อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 103 หลานชายสุดที่รักของนาง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 103 หลานชายสุดที่รักของนาง
นี่มันดึกมากแล้วนะ
เดิมโม่เฟยเฟยอยากที่จะลุกขึ้นมา ไปยังจวนอ๋องหมิงด้วย หลายปีมานี้ นางไม่เคยเห็นเสด็จแม่ของตนร้อนใจกับเรื่องอะไรถึงขนาดนี้
นางอยากเห็นลักษณะท่าทีร้อนใจของเสด็จแม่
แต่เมื่อคิดได้ว่าเวลานี้ประตูวังปิดแล้ว เสด็จแม่คงออกไปไม่ได้ ไม่นานก็น่าจะกลับมา
และแล้วโม่เฟยเฟยก็นอนคดอยู่บนเตียงไม่ลุกขึ้นมา
แต่สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจก็คือ…..
ประตูวังถูกปิดแล้ว เต๋อเฟยออกมาอย่างเร่งรีบ และก็สวมเสื้อผ้าค่อนข้างบาง
นางวิ่งมาถึงประตูวัง ด้านหลังก็มีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
เห็นประตูวังถูกปิดลงแล้ว เต๋อเฟยรีบสั่งคนไปหากุญแจมาเปิดประตู
รออยู่สักพัก เหงื่อด้านหลังก็เย็นลงแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างสั่นเทา
ร่างกายเต๋อเฟยไม่เหมือนตอนที่อายุยังสาวแล้ว เมื่อออกเหงื่อแล้วก็ถูกลมพัด เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว จึงรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูกทันที และก็ค่อนข้างมึนเวียนหัว
แต่นางอดกลั้นไว้ เพิกเฉยต่อความรู้สึกไม่สบายในตอนนี้ก่อน
ขอเพียงได้เจอหลานชาย…..
หากเป็นตามที่โม่เฟยเฟยพูด เด็กคนนั้นจะต้องเป็นหลานชายของนางไม่ผิดแน่
ดังนั้นนางจึงไม่สนใจอะไรแล้ว
โดยปกติ การออกจากวังในยามค่ำคืนจะต้องได้รับอนุญาตจากโม่จงหรานกับฮองเฮาจ้าว แต่ตอนนี้เต๋อเฟยไม่สนใจอะไรแล้ว ถลึงตาสั่งให้เปิดประตู
เต๋อเฟยมาถึงจวนอ๋องหมิงอย่างรวดเร็ว
เวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว จวนอ๋องหมิงเงียบสงัด
เคาะประตูอยู่ตั้งนาน คนใช้ที่เฝ้าประตูค่อยตกใจตื่นขึ้นมารีบเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเป็นเต๋อเฟย……
เขายังคิดว่าตนเองมองผิดไป รีบนวดสายตาตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง? ท่านมาได้อย่างไร? ข้าน้อยยังคิดว่าท่านอ๋องกลับมา”
“เยว่เอ๋อร์ยังไม่กลับมา?”
เต๋อเฟยเดินเข้าไป
“ยังเลยขอรับ ท่านอ๋องไปที่ค่ายเสินจี บอกว่าคืนนี้มีงานสำคัญ”
บ่าวใช้ปิดประตู กำลังจะถามว่าส่งคนไปบอกพระชายาไหม ว่าเต๋อเฟยมา…..เมื่อหันมามอง เต๋อเฟยก็หายลับไปแล้ว
เต๋อเฟยไปยังเรือนชิงหยิ่งเป็นอันดับแรก
ปกติจะสนใจโม่เยว่ที่สุด คืนนี้กลับทนไม่ไหว อยากที่จะเห็นเด็กที่หน้าตาเหมือนโม่เยว่คนนั้น
เวลานี้ เรือนชิงหยิ่งดับไฟไปนานแล้ว
เซี่ยอี่วกับหลี่หมัวมัวที่อยู่ด้านหลังเต๋อเฟย รีบเดินไปเคาะประตู
เคาะอยู่ตั้งนาน หรูเยียนค่อยมาเปิดประตู
หลังจากเห็นว่าคนที่มาคือเต๋อเฟย นางตกตะลึงแล้วก็รีบพูดขึ้นมาอย่างเป็นปกติว่า “เหนียงเหนียง ค่ำขนาดนี้แล้ว ท่านมาได้อย่างไร?”
