อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 134 ทำโทษด้วยการโบยห้าสิบครั้ง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 134 ทำโทษด้วยการโบยห้าสิบครั้ง
ไม่กี่คนที่ยืนหน้าประตูงงงัน
ความจริงเป็นเพราะ เวลานี้ฮองเฮาจ้าวดูสะบักสะบอมเล็กน้อย
นางผมเผ้ารุงรัง สีหน้าแววตาลำบากใจ บนใบหน้าเหมือนจะมีรอยน้ำอยู่ แม้ว่าจางหมัวมัวจะเช็ดออกให้นางในทันที แต่ก็ยังมีคราบน้ำบนปกเสื้ออยู่ที่หนึ่ง เห็นได้ชัดเป็นอย่างมาก!
นี่คือ……..ถูกโม่จงหรานสาดน้ำชาใส่งั้นหรือ? !
เห็นบนมวยผมของนางยังมีใบชาอยู่สองสามใบ หยุนหว่านหนิงและโจวหยิงหยิงจึงสบตากันเงียบๆ
ฉินซื่อเสวียก็ตกใจแล้ว
ไม่กี่ปีมานี้ ยังเป็นครั้งที่ได้เห็นฮองเฮาจ้าวสะบักสะบอมเพียงนี้ โม่จงหรานโกรธเคืองนางได้ถึงเพียงนี้เชียว!
นางรีบเดินเข้าไป “เสด็จแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่เพคะ?”
“ข้าจะเป็นอะไรได้?”
ฮองเฮาจ้าวตำหนินางเบาๆคำหนึ่ง “พูดจาเป็นหรือไม่?”
โชคร้ายที่ได้เผชิญวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าคนโง่ผู้นี้!
ฮองเฮาจ้าวโมโหฉินซื่อเสวียจนปวดตับปวดใจ!
เห็นฉินซื่อเสวียเข้ามา หนานกงเยว่ก็ทำได้เพียงเข้ามาด้วยเช่นกัน นางไม่ได้พูดจา แต่เพียงแค่ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดใบชาบนมวยผมของฮองเฮาจ้าวเบาๆเท่านั้น
เห็นว่านางสุขุมนิ่มลึกเช่นนี้ ฮองเฮาจ้าวก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเจ้ามาทำอะไร? เสด็จพ่อของเจ้ากำลังโมโหอยู่! ยังไม่รีบออกไปอีก?”
นางกล่าวเบาๆ “ห้องทรงพระอักษร เป็นสถานที่ที่พวกเจ้าสามารถมาได้ตามอำเภอใจหรือ?”
“เพคะ เสด็จแม่”
หนานกงเยว่ตอบรับปฏิบัติตาม ระหว่างนั้นหางตาของนางมองไปทางหยุนหว่านหนิงและโจวหยิงหยิง พยุงฮองเฮาจ้าวหมุนตัวแล้วจากไป
ทีแรกฉินซื่อเสวียก็อยากตามไปด้วย
แต่ช่วยไม่ได้นางเป็นห่วงโม่หุยเฟิงยิ่งกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจการตำหนิติติงเมื่อครู่ของฮองเฮาจ้าว ยังคงกัดฟันแล้วยืนอยู่ที่เดิม
เห็นดังนั้น โจวหยิงหยิงยิ้มเยาะและเหล่ตามองนางแวบหนึ่ง “ตอนนี้พระชายาหยิงคงน่าจะเป็นกังวลมากสินะ? ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้อ๋องหยิง เกรงว่าคงจะหนีไม่พ้นแล้วน่ะสิ!”
สีหน้าของฉินซื่อเสวีย แทบจะซีดขาว
นางกัดฟันฝืนทน ไม่พูดจา
ในห้องทรงพระอักษร เสียง “ปัง”เสียงหนึ่งดังมา เหมือนเป็นสิ่งของอะไรถูกเขวี้ยงลงพื้น
เสียงอันโกรธเคืองของโม่จงหรานดังขึ้น “สารเลว! คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะกล้าแก้ตัวอีก? !”
ฉินซื่อเสวียเป็นกังวลอย่างถึงที่สุด คนทั้งคนโอนเอนแทบจะล้ม
ประตูตำหนักถูกเปิดออกอีกครั้ง ซูปิ่งซ่านออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน “ให้คนมา! รีบไปเชิญหมอหลวง!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? ซูกงกง?”
