อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 109 พระชายาหมิงน่าเกรงขามจริงๆ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 109 พระชายาหมิงน่าเกรงขามจริงๆ
“ของขาด?”
หยุนหว่านหนิงไม่พูดมากกับเขา เดินตรงเข้าไปในโรงหมอหลวง
นางมาหยิบยาในโรงหมอหลวงหลายครั้ง จึงรู้ว่ายาพวกนั้นอยู่ในลิ้นชักอันไหน นางเปิดลิ้นชักเก็บเหลียนเฉียวก่อน เห็นข้างในมีเหลียนเฉียวเต็มไปหมด แล้วหันไปหัวเราะเย้ยให้กับหมอหลวงหลิว
ตอนที่นางเดินเข้ามาอย่างโกรธโมโห พวกหมอหลวงหลิวก็รีบตามเข้ามา
เห็นนางไปเปิดลิ้นชัก ในใจพวกเขาต่างร้องว่าแย่แล้ว
เมื่อกี้หลี่หมัวมัวเพิ่งมา พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เอายาพวกนี้ทั้งหมดซ่อนไว้?
ตอนนี้เป็นไงล่ะ ถูกพระชายาหมิงจับได้แล้ว
“นี่เรียกว่าของขาด?”
หยุนหว่านหนิงคว้ากำเหลียนเฉียวขึ้นมา แล้วโยนใส่หน้าหมอหลวงหลิว
“หมอหลวงหลิวแก่คนตาลาย หรือว่าพวกเจ้าทั้งหมดตาบอด? เห็นทีข้าต้องช่วยรักษาให้พวกเจ้า ที่ป่วยเป็นโรคตาบอดใช่ไหม?”
นางตะคอกพูดขึ้น ทุกคนตกใจจนตัวสั่นไปหมด
ใบหน้าหมอหลวงหลิวเจ็บปวด สีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
หลักฐานอยู่ตรงหน้า การอธิบายก็คือการแก้ตัว
“พระชายาหมิง ข้า ข้า…..”
หยุนหว่านหนิงดึงลิ้นชักอีกอันหนึ่ง มองดูยาที่มีเต็มลิ้นชัก พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วนี่คืออะไร?”
“ในเมื่อโรงหมอหลวงมีไว้เพียงแค่ประดับ งั้นจุดไฟเผาให้สะอาดไม่ดีกว่าหรือ”
นางตะคอกพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เสด็จแม่ป่วย พวกเจ้าจัดยาอะไรไปหลอกลวง? หากร่างกายเสด็จแม่เป็นอะไรไป พวกเจ้ารับผิดชอบไหวไหม?”
ปกติ ทุกคนเห็นหยุนหว่านหนิงเป็นมิตรยิ้มแย้มกับพวกเขา
เหมือนเป็นคนพูดง่าย
คิดไม่ถึงว่า เวลานางโกรธจะน่ากลัวขนาดนี้…..
หมอหลวงหลิวก้มหน้าก้มตา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง พวกข้าน้อย….”
“เจ้ายังคิดแก้ตัว? ยาที่มีอยู่เต็มลิ้นชักนี้เป็นก้านหญ้าหรือ?”
