องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 741 ดึงดูดล่อลวงพิษกู่
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 741 ดึงดูดล่อลวงพิษกู่
หนานกงเย่ลุกขึ้น กองกำลังแมลงเข้ามาอย่างกะทันหัน ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่ มีแมลงทำการสู้รบครั้งแรก เธอก็เลยไม่กังวลแล้ว
ทั้งสองเข้าไปในห้องสุสาน ยังคิดว่าจะเจอหีบศพ แต่สุสานด้านในไม่มีหีบศพ กลับมีห้องขังสองห้อง
หนานกงเย่หันไปมองหนึ่งในห้องนั้น แมลงได้ทะลวงเข้าไปแล้ว พญาแมลงก็ลิงโลดมาก บินขึ้นไปที่ประตูห้องขัง
หนานกงเย่เดินเข้าไปใกล้ๆ ด้านในมีผู้ชายนั่งสมาธิอยู่คนหนึ่ง ชายผู้นั้นสวมใส่ชุดดำ แต่ร่างกายซูบผอม รูปร่างคล้ายมีแต่กระดูก ใบหน้าก็หน้าตกใจ บนศีรษะมีปิ่นปักผม เสียบอยู่คือปิ่นสีเขียวมรกต
ภายในห้องขังทั้งสกปรกทั้งเหม็น แต่เขานั่งอยู่ด้านในอย่างสงบ
ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ไกลๆก็สามารถได้กลิ่นเหม็นสาบนั่นแล้ว แต่ตอนที่เธอเดินไป รู้สึกว่าคุ้นชินมาก คล้ายดั่งว่าเคยเจอกันที่ไหน
“ท่านคือใคร?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถาม ฝ่ายตรงข้ามเลยลืมตาขึ้น
“ซูซู…..”
น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามแหบพร่า แต่เหมือนน้ำเสียงของเฟิงอู๋ชิงมาก
เขาได้ยินเสียงของฉีเฟยอวิ๋น เขามีปฏิกิริยาที่รุนแรงมาก มองมาที่ฉีเฟยอวิ๋นทันที ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ ชายคนนั้นมีดวงตาแดงหนึ่งข้าง
“เจ้า……”
ฝ่ายตรงข้ามลงมาจากโขดหิน แล้วเดินมาตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น บนพื้นสกปรกมาก แต่ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามเดินมานั้นเหมือนปกติมาก คล้ายดั่งองค์จักรพรรดิเดินอยู่บนที่สวยหรูอย่างนั้นแล
ฉีเฟยอวิ๋นเหม่อลอยเล็กน้อย ชายคนนั้นเห็นฉีเฟยอวิ๋นเหม่อลอย เลยกล่าวว่า“เจ้าไม่ใช่ซูซู เจ้าคือลูกสาวของข้า”
ชายผู้นั้นกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงงันกล่าวว่า“ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
ชายผู้นั้นเผยรอยยิ้มออกมา กล่าวว่า “เจ้าควรเรียกข้าว่าเสด็จพ่อนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมึนงงเหม่อลอย เรียกไม่ออกชั่วขณะ
ชายผู้นั้นยิ้ม ยกมือขึ้นแล้วปลดเปิดกรงเหล็กออก พอมีเสียงเปิดออก ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตกใจ
หนานกงเย่เอาฉีเฟยอวิ๋นมาไว้ในอ้อมกอด
ซูอู๋ซินเหลือบตาขึ้นมองพิจารณาหนานกงเย่ และไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แล้วมองไปทางฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นกล่าวขึ้นว่า“เจ้าชื่อว่าอย่างไร?”
“ฉีเฟยอวิ๋น”
“เหตุใดถึงไม่ใช่แซ่เฟิ่ง? ”ซูอู๋ซินกล่าวถามด้วยความแปลกใจ หนานกงเย่ปล่อยฉีเฟยอวิ๋นออก แล้วหมุนตัวหันมองทางซูอู๋ซิน
คิดไม่ถึงว่าการออกมาครั้งนี้จะเจอผู้คนมากมาย
“พูดไปแล้วมันค่อนข้างยาว ตั้งแต่เด็กฉีเฟยอวิ๋นถูกเลี้ยงดูอยู่ที่จวนแม่ทัพของเมืองต้าเหลียง”หนานกงเย่กล่าวอธิบาย ซูอู๋ซินไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ต้าเหลียงเป็นดินแดนจืดชืด เหตุใดถึงได้เลี้ยงดูนางตรงที่แห่งนั้น?”
