อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 13 นาง ไม่มีเงินแล้ว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 13 นาง ไม่มีเงินแล้ว
เสียงปังดังขึ้น ประตูของจวนถูกปิดลงอีกครั้ง
อย่างน้อย วันนี้นางก็ได้เข้าออกเรือนชิงหยิ่งอย่างอิสระถึงสองครั้ง นับว่าได้รับอิสรภาพอีกครั้งแล้ว แม้ว่าการได้รับอิสรภาพครั้งนี้ เป็นแค่เวลาสั้นๆเพียงหนึ่งวันเท่านั้นก็ตาม
เมื่อเข้าไปในห้อง ก็พบว่าหยวนเป่าได้นอนหลับไปแล้ว
หรูยี่ยังคงเฝ้าอยู่ข้างเตียงทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นนางกลับมาแล้ว จึงถอยออกไป
ไม่ช้า ก็มีบ่าวอาศัยความมืดแอบย่องเข้ามาในเรือนชิงหยิ่ง
“พระชายา พระชายา”
“ใคร”
หยุนหว่านหนิงใส่เสื้อคลุมเดินออกไป เห็นเพียงแม่นมที่เคยทำงานในเรือนชิงหยิ่งก่อนหน้านี้ แม่นมจาง
“เกิดอะไรขึ้น”
นางถาม
แม่นมจางพยักหน้าและโค้งตัวลง ใบหน้ากระตือรือร้น “พระชายา เมื่อครู่ท่านอ๋องโมโหมาก สั่งการให้ทุกคน ไม่ให้ส่งสิ่งของมาให้ท่านอย่างเด็ดขาด ถ้าหากพระชายามีอะไรจะสั่งการ ให้ถ่ายทอดคำสั่งที่ประตูหลัง บ่าวจะรีบไปดำเนินการให้ทันที”
“ออ จริงหรือ”
หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
โม่เยว่เจ้าคนเลว คิดจะตัดเส้นทางเสบียงของนางหรือ
นางหัวเราะเย้ยหยัน “สี่ปีมานี้ยังผ่านมาได้ จะให้ข้าไปขอร้องเขาหรืออย่างไร”
นางยืดตัวทำท่าบิดขี้เกียจ ล้วงเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาจากช่องว่างยื่นให้ “ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้ เจ้าไปซื้อยาระงับปวดให้ข้าก่อน จากนั้นก็ซื้อพวกผักกับเนื้อมา ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรแล้ว”
ที่เหลือ ก็ให้เป็นค่าแรงกับแม่นมจางที่ช่วยนางซื้อของ
“เพคะ พระชายา พรุ่งนี้บ่าวจะไปจัดการให้แต่เช้า”
แม่นมจางตอบรับอย่างนอบน้อม เดินออกไปอย่างดีอกดีใจ
พระชายาของพวกนาง เป็นคนหน้าใหญ่ใจโต
แม้ว่า นางจะแปลกใจมากว่าไปเอาเงินเหล่านี้มาจากที่ใด แต่ก่อนหน้านี้เคยใช้ข้ออ้างในการมาทำความสะอาด นางรื้อค้นภายในเรือนชิงหยิ่งทั่วแล้ว แต่ก็หาจุดที่ซ่อนเงินไม่พบ
กลับกัน ยังถูกหยวนเป่าไล่ตีอีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม่นมจางก็ไม่กล้าอีกเลย
พระชายาให้ค่าแรง เป็นเงินที่เทียบได้กับค่าใช้จ่ายสามเดือนทีเดียว บ่าวรับใช้ที่เคยทำงานในเรือนชิงหยิ่งก่อนหน้านี้ ต่างก็หวังว่าจะได้ช่วยนางทำงานบ้าง
เมื่อเห็นแม่นมจางเดินออกไปอย่างระมัดระวังและเงียบเชียบ หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มเย็นเดินเข้าไปในห้อง
มีเงินแม้แต่ผีสางก็จ้างได้ เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่โบราณจนปัจจุบัน
แต่ช่องว่างนี้ก็น่าสนใจมากจริงๆ
สี่ปีที่ผ่านมานี้ เมื่อนางต้องการใช้เงิน แค่ยื่นมือเข้าไปก็ได้แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน
นางมองดูกำไลข้อมือที่เปล่งประกายในความมืด คิดว่าจะลองนับดูว่าเหลือเงินอยู่เท่าไหร่
