องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 804 ทำไมข้าต้องชอบเจ้า
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 801 ทำไมข้าต้องชอบเจ้า
สีหน้าของเฟยอิงดูแย่มาก “ข้าจะไปหาเขา”
เฟยอิงต้องการจะไปแต่ถูกหนานกงเย่เรียกไว้ “ยาสูญเสียสตินั้นมีวิธี เจ้าอยู่ปกป้องพระชายาที่นี่ พระชายาเป็นหมอเทวดามีหรือจะกลัวยาสูญเสียสติ?”
“……” เฟยอิงทั้งเชื่อและไม่เชื่อ จากนั้นจึงหันกัลบไปมองหนานกงเย่ “จริงหรือ?”
“แน่นอนสิ!”
หนานกงเย่เหลือบมองไปที่เฟิงอู๋ชิงและคนอื่น “ข้าต้องไปวันนี้ องค์ชายสามและอาการป่วยของจักรพรรดิปีกใต้นั้น ข้าจะถามอวิ๋นอวิ๋นจากนั้นค่อยตัดสินใจ ส่วนท่านผู้นำของเมืองอู๋โยวนั้น หากไม่มีอะไรก็กลับไปเสียเถอะ”
หนานกงเย่จูงเจ้าของร่างเดิมกลับห้องไป เจ้าของร่างเดิมนั่งลงไม่พูดอะไรและหันไปที่หน้าประตู
คนที่อยู่นอกประตูต้องไม่ไปไหนแน่ๆ แต่นางหัวเราะตัวเองและพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าข้าจะแย่เช่นนั้น แต่ตอนนั้นทำไมถึงไม่อดทนเช่นนั้นนะ?
เมื่อไปบนท้องถนนก็ถูกคนมองเหมือนเป็นหนู ต่างก็หลบเลี่ยงหวาดกลัวกันไป”
“……” หนานกงเย่กลับไม่พูดอะไร อดีตของเจ้าของร่างเดิมนั้นเขาก็พอรับรู้มาบ้าง ในเมืองหลวงนั้นไม่เหมาะสมที่นางจะใช้ชีวิตอยู่
คนข้างนอกไม่ไปไหน หนานกงเย่ก็ออกไปไม่ได้ เขาได้สัญญาแล้วว่าจะถามฉีเฟยอวิ๋นเรื่องอาการป่วยของจักรพรรดิปีกใต้และองค์ชายสาม เขาจึงต้องไปถามให้ได้
“ตอนนี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง ถามนางได้หรือไม่ว่านางตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับอาการป่วยของจักรพรรดิปีกใต้และองค์ชายสาม?” หนานกงเย่นั่งลงรอเพื่อให้ฉีเฟยอวิ๋นออกมา
แต่เจ้าของร่างเดิมกลับพูดว่า “จัดการตามความต้องการของท่านอ๋อง ในห่อผ้าของอวิ๋นอวิ๋นมียาน้ำอยู่ นำไปให้พวกเขาดื่มก่อนเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเขา อวิ๋นอวิ๋นต้องการให้ท่านอ๋องพาข้าไปหาเฉินอวิ๋นเจี๋ยก่อน”
หนานกงเย่สีหน้าเย็นชา “ช่างไร้น้ำใจนัก!”
เจ้าของร่างเดิมยิ้มเบาๆ “และยังมีอีก อวิ๋นอวิ๋นบอกว่านางต้องการพักผ่อนสักพักหนึ่งและให้ท่านอ๋องดูแลข้าดีๆ หากดูแลข้าได้ไม่ดี เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาของท่านอ๋อง รอให้นางกลับมา นางจะจัดการท่านอ๋อง”
หนานกงเย่ทำหน้าบูดเบี้ยว “นางกล้าหรือ!”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ได้หรอก แต่ท่านอ๋องจะลองดูก็ได้!” เจ้าของร่างเดิมข่มขู่ หนานกงเย่สีหน้าเคร่งขรึมและในใจก็ยิ่งโมโห รอให้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาจะคิดบัญชี
“ท่านอ๋อง เราจะไปกันคืนนนี้ ซูมู่หรงและจวินโม่ซ่างนั้นจัดการได้ง่าย คนหนึ่งโง่ ส่วนอีกคนก็ซื่อ แต่เฟิงอู๋ชิง ถึงแม้เขาจะดูไม่น่ามองสักเท่าไร แต่เขาเป็นคนที่จัดการได้ยากที่สุด กล่าวกันว่าเป็นหมากัดคนจนตาย!”
“……” หนานกงเย่ใจสั่นด้วยความตกใจ นี่ใช่เจ้าของร่างเดิมจริงหรือ?