หยุนหว่านหนิงหันมามองด้วยสายตาเฉียบคม หมอหลวงหลิวตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร
“พวกเจ้าที่เป็นหมอหลวง ฮ่องเต้ให้พวกเจ้าช่วยเหลือคน ไม่ใช่ให้พวกเจ้าไปทำร้ายคน ในเมื่อแต่ละคนดำรงเพียงตำแหน่งแต่ไม่ทำงาน แล้วจะอยู่ไปทำไม ล้วนลากออกไปตัดหัวทิ้งเสียดีกว่า จะได้ไม่เปลืองอาหารไม่เปลืองอากาศ”
นางก่นด่าเป็นชุด ทุกคนล้วนไม่กล้าหายใจแรง
ดีสีท่าแล้ว เรื่องนี้หยุนหว่านหนิงไม่ยอมง่ายๆแน่
หมอหลวงหลิวเหลือบสายตาหันไปมองไม่ไกล ส่งสายตาให้กับหมอหลวงน้อยคนหนึ่ง
เมื่อได้รับสัญญาณของเขาแล้ว หมอหลวงน้อยก็แอบหลบออกไป
ซึ่งหยุนหว่านหนิงก็มองเห็นภาพนี้
นางเพียงทำเป็นไม่รู้ ก่นด่าต่อว่า “หากพวกเจ้าตาบอด ดวงตานี้ไม่มีก็ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าไปทูลเสด็จพ่อ ให้ควักลูกตาพวกเจ้าทิ้งเสีย”
หมอหลวงหลิวขนลุก หมอหลวงคนอื่นๆต่างก็แทบไม่กล้าหายใจ
มีบางคนที่ค่อนข้างขี้กลัว ยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งคู่
พระชายาหมิงคนนี้เป็นคนพูดแบบไหนก็กล้าทำแบบนั้น และก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้….
หยุนหว่านหนิงก่นด่าจนเสียงแหบคอแห้ง แล้วก็หันไปมองหมอหลวงหลิวอย่างไม่พอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังจะนิ่งอึ้งอยู่ทำไม? จะให้ข้าไปหยิบยาด้วยตนเองหรือ?”
หมอหลวงหลิวค่อยได้สติกลับมา รีบไปหยิบยาพวกนั้นมาอย่างเร่งรีบ
“เรื่องในวันนี้ พวกเจ้าจำใส่ใจไว้ให้ดี”
นางรับยามา แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “หากยังมีครั้งต่อไป ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เห็นตำหนักหย่งโซ่วอยู่ในสายตา ข้าจะมาเอาเลือดหัวพวกเจ้า”
นางกล้าพูดเช่นนี้ เพราะสามารถทำได้แบบนี้จริง
ของเพียงมีช่องว่างที่สามารถทำได้ทุกอย่างอยู่ในมือ นางจึงไม่กลัวใครทั้งนั้น
พูดเสร็จ หยุนหว่านหนิงรับยามาแล้วเตรียมจะกลับ
เวลานี้ หน้าประตูมีเสียงดังขึ้นว่า “พระชายาหมิงช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก”
หยุนหว่านหนิงหันไปมอง คนที่มาคือคนตำหนักคุนหนิง จางหมัวมัวคนสนิทของฮองเฮาจ้าว
นางเดินเข้ามาอย่างยิ้มเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง เหนียงเหนียงบอกว่า ขอเชิญพระชายาหมิงไปพบที่ตำหนักคุนหนิง เหนียงเหนียงมีเรื่องจะคุยด้วย”
เห็นแบบนี้ ยังไงก็ไม่มาดีแน่นอน
“เห็นทีข้าไม่ไปไม่ได้ใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว
“คำสั่งของเหนียงเหนียง พระชายาหมิงอย่าปฏิเสธดีกว่า”
จางหมัวมัวยืนอยู่ข้างประตู เอื้อมมือเชื้อเชิญ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง เชิญ”
หยุนหว่านหนิงเหลือบหันไปมอง….เห็นพวกหมอหลวงหลิวต่างโล่งอก เห็นได้ชัดว่าการมาอย่างกะทันหันของจางหมัวมัว เป็นเพราะเมื่อกี้หมอหลวงน้อยไปฟ้องที่ตำหนักคุนหนิง
สิ่งที่นางรอก็คือเวลานี้
ภายในสายตายินดีต่อความทุกข์ของคนอื่นของพวกหมอหลวงหลิว หยุนหว่านหนิงเอามือไขว้หลังไปยังตำหนักคุนหนิง
ฮองเฮาจ้าวนั่งตัวตรงในตำหนัก เห็นนางเข้ามา ยังคงแสดงท่าทีเป็นมิตรเหมือนปกติ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “หยุนหว่านหนิง เจ้าบังอาจมาก ยอมรับผิดไหม?”