เงินเหล่านี้ จะมีให้นางใช้ไม่ขาดสายเลยหรือ
แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางรู้ถึงต้นสายปลายเหตุ จึงได้แต่ปล่อยเอาไว้
เมื่อนึกถึงการมาของฉินซื่อเสวียกับโม่หุยเฟิงในคืนนี้ หยุนหว่านหนิงพลิกตัวไปมาบนเตียงไม่สามารถนอนหลับได้ หลายปีมานี้มีมือสังหารลอบเข้ามาไม่หยุดหย่อน คืนนี้ยังปะทะคารมกับฉินซื่อเสวียต่อหน้าอีก
คิดว่าหลังจากนี้ นางคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบแน่
……
ผ่านไปหลายวัน โม่เยว่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เรือนชิงหยิ่ง
หยุนหว่านหนิงได้ยินมาว่า โม่หุยเฟิงได้ฟ้องร้องเรื่องของเขา ต่อหน้าฮ่องเต้
บอกว่าเขาไม่ถูกกับพี่น้อง แม้แต่พี่สะใภ้ก็ยังรังแกไม่เว้น
ฮ่องเต้โม่จงหรานมีพี่น้องนับไม่ถ้วน แต่หลังจากที่เขาได้ขึ้นครองราชย์ ก็ได้ส่งพี่น้องทั้งหลายไปทำหน้าที่ยังที่ที่ได้รับการจัดสรร มีเพียงช่วงปีใหม่ ที่เหล่าท่านอ๋องทั้งหลายจะกลับมารวมตัวกันสักครั้ง
เพราะเขามีความสามารถในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมาก ฉะนั้นจึงไม่เคยเกิดเรื่องทำนองที่พี่น้องฟาดฟันกันเองมาก่อนเลย
ปกติแล้ว สิ่งที่โม่จงหรานเกลียดชังที่สุด ก็คือการที่พี่น้องไม่รักใคร่กลมเกลียว ฆ่าฟันกันเอง
เห็นได้ชัดว่าโม่หุยเฟิงนั้นจับจุดอ่อนของโม่จงหรานได้ จึงฟ้องร้องโม่เยว่ด้วยข้อหาที่รุนแรง
ได้ยินว่า โม่เยว่อยู่ที่ห้องทรงพระอักษร ถูกโม่จงหรานดึงหูและตวาด ทั้งยังถูกลงโทษอีกด้วย
หยุนหว่านหนิงรู้สึกดีใจ “คงจะไม่กล้าอวดดีแล้วกระมัง”
หยวนเป่านั่งเขียนหนังสืออยู่ข้างๆ ร่างน้อยๆของเขายืดตรง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็กะพริบตากลมโตดำขลับ “ท่านแม่ อะไรคือไม่กล้าอวดดีอีกอย่างนั้นหรือ”
นางวางลูกแอปเปิลในมือลง “เจ้าเขียนหนังสือไปถึงไหนแล้ว”
ความสนใจของเด็กๆ มักจะถูกหันเหได้ง่ายมาก
หยวนเป่ารีบยื่นกระดาษที่เขียนหนังสือให้นางดู
“อืม ไม่เลว ก้าวหน้าขึ้นแล้ว ลูกรัก พยายามต่อไป”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างพอใจ “คืนนี้แม่จะทำหม้อไฟให้เจ้ากิน”
ดวงตาของหยวนเป่า เป็นประกายขึ้นมาทันที ราวกับหมาป่าน้อยที่มองเห็นอาหารอันโอชะ “เย้ ได้กินหม้อไฟแล้ว”
บอกว่าเป็นหม้อไฟ แต่ที่จริงก็เป็นแค่การต้มจับฉ่าย
หยุนหว่านหนิงเดิมทีก็เป็นหญิงสาวจากเมืองเสฉวน กินเผ็ดได้ตั้งแต่เด็ก หลังจากทะลุมิติมาแล้ว ย่อมหาพริกแกงหม้อไฟไม่ได้ และเคยลองทำเองหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลว
ฉะนั้น หม้อไฟของนางจึงนับว่าเป็นแค่การต้มจับฉ่ายที่มีรสเผ็ดร้อนเท่านั้น
ด้วยอิทธิพลของนาง หยวนเป่าก็สามารถกินเผ็ดได้เช่นกัน
แต่นางก็ไม่กล้าให้เขากินเผ็ดมาก เขายังเด็ก ลำไส้และกระเพาะจะเจ็บปวดได้ง่าย
หยุนหว่านหนิงเข้าไปดูในห้องครัว เมื่อเห็นว่าไม่มีวัตถุดิบแล้ว ก็เดินไปที่ประตูหลัง ร้องเรียกเสียงต่ำว่า “แม่นมจาง”
