องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 246 แสร้งเป็นลม
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 246 แสร้งเป็นลม
ในเวลานี้จวินฉูฉู่คุกเข่าอยู่บนพื้น ดวงตาของจวินฉูฉู่ไร้ชีวิตชีวาราวกับตายไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่ชำเลืองมอง และไม่สนใจจวินฉูฉู่
“ลูกคารวะเสด็จแม่ และพระมเหสีพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นน้อมทักทาย
ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจที่ไม่เห็นจักรพรรดิอวี้ตี้และฮองเฮาเฉินอวิ๋นชู หลายวันก่อนนางเข้ามาในวังเพื่อตรวจชีพจร แม้ว่าฮองเฮาจะไม่เป็นอะไร แต่สีหน้าของนางดูไม่ค่อยดีนัก น่าจะเป็นเพราะเรื่องของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อนาง และนางควรคิดให้น้อยลงจะดีกว่า หากพระพันปีไม่เรียกพบ นางก็คงจะไม่วิ่งเขามาอย่างไร้เหตุผล
สำหรับจักรพรรดิอวี้ตี้ พระองค์คงจะรำคาญที่ต้องมาเรื่องเช่นนี้
ด้านหนึ่งเป็นฮูหยินกั๋วกงที่มีคุณงามความดีในการปกป้องบ้านเมือง อีกด้านหนึ่งคืออ๋องตวน เขาไม่ได้ออกหน้าแทน จึงถือโอกาสหลบเลี่ยง!
พระพันปีทรงตรัสว่า:“ลุกขึ้นเถิด ล้วนแต่เป็นครอบครัว วันนี้ไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์มากมาย”
พระมเหสีหวาเช็ดน้ำตา:“ท่านอ๋องเย่ โปรดช่วยข้าพูดด้วย ฮูหยินกั๋วกงต้องการจะบังคับกันให้ตาย!”
หนานกงเย่มองไปแล้วถามว่า:“วันนี้มีเรื่องใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อหนานกงเย่เอ่ยปาก ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไร
ฮูหยินกั๋วกงกล่าวว่า:“หม่อมฉันต้องการให้ฉวนเอ๋อร์กับท่านอ๋องตวนหย่ากัน ฉวนเอ๋อร์ไม่คู่ควรกับท่านอ๋องตวนเพคะ”
“ฮูหยิน ข้ารู้ดีว่าหญิงสาวที่แต่งเข้าไปในจวนอ๋องแล้ว ไม่สามารถที่จะหย่าร้างได้อย่างเด็ดขาด” สีหน้าของหนานกงเย่ดูเพิกเฉย ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ มีเรื่องอะไรอีก?
ฮูหยินกั๋วกงมองดูอย่างเคร่งขรึม:“ท่านอ๋องเย่ แม้ว่าท่านจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่หม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญิงสาวที่แต่งเข้ามาในจวนอ๋องแล้ว จะไม่สามารถหย่าร้างได้ ?”
“ฮูหยิน ประการแรกคืออ๋องตวนเป็นท่านอ๋องแห่งต้าเหลียง ไม่ว่าสตรีใดที่แต่งกับจักรพรรดิ นอกจากพระสวามีจะตายไปแล้ว และเป็นหญิงม่ายจึงจะหลุดพ้นจากพระสวามีได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถหย่าร้างได้ และไม่เพียงแต่จะไม่สามารถหย่าร้างได้ แม้แต่แยกทางกันกับพระสวามีก็ต้องถูกส่งไปอยู่ที่วัด หรืออยู่ด้านหลังตำหนักเย็น
ลองถามสะใภ้ของราชวงศ์ดูก็ได้ว่าไปอยู่กับชายอื่นได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการดูหมิ่นราชวงศ์”
พระพันปีพยักหน้า:“เป็นความจริง”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหดหู่ใจ ทันใดนั้นนางก็ต้องการเงิน เพื่อที่จะไปช่วยอวิ๋นหลัวฉวน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการกลั่นแกล้ง และหลังจากได้ฟังสิ่งที่หนานกงเย่พูด ฉีเฟยอวิ๋นก็คิดว่าเขาตั้งใจจะใช้สิ่งนี้กับนางเช่นกัน
ฮูหยินกั๋วกงกระแทกไม้เท้าในมือลงไปที่พื้น
“วันนี้หม่อมฉันจะยอมตายอยู่ที่นี่ และจะไม่ปล่อยให้ฉวนเอ๋อร์ต้องไปทนทุกข์อยู่ในจวนอ๋องตวนอีก คุณงามความดีที่จวนกั๋วกงได้รับใช้อดีตจักรพรรดิและเหล่าบรรพชนด้วยความจงรักภักดี
หม่อมฉันไม่ได้ร้องขอความมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็ไม่อยากจะอดตายอยู่ที่จวนอ๋องตวน
ฉวนเอ๋อร์เชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของนางอยู่ที่ชายแดนและไม่ค่อยได้กลับมา หม่อมฉันเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่
แม้ว่าจะไม่เคยตามใจ แต่ก็ได้ดูแลมาเป็นอย่างดี แต่อยู่ที่จวนอ๋องตวน นางไม่ได้กินอิ่มและมีเสื้อผ้าสวมใส่ให้อบอุ่นเลย
ตั้งแต่ฉวนเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในจวนอ๋องตวน นางก็ไม่ได้กินอิ่มหรือสุขสบายใด ๆ และยังถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินหกหมื่นตำลึง
จวนกั๋วกงของหม่อมฉันไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ได้เห็นแก่เงิน
นี่เป็นเพียงความคิด จึงลองถามดู……
ฉวนเอ๋อร์ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร?”