“นั่นก็ไม่เลวแล้ว หากไม่ใช่ท่านพ่อตาของข้า นางก็ตายแล้ว ไม่เพียงแค่นางที่ตาย จักรพรรดินีก็คงตายไปนานแล้ว”
“จักรพรรดินี?”ซูอู๋ซินคล้ายดั่งไม่รู้อะไรเลย
“ซูซูเป็นอย่างไรสบายดีไหม?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองรอบสุสาน สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะมาพูดคุยกัน ต้องรีบออกไปถึงจะถูก
“พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นอยากออกไป แต่ทว่าซูอู๋ซินกลับไร้การเคลื่อนไหว พญาแมลงไปเกาะตรงหน้าอกของซูอู๋ซิน ลิงโลดตีปีกอยู่อย่างนั้น
“เขาไปไม่ไหว มีสิ่งบางอย่างควบคุมเขาไว้”หนานกงเย่มองไปอีกด้าน กล่าวขึ้นว่า“อวิ๋นอวิ๋น เจ้าระวังตัวด้วย!”
“เพคะ”
หนานกงเย่เข้าไปดูห้องขังอีกห้อง พอมาถึงประตูก็มองเห็นคนอยู่ด้านใน
“ฮั่วหลง”
ฮั่วหลงเงยหน้าขึ้นช้าๆ พอเจอเห็นว่าเป็นหนานกงเย่เขาเลยลุกขึ้นจากพื้น เขาบวมเป่ง ราวกับทั้งหมดล้วนเป็นน้ำ
“นายท่าน”
หนานกงเย่รีบเปิดกรงเหล็ก ฮั่วหลงตะโกนร้องขึ้นว่า“อย่า”
ตอนที่หนานกงเย่จับกรงเหล็ก บนกรงเหล็กปรากฎเหล่าหนอน หนอนเริ่มทะลวงเข้าร่างกายของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งไปหาหนานกงเย่ และกล่าวว่า“ออกไป”
พอฉีเฟยร้องเสียงดัง พญาแมลงตกใจ พญาแมลงร้องขึ้น หนอนตัวอื่น ๆ ที่รีบไปตรงร่างกายของหนานกงเย่ จึงได้ผละออกไปในทันที
หนานกงเย่เหลือบมองร่างกายตนเอง หนอนเหล่านั้นถูกกินแล้ว
ประตูกรงเปิดออก ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินมาตรงหน้า เธอหยุดยืนทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หันกลับมองพญาแมลง พญาแมลงไม่อยากออกไป นางหมอบรออยู่บนหน้าอกของซูอู๋ซิน
ซูอู๋ซินจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นสามีภรรยา หนานกงเย่เข้าไปประคองฮั่วหลงออกมา ฮั่วหลงมองหนานกงเย่ ทั้งตัวคล้ายดั่งลูกบอลมีน้ำ เคลื่อนไหวไม่ได้ ทั้งตัวเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทง
หนานกงเย่นั่งยองๆลง ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไป เธอเอื้อมมือไปจับชีพจรของฮั่วหลง ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงันมองไปที่ท้องของฮั่วหลง แล้วกล่าวว่า“ในท้องของเขามีหนอนยาวถึงสองเมตรได้”
หากไม่ใช่ว่าฉีเฟยอวิ๋นมีระบบจับแมะชีพจร เธอก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ ว่ามีหนอนอยู่ในร่างกายคนถึงสองเมตร
“ข้าจะกำจัดพวกมัน !”หนานกงเย่กำหมัดแน่น ฝุ่นผงที่อยู่บนพื้นสั่นสะเทือนทันที
ซูอู๋ซินกล่าวว่า”นี่คือพิษกู่ ไม่มีวิธีแก้พิษ ช่วยเขาไม่ได้หรอก เจ้าอยากช่วยก็ต้องใช้เลือดของสาวน้อย ดึงดูดหนอนพวกนี้ ไม่อย่างนั้นสหายของเจ้าต้องตายอย่างไม่น่าสงสัย”
“ราชาแมลง”ฉีเฟยอวิ๋นแต่งตั้งชื่อให้พญาแมลงทันที อย่างไรก็ไม่ดีที่จะเรียกว่าพญาแมลงอยู่อย่างนี้ คล้ายคลึงกับแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์เลย
พญาแมลงชอบชื่อนี้มาก แม้จะตัดใจไม่ลง สุดท้ายยังคงออกจากซูอู๋ซินอย่างสง่าผ่าเผย เลยบินมาหมอบที่อกของฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นพูดคุยกับนาง ราชาแมลงไม่ยอมเข้าไปในร่างกายของฮั่วหลง ทำได้เพียงดึงดูดออกมา
ราชาแมลงยังบอกอีกว่า หากนางเข้าไปในร่างกายจะทำให้คนตายได้
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบกริชออกมา กล่าวว่า“เช่นนั้นลองเอาเลือดข้าดู”
ซูอู๋ซินขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า“เจ้าเป็นสามีภรรยากับคนผู้นี้จริงหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ หนานกงเย่กล่าวว่า“พวกเรามีลูกห้าคนแล้ว”
“……..”ซูอู๋ซินชะงักงัน เยอะขนาดนั้นเชียวหรือ?