หยุนหว่านหนิงรีบเอ่ยถาม
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นลมหมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นหยุนหว่านหนิงเอ่ยถาม ซูปิ่งซ่านเหมือนคว้าจับฟางช่วยชีวิตไว้ได้ “พระชายาหมิง ท่านรีบเข้าไปดูเถอะ! ฝ่าบาทหมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปทันที รีบเข้าไปในห้องทรงพระอักษร
โม่หุยเฟิงกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำชาไหลลงมาจากศีรษะ เขาก้มหน้าก้มตาเหมือนดั่งสุนัขกลางถนนตัวหนึ่ง
นางรีบเดินไปทางโม่จงหราน โดยไม่ทันได้มองเขาให้มากหน่อย
โม่จงหรานฟุบอยู่บนโต๊ะ หมดสติไปแล้วจริงๆ
หยุนหว่านหนิงจับชีพจรของเขา พบว่าไฟโทสะพุ่งเข้าสู่หัวใจ รีบสั่งให้ซูปิ่งซ่านออกแรงช่วย ช่วยประคองโม่จงหรานไปนอนลงบนเตียง แล้วหยิบเข็มเงินออกมาจากช่องว่างเพื่อฝังเข็มให้เขา
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางก็ไม่ได้พูดกับโม่หุยเฟิงสักประโยคเดียว
แต่โม่หุยเฟิงยืดคอยาว ดูการเคลื่อนไหวของนางอย่างละเอียด
เห็นนางคลำเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แววตาของโม่หุยเฟิงก็ชะงักเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะพกเข็มเงินติดตัว!
นี่หากว่าเห็นใครขวางหูขวางตา โยนเข็มเงินเข้าไป……
เขารู้สึกสั่นสะท้าน
รู้สึกเพียงแค่หยุนหว่านหนิงในตอนนี้ ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ
ในไม่ช้า โม่จงหรานก็ค่อยๆฟื้นกลับคืนมาแล้ว เห็นหยุนหว่านหนิงนั่งมองดูเขาด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างเตียง เขาจึงเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นว่า “หว่านหนิง นี่ข้าเป็นอะไรไปหรือ?”
“เสด็จพ่อ พระองค์ไฟโทสะพุ่งเข้าสู่หัวใจเพคะ”
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเป็นกังวล “เสด็จพ่อ เดิมทีพระพลานามัยของพระองค์ก็ไม่ดี ไม่สามารถโมโหเช่นนี้ได้อีกแล้วเพคะ”
“หึ”
โม่จงหรานเปล่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง
ไม่สามารถโมโหเช่นนี้ได้อีก
เจ้าคนสารเลวนี่กลับมา ก็ไม่ใช่เพราะว่าโมโหเขาหรือ? !
แววตาของเขาข้ามผ่านหยุนหว่านหนิงแล้วมองไปทางโม่หุยเฟิง เห็นเขาหลบเลี่ยงสายตา……. “หว่านหนิง เจ้าคิดว่าข้าควรจะจัดการอย่างไรกับไอ้คนอกตัญญูนี่ดี?”
“นี่……”
หยุนหว่านหนิงสองจิตสองใจ
ให้นางตอบคำถามนี้ เป็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสม
พูดลับหลังโม่หุยเฟิงก็ยังดี แต่นี่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเขา จะไม่ดีเพียงใดกันล่ะ?
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้พระองค์ตัดสินใจก็ได้แล้วเพคะ”
นางก้มหน้า
แต่เห็นได้ชัดว่า“ความหวังดี” ของนาง ไม่ได้รับความซาบซึ้งใจจากโม่หุยเฟิง ในจิตใจของเขาเกลียดหยุนหว่านหนิงอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งเกลียดโม่เยว่ไปด้วยแล้ว
เขาอ๋องหยิงผู้สูงศักดิ์ ตอนนี้กลับตกต่ำได้ถึงขนาดนี้แล้ว? !
เสด็จพ่อต้องการจะจัดการเขา กลับยังต้องถามความเห็นของหยุนหว่านหนิงอีก? !
นางเป็นแค่ผู้หญิงต่ำต้อย!
โม่จงหรานรู้ นางไม่อยากล่วงเกินโม่หุยเฟิงต่อหน้า
เขาเก็บสายตา แต่กลับเห็นรูปปากของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยพอดี นางกล่าวโดยไร้เสียงกับโม่จงหรานว่า: ตี!
โม่จงหรานรู้ได้ทันที
“ให้คนมา! ลากคนอกตัญญูนี้ออกไป ทำโทษสถานหนักโบยห้าสิบไม้!”
โบยห้าสิบไม้? !
โบยเสร็จห้าสิบไม้นี้ เกรงว่าโม่หุยเฟิงไม่ตายก็หายไปครึ่งชีวิตแล้วล่ะ? !