ฮูหยินกั๋วกงโกรธจัดและถามอย่างโกรธเคือง
หนานกงเย่เหลือบมองจวินฉูฉู่ที่อยู่บนพื้น เขายังจำเรื่องครั้งก่อนได้ แม้ว่าเขาไม่อยากจะฉีกหน้าจวินฉูฉู่ แต่เรื่องในวันนี้เป็นเพราะนางทำให้มันเกิดขึ้น จะโทษผู้อื่นไม่ได้
“ฮูหยิน อ๋องตวนไม่รู้เรื่องหลังจวน แม้ว่าอ๋องตวนจะมีความผิด แต่โทษก็ไม่ถึงตาย ท่านให้พวกเขาหย่าร้างกัน มันก็ไม่เป็นผลดีต่อพระชายารองอวิ๋น
เช่นนั้นเป็นความผิดของใคร ผู้นั้นก็ต้องรับผิดชอบ”
จวินฉูฉู่เงยหน้าขึ้นมองหนานกงเย่ สีหน้าของนางซีดเซียวและรู้สึกขบขัน:“ท่านอ๋องเย่ พระองค์จะทนเห็นหม่อมฉันได้ดีบ้างไม่ได้หรืออย่างไรเพคะ?”
“บังอาจ เจ้ายังกล้าปากมากอีก” พระมเหสีหวาชี้ไปที่จวินฉูฉู่อย่างโกรธเคือง จวินฉูฉู่คุกเข่าลงทั้งน้ำตา
“เสด็จแม่ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ เสด็จแม่โปรดละเว้นหม่อมฉันด้วย”
“ข้าละเว้นเจ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร เจ้าเป็นคนชั่วร้าย เจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเหยี่ยนเอ๋อร์เป็นอย่างดี เจ้าก็รู้ดีว่าร่างกายของเจ้าไม่ดี แต่เจ้าก็ยังทำให้เหยี่ยนเอ๋อร์เย็นชากับฉวนเอ๋อร์ และเจ้าก็รู้ว่าข้าตามใจเจ้ามาก
ข้าคิดว่าความหยิ่งยโสของเจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เจ้าไม่เห็นแก่หน้าของข้า และไม่เห็นแก่หน้าของอ๋องตวนด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพระสวามีของเจ้า เจ้าไม่สามารถมีทายาทให้เขาได้ แต่มีผู้อื่นที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ แต่เจ้ากลับหักเงินเดือนของฉวนเอ๋อร์ และให้นางกินอยู่อย่างจำกัด
เจ้าเป็นบุตรสาวตระกูลจวิน เหตุใดจิตใจถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ แล้วเจ้าจะให้ข้าละเว้นเจ้าได้อย่างไร?”
จวินฉูฉู่สำนึกผิดอย่างที่สุด หลังจวนของใครเป็นเช่นนี้บ้าง มีเพียงนางที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นหน้าเป็นตาของจวนกั๋วกง?
