๋ ต้องรีบไปที่ท่าเรือ ข้าก็ไม่อาจรั้งเขานาน จึงให้คนไปส่งเขาที่ท่าเรือแล้ว”
อวี้ถังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องที่เผยเยี่ยนเปลี่ยนแปลงคำเรียกต่ออวี้เหวิน กลับส่ายศีรษะอย่างขบขันอยู่บ้าง ถามเผยเยี่ยนว่า “ท่านคิดว่าจวนของสกุลหลี่คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?”
“ต้องดูที่ราคากระมัง!” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “อย่างไรก็คงไม่มาก คิดเสียว่าให้ท่านมีความสุข”
อวี้ถังเห็นด้วยกับคำพูดของเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนจึงนัดอวี้ถังออกเดินทางไปยังเรือนเก่าของอวี้ถังในช่วงบ่าย
อวี้ถังตกตะลึง เอ่ยว่า “นี่ก็เร็วเกินไปกระมัง?”
บ่ายวันนี้ออกเดินทาง พวกเขาคงจะถึงตอนเย็น ไม่ใช่ว่าต้องพักอยู่ที่เรือนสกุลอวี้เพิ่มอีกหนึ่งคืนหรอกรึ?
เผยเยี่ยนกลับเอ่ยว่า “เรื่องนี้ยิ่งเสร็จแล้วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น รอจนเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างผ่านพ้น ก็คงปลูกอะไรไม่ได้แล้ว”
อวี้ถังถูกเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จ
นางกลับไปเรียกอวี้หย่วน
เมื่อคืนวานอวี้หย่วนก็ได้รับจดหมายแล้ว จึงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายตัว รอทางอวี้ถังจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็รอรถล่อจากสกุลเผยในเรือนของอวี้ถังด้วยกัน
ทั้งสองคนไม่มีเรื่องอะไรทำ จึงพูดตั้งแต่เรื่องพื้นที่ภูเขาของสกุลไปจนถึงร้านค้าเครื่องลงรัก อวี้หย่วนเอ่ยอย่างปลดปลง “โชคดีที่ได้งานครั้งนี้ช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นร้านค้าของพวกเราก็คงไม่มีโอกาสเปิดตัวในวัดเจาหมิง ยิ่งไม่อาจได้รับการสั่งซื้อสินค้ากว่าสิบใบสั่งซื้อภายในครั้งเดียว มีการเริ่มต้นเช่นนี้ ข้าคิดว่าร้านค้าเครื่องลงรักของพวกเราย่อมสามารถดีขึ้นเรื่อยๆ ได้แน่”
นี่ต้องขอบคุณเผยเยี่ยน
อวี้ถังเอ่ยว่า “ผู้ที่สั่งซื้อเป็นใครบ้างหรือ?”
อวี้หย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ล้วนเป็นนายหญิงที่ดูแลเรื่องในสกุล ยังมีพวกสกุลใหญ่ทางหังโจวและซูโจว ส่วนมากก็สั่งซื้อเหมือนกับท่านแม่เฒ่าเผย เป็นกล่องไม้ใส่พวกคัมภีร์”
อวี้ถังเอ่ยว่า “ค่อยเป็นค่อยไป ขอเพียงแค่พวกเราทำออกมาดี มีคนรู้อย่างแพร่หลาย ยอดสั่งซื้อย่อมเพิ่มมากขึ้น”
สองพี่น้องต่างก็คาดหวังเส้นทางในอนาคตอย่างเต็มเปี่ยม เผยยิ้มอย่างเบิกบาน ก่อนรถล่อของสกุลเผยจะเข้ามา
อวี้ถังและอวี้หย่วนบอกลาคนสกุลเฉิน อวี้หย่วนนำอวี้ถังเดินออกไปข้างนอก ทั้งเอ่ยไปพลาง “รถล่อนั้นดีจริงๆ ข้าทำการค้าดีๆ แล้ว ก็จะฉวยโอกาสเพิ่มรถล่อสักคันให้กับสกุล ถึงเวลานั้นเจ้าและพี่สะใภ้ก็สามารถพาหลานของเจ้าออกไปเที่ยวเล่นช่วงฤดูใบไม้ผลิได้แล้ว”
“เช่นนั้นตกลงท่านพี่ซื้อให้ข้า? หรือซื้อให้พี่สะใภ้กันแน่?” อวี้ถังฟังจบก็หัวเราะ เอ่ยสัพหยอกอวี้หย่วน
อวี้หย่วนใบหน้าแดงก่ำ
ผลปรากฏว่าทั้งสองคนออกจากประตู กลับพบหูซิ่งยืนรอกับเผยเยี่ยนข้างรถล่อของสกุลเผย
อวี้หย่วนตกใจอย่างยิ่ง เข้าไปหาอย่างลนลาน “ไฉนท่านจึงมาด้วยตัวเอง? จะรบกวนท่านวิ่งมาเช่นนี้ได้อย่างไร? รีบเข้าไปดื่มชาด้านในก่อนเถิด!”