นางเชิญเต๋อเฟยเข้ามา
“หยุนหว่านหนิงล่ะ?”
เต๋อเฟยถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“พระชายานอนพักผ่อนแล้ว”
หรูเยียนเพิ่งพูดตอบ ก็เห็นไฟในห้องหยุนหว่านหนิงสว่างขึ้น
นางที่ค่อนข้างแหบของนางดังมาจากในห้องว่า “หรูเยียน ใครหรือ?”
“พระชายา เต๋อเฟยเหนียงเหนียงเสด็จ”
ในห้องเงียบไปสักพัก ไม่นานหยุนหว่านหนิงก็สวมเสื้อคลุมเดินออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ค่ำขนาดนี้แล้วท่านมาทำอะไรที่จวนอ๋องหมิง? มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า?”
“ลูกล่ะ?”
เต๋อเฟยไม่สนใจนาง
ไม่แม้แต่จะมองนางด้วยซ้ำ เพียงเห็นนางออกมา ก็เดินเข้าไปในห้องคนเดียว
“เด็ก? เด็กอะไร?”
ยุนหว่านหนิงทำเป็นไม่รู้
“หยุนหว่านหนิง เจ้ายังคิดจะปิดปังข้าไปอีกนานแค่ไหน?”
เต๋อเฟยหันกลับมา จ้องมองนางอย่างดุดัน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าขอเตือนเจ้า เด็กคนนั้นเป็นสายเลือดราชวงศ์ เป็นหลานแท้ๆของข้า”
“เจ้ารีบให้ข้าได้เห็น”
หยุนหว่านหนิงดีใจ กลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างลำบากใจว่า “เสด็จแม่ ท่านกำลังพูดอะไร?”
“เด็กคนนั้นท่านอ๋องไม่ยอมรับ บอกว่าไม่ใช่ลูกของเขา เป็นลูกของข้ากับบ่าวใช้….ลูกจะกล้าให้ท่าน เห็นเด็กได้อย่างไร?”
“เจ้ายังคิดจะปิดปังข้า?”
เต๋อเฟยขมวดคิ้วถลึงตาใส่นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เฟยเฟยบอกข้าหมดแล้ว”
โม่เฟยเฟยจะไปบอกเต๋อเฟย หยุนหว่านหนิงเดารู้แต่แรกแล้ว
แต่เต๋อเฟยบุกมาจวนอ๋องหมิงกลางดึกแบบนี้…..
ทำให้นางค่อนข้างคาดไม่ถึง
แต่ก็ไม่เป็นไร นางมีกลยุทธ์ที่แยบยล มีวิธีรับมือได้อย่างไม่พ่ายแพ้
โชคดีที่นางเตรียมรับมือไว้แล้วตั้งแต่ตอนกลางวัน ต่อให้ค่ำมืดแล้วก็ไม่ชะล่าใจ แล้วนี่ กลางดึกขนาดนี้เต๋อเฟยก็มาแล้ว
“ในเมื่อเสด็จแม่ไม่เชื่อ จะดูให้ได้….งั้นก็ไปดูเถอะ”
นางพูดพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หยวนเป่าเพิ่งนอนหลับ ลูกพาเสด็จแม่ไปดู”
ห้องนอนตรงข้ามห้องหยุนหว่านหนิง ถูกจัดเป็นห้องนอนเด็ก
นี่เป็นห้องที่นางจัดด้วยตนเองเมื่อมีเวลาว่าง
ภายในห้องมีเตียงอันเล็ก เวลานี้บนเตียงมีเสียงหายใจอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ….