แล้วนางล่ะ นางสมควรด้วยน้ำมือของพวกเขาหรือ
จวินฉูฉู่ร้องไห้จนเป็นลมไป เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่านางเป็นลมหมดสติ จึงเดินเข้าไปดู
ส่วนคนอื่นไม่มีใครสนใจ
ฉีเฟยอวิ๋นมองอยู่ครู่หนึ่ง และหยิบยามาให้จวินฉูฉู่กิน จากนั้นก็ปล่อยจวินฉูฉู่และลุกขึ้นยืน
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็มาเพราะเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง ช่วยอ๋องตวนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหาฮูหยินกั๋วกง:“ฮูหยิน วันนี้ท่านมาเพื่อหย่าร้างและเพื่อพระชายารองอวิ๋น
แล้วหากพระชายารองอวิ๋นไม่หย่าร้างก็คงจะไม่มีอะไร เช่นนั้นฮูหยินรออีกหน่อยได้หรือไม่?”
ฮูหยินกั๋วกงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและถามว่า:“ไม่หย่าร้าง เช่นนั้นฉวนเอ๋อร์ก็คงต้องตายอยู่ที่จวนอ๋องตวน”
“ฮูหยิน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะตายอยู่ในนั้นหรือไม่ ท่านรู้จักพระชายารองอวิ๋นดี ด้วยนิสัยของนางแล้ว นางจะยอมให้ให้ผู้อื่นเอาเปรียบอย่างนั้นหรือ?”
ฮูหยินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง:“ไม่ยอม”
“เช่นนั้นฮูหยินเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดพระชายารองอวิ๋นถึงยอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม แล้วอยู่ที่จวนอ๋องตวน?” เมื่อฉีเฟยอวิ๋นถาม ทุกคนก็ประหลาดใจมาก
ฮูหยินกั๋วกงคิดไม่ตก เมื่อคิดถึงนิสัยของหลานสาว อันที่จริงนางก็ไม่ใช่คนเช่นนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“แม้ว่าบางครั้งท่านอ๋องตวนจะทำสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แต่ท่านอ๋องตวนก็มีข้อดีของเขาเช่นกัน
พวกเราไม่รู้ แต่พระชายารองอวิ๋นรู้ดี
สิ่งที่ทำให้พระชายารองอวิ๋นรักษายอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแล้วอยู่ต่อ มีเพียงท่านอ๋องตวนเท่านั้น”
ฮูหยินกั๋วกงไม่อยากจะเชื่อ เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่านางลังเล จึงกล่าวต่อว่า:“สตรีในจวนกั๋วกงไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษ แต่ละคนกล้าหาญและมีคุณธรรม พวกนางถืออาวุธและสามารถไปปกป้องบ้านเมืองได้ และใช้ความอ่อนโยนเพื่อทะนุถนอนสามี
แม้ว่าพระชายารองอวิ๋นจะไม่ได้แสดงออกมา แต่ตอนที่ดูแลอ๋องตวนอยู่ในวัง ข้าเห็นด้วยตาของตนเองว่านางทนเห็นท่านอ๋องตวนบาดเจ็บไม่ได้ และร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เป็นไปได้อย่างไรว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไร?
และข้าก็เข้าใจความรู้สึกของฮูหยินกั๋วกง หากหลานสาวของข้าได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ข้องใจเช่นนี้ ข้าจะเป็นคนแรกที่จับคนมาหั่นเป็นชิ้น ๆ
แต่คิดในทางกลับกัน ชื่อเสียงของสตรีเป็นเรื่องใหญ่ หากพระชายารองอวิ๋นหย่าร้างจริง ๆ เกรงว่านางจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีในวันหน้า
แน่นอนว่าสตรีในจวนกั๋วกงหาสามีได้ไม่ยาก
แต่ฮูหยินกั๋วกงเคยคิดหรือไม่ว่าหากพระชายารองอวิ๋นชอบท่านอ๋องตวน และมีใจให้ท่านอ๋องตวน นางจะเสียใจหรือไม่
ชีวิตคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรี แท้จริงแล้วความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาใครสักคนที่เข้าใจนางและรักนาง
ฮูหยินกั๋วกงอายุขนาดนี้แล้ว หรือว่าสิ่งที่ทำให้ฮูหยินสุขใจไม่ใช่ความรักความห่วงใยของฉีกั๋วกงที่มีต่อฮูหยิน?”
“ความรักความห่วงใย” แววตาของนางฮูหยินกั๋วกงดูเย็นชา:“แต่ความรักความห่วงใยของท่านอ๋องตวนไม่ได้อยู่ที่ฉวนเอ๋อร์ แล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
ฮูหยินกั๋วกงมองจวินฉูฉู่ที่เป็นลมหมดสติอยู่บนพื้นอย่างเย้ยหยัน
นางเป็นลมจริง ๆ หรือไม่ ทุกคนต่างก็รู้ดี