มองดูโม่หุยเฟิงที่ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมแวบหนึ่ง รีบกล่าวโน้มน้าวว่า “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ! ห้าสิบไม้นี้ ความจริงช่าง……..”
“หากพูดมากอีก ก็โบยเจ้าไปด้วย!”
โม่จงหรานกล่าวด้วยเสียงอันเย็นชา “เขาอยู่ที่ชายแดนมานานมีประสบการณ์มากมาย ข้าไม่เชื่อว่าแค่ห้าสิบไม้เขาจะรับไม่ไหว!”
ซูปิ่งซ่านจึงไม่กล้าพูดมากอีก
ในไม่ช้า ทหารองครักษ์สองคนก็เข้ามา ต้องการจะลากโม่หุยเฟิงออกไป
ตอนนี้เขาเพิ่งจะดึงสติกลับมาได้และร้องขอความเมตตา “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ก็เหมือนกับเครื่องพูดซ้ำเช่นนั้น
โม่หุยเฟิงก็ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
หากเขาถูกโบยนอกห้องทรงพระอักษร วันหน้าจะทำตัวพบปะผู้คนอย่างไร? !
โม่จงหรานเบือนหน้าไปไม่อยากมองดูเขา โบกมือด้วยความรังเกียจ ส่งสัญญาณให้ทหารองครักษ์พาเขาออกไปโดยเร็ว “หากยังเอะอะโวยวายอีก ก็อุดปากซะ”
คราวนี้ โม่หุยเฟิงไม่กล้าพูดมากอีก
หากว่าอุดปากแล้วโบย ก็จะยิ่งอับอายขายหน้ายิ่งขึ้น!
จนเขาถูกลากออกไปแล้ว ตอนนี้หยุนหว่านหนิงถึงได้หัวเราะเบาๆ “เสด็จพ่อ หม่อมฉันได้ยินคนพูดว่า หากในจิตใจมีความโกรธ ก็ต้องระบายออกมาเพคะ”
“ไม่เช่นนั้นอัดอั้นไว้ในใจตลอดเวลา จะอัดอั้นจนกลายเป็นปมในใจได้ง่ายๆ! ถึงเวลานั้นก็จะยิ่งลำบากแล้วน่ะเพคะ”
“และการตีคน……..ก็เป็นวิธีการระบายความโกรธในใจที่ถึงอกถึงใจที่สุด ง่ายที่สุดเพคะ”
ตอนนี้โม่หุยเฟิงทำผิด ควรตีเขาเป็นธรรมดา
โม่จงหรานพยักหน้า “อื้ม ตอนนี้ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว”
ได้ยินเสียงไม้ด้านนอกประตู เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้หยุนหว่านหนิง “เจ้ายัยเด็กคนนี้ กลับมีความคิดพิเรนทร์ไม่น้อยเลยทีเดียว!”
“เจ้าไม่กลัว เจ้าสามรู้ว่าเจ้าเป็นคนออกความคิด แล้วจะโกรธเคืองเจ้าเหรอ?”
“เสด็จพ่อ พระองค์จะทำการสำเร็จแล้วถีบหัวส่งไม่ได้นะเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงเบิกตาโตจ้องมอง “เมื่อครู่หม่อมฉันก็ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย! เป็นพระองค์ที่ตัดสินใจลงโทษโบย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหม่อมฉันสักนิด”
“ฮ่าๆๆๆ……”
โม่จงหรานหัวเราะแล้ว
นอกประตู โม่หุยเฟิงถูกตีจนหน้าม่วง เหงื่อแตกเต็มศีรษะ ร้องอย่างน่าสังเวชไม่หยุด
ฉินซื่อเสวียยืนอยู่ข้างๆด้วยความเป็นห่วงและร้อนใจ อดไม่ได้ที่จะบอกให้ทหารองครักษ์ออมมือหน่อย
เสียงร้องอย่างน่าสังเวชนอกประตู ผสมผสานกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานในห้องทรงพระอักษร ในตาของโจวหยิงหยิงมีแววความสับสนแวบผ่านเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าหยุนหว่านหนิง จะได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อแล้วจริงๆ!
แล้วในเวลานี้ โม่เยว่กับโม่หุยเหยียน และโม่ฮั่นอี่ว์สามพี่น้องที่ได้รับข่าวสารก็มากันแล้ว
เห็นโม่หุยเฟิงถูกกดไว้บนเก้าอี้แล้วโบย โม่ฮั่นอี่ว์ก็เดินเข้าไปใกล้ๆด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องทันที “โอ้ น้องสามนี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
บทที่ 133 ดูละคร ปล่อยให้นางอยู่คนเดียว
บทที่ 135 มีไพ่ดีอยู่ในมือก็เล่นซะจนเละเทะ