หน้าตาดุร้ายยิ่งกว่าฉีเฟยอวิ๋น แถมยังปากร้ายเช่นนี้?
หนานกงเย่ยกน้ำขึ้นดื่ม “เจ้าสามารถจัดการกับจวินโม่ซ่างและซูมู่หรงได้หรือ?”
“ได้แน่นอน!” เจ้าของร่างเดิมมีความมั่นใจ
หนานกงเย่ถาม “เจ้าจะทำเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ทำแน่นอน”
“เช่นนั้นข้าจะจัดการเฟิงอู๋ชิง!”
“ตกลง!”
หนานกงเย่ถาม “หากเจ้าแพ้ล่ะ?”
“เช่นนั้นข้าก็จะให้อวิ๋นอวิ๋นออกมา!”
“ตามที่สัญญาตกลงกัน!”
หนานกงเย่ชอบคำนี้ จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินออกจากประตูไปจัดการเฟิงอู๋ชิง
เจ้าของร่างเดิมก็ลุกขึ้นและออกไปข้างนอก หนานกงเย่ขัดการเฟิงอู่ชิงเสร็จ จากนั้นจึงกลับมา เจ้าของร่างเดิมได้จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในมือถือห่อผ้าห่อหนึ่งไว้และยืนอยู่ข้างเฟยอิง นางสวมชุดสีแดงราวกับหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เป็นความแดงที่สวยงามสง่าผ่าเผยน่าสะดุดตา
หนานกงเย่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า “ทำไมถึงใส่เช่นนี้?”
“ชอบก็ใส่ หากท่านอ๋องจัดการเสร็จแล้ว เช่นนั้นเราไปกันเถอะ”
“ตกลง”
หนานกงเย่เตรียมรถม้า แต่เจ้าของร่างเดิมบอกว่ารถม้าช้าเกินไป และต้องการขี่ม้าไป
“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือ?” หนานกงเย่กลับรู้สึกแปลกใจ
“แน่นอนว่าข้าขี่เป็น เพียงแค่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น พ่อของข้าเป็นถึงท่านแม่ทัพ ทำไมข้าจะขี่ม้าไม่เป็นล่ะ?”
หนานกงเย่เหลือบมองเฟยอิง “เฟยอิงเจ้าขี่ม้าคนเดียว ข้าไปกับอวิ๋นอวิ๋น……”
“ไม่จำเป็น เตรียมม้าชั้นดีไว้ให้พร้อม ข้าไม่เป็นภาระของท่านหรอก” เจ้าของร่างเดิมพูดขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
หนานกงเย่กลับรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
“เฟยอิง เตรียมม้า!”
เฟยอิงเป็นกังวล “พระชายา ร่างกายของท่านอ่อนแอ ไปกับท่านอ๋องดีกว่าขอรับ ไม่เป็นการเสียเวลาเกินไปหรอกขอรับ”
“เฟยอิง ความหวังดีของเจ้า ข้ารับรู้แล้ว แต่คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ก็เพื่อมีความสุข เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลแทนข้าหรอก หากข้าต้องตกจากหลังม้าตายจริงๆ เช่นนั้นข้าก็ตายไปโดยไม่ทรมานมากและตายไปอย่างมีความสุข”
เฟยอิงได้ยินเข้าก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง อย่างน้อยก็แต่ตกม้าตาย ทำไมถึงพูดเหมือนท่านอ๋องจะตายเช่นนั้น คนพูดช่างไม่คิดอะไร แต่คนฟังดันหน้าแดง
“ห้ามพูดจาเหลวไหล เฟยอิงเจ้าไปเตรียมม้าเถอะ”
เฟยอิงตอบรับและหันหลังกลับไปเตรียมม้าเหงื่อโลหิต
เจ้าของร่างเดิมเดินเข้าไปสัมผัส ม้านั้นเป็นม้าที่ดุร้ายและยังมีความไม่มักคุ้นกับคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แต่เจ้าของร่างเดิมเข้าไปสัมผัสและพูดว่า “นิสัยของเจ้าไม่ดี คิดว่านิสัยข้าดีอย่างนั้นหรือ? หากเจ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าเห็นมีดนั้นใช่ไหม เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าและกินเนื้อเจ้า!”
เดิมทีเจ้าม้านั่นมีทีท่าปฏิเสธและขัดขืนเจ้าของร่างเดิม แต่ตั้งแต่ที่เจ้าของร่างเดิมพูดคำนั้นขึ้นมา มันก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกเลย
เจ้าของร่างเดิมจับเชือกของม้าเอาไว้ จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า เป็นภาพที่งดงามอย่างมาก
หนานกงเย่มองไปที่เจ้าของร่างเดิมและขมวดคิ้วลึกๆ ทำไมตอนแรกไม่เป็นเช่นนี้?