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังไปที เห็นนางเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อกั๊กยาวสีน้ำเงินที่ปักลวดลายดอกไม้สีขาว ประดับต่างหูไข่มุกเล็กๆ ดูคล่องแคล่วสบายตา ก็ลอบผงกศีรษะ เอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “พวกเราต่างก็ไปเรือนเก่าสกุลพวกเจ้า ไปด้วยกันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึ? นี่มีอะไรน่าตกใจกัน? ข้าคงไม่ดื่มชาแล้ว ฉวยโอกาสที่ท้องฟ้ายังไม่มืด พวกเรารีบออกเดินทางกันเถิด เพียงแค่ระหว่างทางอาจร้อนไปบ้าง พวกเจ้าก็ดูแลตัวเองดื่มน้ำให้มากๆ หน่อย”
อวี้หย่วนตอบรับอย่างนอบน้อม
หูซิ่งรีบแหวกม่านให้อวี้ถัง
อวี้หย่วนอดมองหูซิ่งอย่างสงสัยไปทีไม่ได้
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของเผยเยี่ยนก็ดำคล้ำขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าคุณหนูอวี้เข้ากับชิงหยวนได้ดี ครั้งนี้ไปเรือนเก่าสกุลอวี้ข้าจึงพานางมาด้วย”
ขณะที่พูด ชิงหยวนก็ชะโงกหน้าออกมาจากในรถ ส่งเสียงเรียกไปทางอวี้ถังอย่างดีใจว่า ‘คุณหนู’
ช่วงนี้อวี้ถังมีนางอยู่เป็นเพื่อนจึงคุ้นเคยกับนางไม่น้อย อวี้ถังเห็นนางย่อมดีใจอย่างยิ่ง ไม่พูดมาก ก็ขึ้นรถล่อโดยมีหญิงรับใช้ที่ติดมากับรถช่วยพยุงขึ้นไป
เผยเยี่ยนจึงเชิญอวี้หย่วนขึ้นรถคันเดียวกับเขา
อวี้หย่วนรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง กลับไม่อาจปฏิเสธ ทำได้เพียงฝืนขึ้นรถไป
รถคันด้านหน้า มีอวี้ถังและชิงหยวนพูดคุยกันดังเจื้อยแจ้ว ส่วนรถคันหลัง เผยเยี่ยนก็พยายามหาเรื่องมาพูดคุยกับอวี้หย่วนเพื่อสืบเรื่องของอวี้ถัง กลับถูกต้อนรับไม่ดีเท่าใด
เผยเยี่ยนลูบจมูกตัวเอง คาดไม่ถึงว่าอวี้หย่วนที่ดูคล้ายจะอ่อนโยนก็มีขอบเขตของตัวเองเช่นกัน เรื่องที่ควรพูดก็พูด เรื่องที่ไม่ควรพูด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่พูด จุดแข็งนี้ทำได้ดียิ่งกว่าลูกหลานสกุลใหญ่หลายสกุลเสียอีก
อวี้ถังมีญาติผู้พี่เช่นนี้ แม้ว่าจะไม่อาจมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็คงไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาหรือก่อเรื่องราวให้เช่นกัน
นึกมาถึงตรงนี้ เผยเยี่ยนก็นวดขมับอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่บ้าง
แม้ว่าการปรากฏตัวของอวี้หย่วนจะอยู่ในการคาดการณ์ของหูซิ่ง แต่ชั่วพริบตาที่เห็นอวี้หย่วน เผยเยี่ยนยังคงไม่สบอารมณ์เท่าใด แต่ว่าพวกเขาก็มีหูซิ่งอยู่ คิดจะแยกตัวอวี้หย่วนย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในใจเผยเยี่ยนจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง พูดกับอวี้หย่วนเรื่องต้นไม้แต่ละชนิดมีจุดเด่นอะไรบ้างขึ้นมาแทน
คนกลุ่มนี้เดินทางอย่างโซซัดโซเซไปถึงเรือนเก่าสกุลอวี้
ผู้ดูแลหมู่บ้านได้รับจดหมายนานแล้ว กินข้าวเช้าลวกๆ ก็มารออยู่ที่นี่ ยามนี้เห็นสองพี่น้องสกุลอวี้ ก็รีบเข้าไปทักทาย
สองพี่น้องสกุลอวี้ก็ไม่เกรงใจ รับการคารวะจากพวกเขา หลังจากพบคนเก่าแก่ในสกุล ก็เริ่มบอกถึงจุดประสงค์ที่พวกนางกลับมา
หัวหน้าสกุลไม่มีความเห็นใด แต่ในความคิดเขา สกุลอวี้หลายรุ่นล้วนไม่อาจหาวิธีจะจะเพิ่มกำไรจากพื้นที่ภูเขา เขาไม่ได้ฉลาดหลักแหลมเหมือนผู้อาวุโส จึงไม่ไปคิดเรื่องนี้ ดังนั้นสกุลอวี้เอ่ยว่าจะพักอยู่ในหมู่บ้านช่วงหนึ่ง ต้องการหาคนที่ชำนาญพาพวกเขาขึ้นเขา สำหรับเขาแล้วล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยซ้ำ
ด้านเผยเยี่ยนชื่นใจไม่น้อย เขาคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะราบรื่นถึงเช่นนี้
เขาเลือกที่พักซึ่งใกล้กับห้องเซียงฝางของอวี้ถังมากที่สุด ส่งข่าวให้หวังซื่อที่ดูแลสวนให้สกุลอวี้รีบเข้ามา หวังซื่อยังดีอยู่บ้าง หมั้นหมายกับซวงเถาแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร สกุลอวี้ก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ผู้ดูแลสวน คนที่อยู่มาก่อนหน้าหวังซื่อก็ไม่เหมือนกันแล้ว เขาไม่มีความสามารถอะไรที่โดดเด่น ก็ไม่รู้ว่าจะถูกรั้งตัวไว้ได้หรือไม่
ชาติก่อนอวี้ถังแต่งไปสกุลหลี่ก็มักจะคบค้าสมาคมกับคนเบื้องล่างพวกนี้ รู้ว่าผู้ดูแลสวนกำลังกังวลอะไรอยู่ จึงบอกเขาอ้อมๆ ว่าพวกนางเตรียมจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่ภูเขาอีกครั้ง นอกจากไม่ลดคนแล้ว ยังต้องหาคนเพิ่มอีก จึงค่อยปลอบใจผู้ดูแลสวนได้สำเร็จ