แม่นมจางคนนี้ ตอนนี้ได้ทำหน้าที่เป็นคนทำความสะอาดอยู่นอกประตูหลัง
เพราะได้ทำงานให้กับหยุนหว่านหนิง ได้ทำให้ครอบครัวนางฐานะดีขึ้นมากแล้ว
ได้ยินเสียงเรียกของนาง แม่นมจางก็รีบเปิดประตูทันที “พระชายามีอะไรจะรับสั่งเพคะ”
นางยิ้มอย่างแจ่มใส
“คืนนี้ข้าจะทำหม้อไฟให้หยวนเป่ากิน เจ้าไปเตรียมวัตถุดิบมาให้ข้าที”
หยุนหว่านหนิงสั่งการ
ก่อนหน้านี้เคยทำหม้อไฟให้หยวนเป่าสองครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นวัตถุดิบที่ต้องซื้อ นางก็สั่งการให้แม่นมจางไปจัดหามา ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องสั่งแล้ว นางรู้ว่าต้องซื้ออะไรมาบ้าง
“เพคะ พระชายา บ่าวจะไปซื้อมาให้”
แม่นมจางตอบรับอย่างยินดี จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองหยุนหว่านหนิงอย่างกระตือรือร้น
เดิมทีหยุนหว่านหนิงคิดจะเดินจากไปแล้ว
แต่เห็นว่าแม่นมจางยังไม่ยอมไปไหน และยังมองหน้านางด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมยังไม่ไปเล่า”
“คือว่า……”
แม่นมจางยิ้มอย่างอายๆ ยื่นมืออ้วนๆ ของนางออกมา “พระชายา ท่านยังไม่ได้ให้เงินบ่าวเลยนะเพคะ”
“อ๋อ”
หยุนหว่านหนิงเข้าใจทันที อดไม่ได้ที่จะตบศีรษะตนเอง “เมื่อครู่ได้ยินว่าโม่เยว่ถูกฮ่องเต้ตำหนิ ข้ารู้สึกดีใจมากไปหน่อย จึงลืมเรื่องนี้ไปเลย”
แม่นมจางหัวเราะตาม
ท่านอ๋องถูกลงโทษ พวกเขาที่เป็นบ่าวก็ต้องซวยไปด้วยไม่ใช่หรือ
แต่ว่า การที่พระชายาแอบนินทาท่านอ๋องลับหลัง ก็เป็นเรื่องของพระชายา พวกเขาที่เป็นบ่าวจะกล้าเอ่ยปากพูดอะไรได้ แม้ว่าแม่นมจางจะไม่รู้ว่า พระชายาเพี้ยนไป เพราะถูกกักบริเวณมาสี่ปีใช่หรือไม่
จะไม่รู้เลยหรือว่านางกับท่านอ๋อง หากคนใดคนหนึ่งได้ดี หรือเสียหายต่างก็กระทบซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
แต่ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงเทพแห่งโชคลาภ แม่นมจางไม่กล้าล่วงเกิน
หยุนหว่านหนิงพลางยิ้ม พลางยื่นมือเข้าไปในช่องว่าง
แม่นมจางพูดยิ้มๆว่า “พระชายา หม้อไฟหม่าล่าของท่านน่าสนใจจริงๆ ครั้งที่แล้วบ่าวได้กลับไปทำให้คนที่บ้านกินตามวิธีการของท่าน เผ็ดจนหลานข้าก้นแดงแสบไปหมด ร้องไห้อยู่สามวันทีเดียว”
หยุนหว่านหนิง“……”
ไม่ถูกต้อง
สี่ปีมานี้ ขอเพียงต้องการใช้เงิน ในช่องว่างก็จะมีเงินปรากฏขึ้น ให้นางหยิบใช้ตามใจชอบ
หากต้องการมาก ก็กองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ
หากต้องการน้อย ก็มีให้ใช้ถึงสองแท่ง
แต่ทำไมตอนนี้ ข้างในจึงได้กลวงโบ๋
เงินเล่า
หยุนหว่านหนิงคิดว่าคงต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ รีบหลับตาลง คิดในหัวว่า กำไลเอ๋ยกำไลจ๋า ในเวลาสำคัญอย่าทำให้เสียเรื่องอย่างเด็ดขาด เงินเอ๋ยเงินจ๋ารีบปรากฏออกมาเสียที
จากนั้น ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างแน่วแน่
แต่ว่าตอนนี้ ก็ยังคงว่างเปล่า
ในช่องว่าง แม้แต่เงินทองแดงก็ไม่มีสักเหรียญ
หยุนหว่านหนิงตาเบิกกว้าง นาง นางไม่มีเงินแล้ว