“เสด็จแม่”
หยุนหว่านหนิงถวายความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกสะใภ้ทำผิดอะไรหรือ”
“คุกเข่า”
ฮองเฮาจ้าวตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้ายังกล้าแก้ตัว?”
“ในฐานะที่เจ้าเป็นพระชายาราชวงศ์ กลับไปหาเรื่องในโรงหมอหลวง บอกว่าจะจุดไฟเผาโรงหมอหลวง ควักลูกตาพวกหมอหลวง มีเรื่องเช่นนี้ไหม?”
มีเรื่องแบบนี้จริง
หยุนหว่านหนิงจึงพยักหัวอย่างไม่ปฏิเสธ
“งั้นเจ้ายอมรับผิดไหม?”
ฮองเฮาจ้าวจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกหมอหลวงก็เป็นข้าราชบริพารของราชสำนัก ฮ่องเต้แต่งตั้งขึ้นมาด้วยตนเอง”
“เจ้าทำแบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้เสียหน้าหรือ?”
ได้ยินแบบนี้…..
หยุนหว่านหนิงค่อยคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “เสด็จแม่ ลูกสะใภ้หวาดกลัว”
“หมอหลวงพวกนี้จ่ายยาให้เสด็จแม่ไปเรื่อย ทำให้อาการป่วยของเสด็จแม่ยิ่งรุนแรง ลูกสะใภ้แค่ทำตามความถูกต้อง ไม่กล้าท้าทายอำนาจเสด็จพ่อ”
“พูดจาไปเรื่อย”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนหัวเราะพูดขึ้นว่า “ภายในวังใครไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้โปรดเต๋อเฟยที่สุด”
“เต๋อเฟยป่วย ถือเป็นเรื่องใหญ่ภายในวัง หมอหลวงงี่เง่าคนไหนกล้าจ่ายยาให้เต๋อเฟยไปเรื่อย?”
“ข้าเห็นว่า เจ้าตั้งใจก่อเรื่อง”
อำนาจบาตรใหญ่ยิ่งนัก
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ยในใจ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เสด็จแม่ก็รู้ คนที่ฮ่องเต้โปรดคือท่านแม่?”
ฟังน้ำเสียงแปลกๆของนาง ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหมายความว่ายังไง? เจ้ากำลังพูดว่า ข้าสั่งให้พวกหมอหลวงทำเช่นนี้?”
“ลูกสะใภ้ไม่กล้า”
หยุนหว่านหนิงก้มหน้า
นางรู้ ฮองเฮาจ้าวสามารถมั่นใจขนาดนี้ กล้าพูดกับนางตรงๆ แสดงว่ายานั้นไม่มีปัญหาอะไร….
จะว่าไปแล้ว ยานั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ
หากหมอทั่วไปดู ใบสั่งยาที่หมอหลวงหลิวสั่งให้เต๋อเฟยนั้นเป็นยาประสิทธิภาพดีด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าสั่งให้อย่างดีที่สุดถึงจะถูก
เป็นเพียงเพราะ หมอหลวงหลิวฉวยโอกาสเท่านั้น
มีเพียงหยุนหว่านหนิงที่พิจารณาดู แล้วเห็นว่ามียาสองชนิดมีฤทธิ์ขัดต่อกัน ส่งผลให้อาการยิ่งแย่….หมอหลวงหลิวคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
หรือจะพูดว่า เบื้องหลังเขามีฮองเฮาจ้าวที่ไม่ธรรมดา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้นางยอมรับ วันนี้เจ้าพูดจาไปเรื่อย ตั้งใจไปหาเรื่องที่โรงหมอหลวง?”
ฮองเฮาจ้าวมองดูนางอย่างอึมครึม
หยุนหว่านหนิงเพียงรู้สึกน่าขำ
นางยอมรับตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้นางตั้งใจไปหาเรื่องโรงหมอหลวง?
แต่ไม่รอให้นางพูดเสร็จ ฮองเฮาจ้าวก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมพูดสั่งขึ้นว่า “ทหาร ลากตัวคนดื้อคนนี้ไปโบยตียี่สิบที”
คิดจะลงโทษบีบบังคับให้ยอมรับผิด?