หยุนหว่านหนิงกำลังจะจุดไฟ เต๋อเฟยกลับห้ามไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องจุดไฟ ข้าอาศัยแสงจันทร์ มองดูแวบเดียวก็พอ ไม่ต้องปลุกเด็กตื่น”
นางเชื่อคำพูดของโม่เฟยเฟย คิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของโม่เยว่
ตอนนี้ได้ยินเสียงหายใจอย่างเป็นจังหวะ ภายในห้องก็จัดแต่งไว้อย่างน่ารัก
เต๋อเฟยรู้สึกหัวใจแทบสลาย
ในขณะเดียวกัน หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง
ที่แท้นางมีหลานชายแต่แรกแล้ว ตอนนี้จะได้เห็นหลานชายแล้ว เต๋อเฟยตื่นเต้นจนเหงื่อเต็มมือ
หยุนหว่านหนิงมองดูนางแวบหนึ่ง พร้อมยักยิ้มขึ้นมาอย่างเงียบๆ
แสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่างสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ต่อให้ไม่จุดไฟ ก็มองเห็นทุกอย่างภายในห้อง แค่ค่อนข้างเลือนราง
“เสด็จแม่เสียงเบาหน่อย ตอนกลางคืนหยวนเป่าชอบตกใจตื่น หากตื่นขึ้นมาแล้วจะนอนหลับยาก”
หยุนหว่านหนิงหันไปกระซิบพูดเตือนเต๋อเฟย
“ข้ารู้”
เต๋อเฟยไม่กล้าหายใจแรง กลัวจะทำให้หลานสุดที่รักตื่น
ฮองเฮาจ้าวมีหลานสาวหลานคน ชอบพูดโอ้อวดอยู่ต่อหน้านางตลอดเวลา
ภายในท่านอ๋องหลายคน มีเพียงโม่เยว่ที่หลังจากแต่งงานสี่ปีแล้วก็ยังไม่มีสักคน
ปกติฮองเฮาจ้าวมักพูดอ้อมค้อมว่า หยุนหว่านหนิงเป็นเพียงแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น พูดว่าโม่เยว่คงไม่มีลูกไปตลอดชีวิตแล้ว
เต๋อเฟยฟังอยู่อย่างขุ่นเคืองใจ
หากเป็นสนมคนอื่น นางคงฟาดตบหน้าไปแต่แรกแล้ว
แต่จนใจ คนที่พูดประชดประชันคือฮองเฮาจ้าว
นางทำได้เพียงอดทน
และก็เป็นเพราะเหตุนี้ เต๋อเฟยเอาความขุ่นเคืองพวกนี้มาลงที่หยุนหว่านหนิง คิดว่านางเป็นเหตุทำให้นางกับโม่เยว่สองแม่ลูก ถูกฮองเฮาจ้าวหัวเราะเย้ย
ดังนั้นสำหรับนางจึงยิ่งโกรธเกลียดมาก
ยิ่งไปใกล้เตียงเล็กอันนั้น เต๋อเฟยก็ยิ่งตื่นเต้น จนไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางที่ไหน
ฮองเฮาจ้าวมีหลานสาวหลายคน หางก็ดิ่งขึ้นฟ้าแล้ว
ราชวงศ์ยังไม่มีหลานชาย หลานชายสุดที่รักของนางเป็นคนแรก
เมื่อคิดแบบนี้ เต๋อเฟยก็อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่ขึ้นมา….
บนเตียงมีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่
ตอนนี้เขากำลังนอนหันหลังให้กับประตู หันหน้าไปทางหน้าต่างแล้วกำลังหลับอยู่อย่างสบาย หยุนหว่านหนิงพาเต๋อเฟยเดินไปใกล้เตียง ดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาอย่างห่วงใย
เต๋อเฟยก็อดทนไม่ไหวแล้ว รีบขยับเข้าไปใกล้ อยากมองดูหลานชายสุดที่รักใกล้ๆ
ที่ไหนได้ หลังจากเห็นหน้าเด็กอย่างชัดเจนแล้ว…..
สีหน้าเต๋อเฟยนิ่งอึ้ง
ไหนบอกว่าเด็กคนนี้หน้าตาเหมือนโม่เยว่ไง?
เพราะไม่ได้จุดไฟนางเห็นไม่ชัด หรือนางตาบอด?
หรือเฟยเฟยมองผิดไป
เต๋อเฟยมองดูเด็กน้อยบนเตียง แล้วก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ นางกัดฟันถามขึ้นว่า “หยุนหว่านหนิง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”