“เจี๊ยะ!” เจ้าของร่างเดิมขึ้นม้าเสร็จก็ตะโกนออกมาโดยไม่บอกกล่าวสักคำ จากนั้นม้าก็ฟังคำสั่งนางและวิ่งออกไป
หนานกงเย่และเฟยอิงรีบขึ้นหลังม้าและตามไปติดๆ
เจ้าของร่างเดิมหันกลับไปมองหนานกงเย่จากนั้นจึงหัวเราะขึ้น ทิวทัศน์สองข้างทางนั้นพลิ้วไหวไปมาในสายตาของหนานกงเย่ จากนั้นเจ้าของร่างเดิมก็เร่งความเร็วจากไป
หนานกงเย่รีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว หนานกงเย่ตะโกนออกไป “ช้าหน่อย!”
เจ้าของร่างเดิมไม่สนใจและยิ่งขี่เร็วขึ้น
หนานกงเย่ตามเจ้าของร่างเดิมไปข้ามภูเขาและผ่านป่าลึก เมื่อมาถึงแอ่งน้ำก็ไม่มีทีท่าจะหยุดพักและขี่ม้าไปต่อ เฟยอิงตกใจจนตะโกนออกมา “ท่านอ๋อง ไปเช่นนี้โดยไม่ทดสอบจะเกิดเรื่องเอาได้นะขอรับ”
“เฟยอิง หาวิธีดักไปข้างหน้าให้ได้ หากมีอะไรน่าสงสัย เมื่อข้ามแม่น้ำไปแล้วค่อยว่ากัน” หนานกงเย่รีบข้ามแม่น้ำอย่างรวดเร็ว เขาเป็นกังวลว่าเจ้าของร่างเดิมจะเกิดอะไรขึ้นและทำให้ฉีเฟยอวิ๋นล้มลง
แม่น้ำไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่เจ้าของร่างเดิมขี่เร็วเกินไป จึงทำให้หนานกงเย่เป็นกังวล
ตลอดระยะทางที่ผ่านมาเจ้าของร่างเดิมพลิกตัวและลงมาจากหลังม้าและปล่อยเชือกลง จากนั้นจึงพูดว่า “ไปเล่นทางนั้นเถอะ กินลมมาเยอะมากแล้ว”
หนานกงเย่ลงจากหลังม้า จากนั้นจึงเหลือบมองม้าที่เชื่อฟังและเดินไปกินหญ้าตัวนั้น และมองเจ้าของร่างเดิมที่ใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หากตอนนั้นเป็นหญิงสาวลักษณะเช่นนี้ เขาคงไม่บีบคอนางให้ตายหรอก!
เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่าง หนานกงเย่ก็ส่ายหน้าขึ้นมา นั่นไม่ใช่
เป็นไปไม่ได้ ในใจของเขามีเพียงอวิ๋นอวิ๋น หากไม่บีบคอเจ้าของร่างเดิมให้ตาย เช่นนั้นอวิ๋นอวิ๋นจะกลับมาได้อย่างไร!
เจ้าของร่างเดิมเดินไปริมน้ำ และจับรวบกระโปรงออกเพื่อต้องการวักน้ำในแม่น้ำมาดื่ม แต่ถูกหนานกงเย่เรียกไว้เสียก่อน “ช้าก่อน!”
เจ้าของร่างเดิมเงยหน้าขึ้น หนานกงเย่ดึงนางไปอีกฝั่งหนึ่ง
เจ้าของร่างเดิมต้องการพูด หนานกงเย่ยื่นน้ำให้กับนาง “ดื่มเถอะ อวิ๋นอวิ๋นบอกว่าน้ำในแม่น้ำไม่สะอาด มีเชื้อโรค”
เจ้าของร่างเดิมแทบขำออกมา แต่ก็รับน้ำมาและเปิดออกมาดื่ม
เมื่อดื่มเสร็จก็ส่คืนให้กับหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ทำไมท่านถึงไม่ชอบข้าหรือ?”
หนานกงเย่ทำสีหน้าแย่มาก “ทำไมข้าต้องชอบเจ้าด้วย?”
“ที่แท้ท่านก็เหมือนกับผู้ชายทุกคน ล้วนแต่เป็นคนเห็นแก่ตัว อวิ๋นอวิ๋นช่างตาบอดเหลือเกินที่ชอบท่าน”
เจ้าของร่างเดิมหันหลังกลับและเดินไปข้างหน้า ฟ้ามืดแล้วและหนทางก็ยังอีกแสนไกล นางไม่กลัว ตอนเดินออกไปก็ยังร้องเพลงขึ้นมาเบาๆ