ซูอู๋ซินมองพิจารณาบุตรสาวแล้วกล่าวอย่างไม่มีความสุขว่า“นางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง เจ้าตัดทำใจอย่างไร?”
“พี่น้องร่วมท้องเดียวกันห้าคน”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด เธอรู้ว่าเขาจงใจ
ซูอู๋ซินชะงักงัน พี่น้องร่วมท้องเดียวกันห้าคน?
คลอดห้าคน?
ซูอู๋ซินพูดไม่ออกแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลามาสนใจอะไร เธอรีบเตรียมกริช ซูอู๋ซินกล่าวว่า“หนอนตัวนี้เพียงแค่ต้องการเลือดสาวน้อย อีกทั้งยังต้องการคนที่ไม่ได้แต่งงงาน เจ้าเข้าใจความหมายของข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูอู๋ซินครู่หนึ่ง กล่าวว่า“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร บางทีมันอาจจะชอบเลือดของข้า”
“เลอะเทอะ เจ้าไม่มีคาถาปลดคำสาปแช่งกู่ แม้แต่เลือดวัยสาวพรหมจรรย์ก็ไม่มี อีกอย่างเจ้าแต่งงานแล้ว”ซูอู๋ซินเดินมาข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นแล้ว อยากจะเอากริชไป เขามีกริชมากมายในชีวิตไม่เคยหวาดกลัว พอเห็นบุตรสาวกอบกุมกริช ซูอู๋ซินเลยรู้สึกกลัว!
เฉกเช่นคำพูดของซูอู๋เฮิ่นหนึ่งประโยคเมื่อสมัยนั้น เขาเชื่อ แม้แต่ครึ่งก้าวยังไม่กล้าออกห่าง
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ให้ กล่าวว่า“อย่าขวางหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ลองดูก็ไม่วางใจหรอกเพคะ เอากริชไปหม่อมฉันก็ยังสามารถทำร้ายตนเองได้ หม่อมฉันรู้ว่าท่านเป็นห่วง แต่ไม่ต้องห่วงหรือเป็นกังวลเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นถอยไปไม่กี่ก้าว แล้วกรีดที่กลางฝ่ามือ เจ้าแห่งแมลงบินไปแอบมุดหลบอยู่ด้านในเสื้อของฉีเฟยอวิ๋น
หากนางอยู่ แมลงจะไม่ออกมา
“ท่านอ๋อง ถอยออกเพคะ ร่างกายของท่านอ๋องแตกต่างจากคนอื่น พวกท่านอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน มันสามารถดมกลิ่นแล้วทะลวงเข้าบนกลิ่นอายลมหายใจของท่านอ๋องได้ ถึงตอนนั้นมันจะยุ่งไปกันใหญ่เพคะ”
“……..”หนานกงเย่ลุกขึ้นยืน ถอยไปอีกด้าน
ฉีเฟยอวิ๋นยกกริชขึ้น หยิบเข็มเงินออกมากำไว้สามเล่ม
ฮั่วหลงมองฉีเฟยอวิ๋น แล้วกล่าวว่า“ข้าไม่รู้จักท่าน นายท่าน……”
“นางคือพระชายาของข้า”
“กระหม่อมถวายบังคมพระชายา”
“พูดไร้สาระให้น้อย อ้าปากขึ้น”
ฮั่วหลงอ้าปากขึ้นไม่กล้าพูดมาก
เลือดของฉีเฟยอวิ๋นหยดลงบนพื้น ท้องของฮั่วหลงเริ่มเคลื่อนไหว ฮั่วหลงแสดงสีหน้าทุกข์ทรมานออกมา ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วมอง
สีหน้าของฮั่วหลงบิดเบี้ยว ไม่นานหนอนพิษกู่ได้โผล่หัวออกมา
ซูอู๋ซินมองบุตรสาวด้วยความตื่นตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร เจ้าคลอดลูกมาก่อน ไม่ใช่สาวน้อยบริสุทธิ์”
“เงียบ!”
หนอนพิษกู่ตกใจหดคอกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นโมโห ซูอู๋ซินชะงัก จ้องมองบุตรสาว คล้ายดั่งมองภรรยาสุดที่รัก
ทั้งสองเหมือนกันมาก!
หนอนปีนป่ายออกมาจากปากของฮั่วหลง สีแดง หัวกลมตุ้ยนุ้ย มองแล้วอยากจะอาเจียนมาก อีกทั้งตอนนี้มันอัดอยู่ที่ปากของฮั่วหลง ฮั่วหลงง่ายต่อการหยุดหายใจ