อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 146 มีแต่ข้าสามารถรังแกท่านพ่อของเจ้าได้เท่านั้น
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 146 มีแต่ข้าสามารถรังแกท่านพ่อของเจ้าได้เท่านั้น
รอแล้วรอเล่าโม่เยว่ก็ไม่มาขอโทษสักที หยวนเป่าจึงแอบกลับไปที่จวนอ๋องอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่า โม่เยว่กลับไม่ได้อยู่ในจวน
นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เขากระทำรุนแรงไว้ที่เรือนทิงจู่ ก็เป็นเวลาสามวันแล้ว
หรูโม่และหรูอวี้ก็ไม่อยู่ มีเพียงหรูเยียนเฝ้าเรือนชิงหยิ่งที่ว่างเปล่าเพียงลำพัง
เมื่อเห็นหยวนเป่า นางก็เข้าไปต้อนรับอย่างดีใจ “คุณชายน้อย เจ้ากลับมาได้อย่างไร? พระชายาก็กลับมาแล้วใช่หรือไม่?”
ปรนนิบัติรับใช้หยุนหว่านหนิงมานานขนาดนี้ หรูเยียนก็ยอมรับนางเป็นเจ้านายด้วยใจจริงแล้ว
แล้วก็จริงใจให้หยวนเป่า ถือว่าเป็นคุณชายน้อยของจวนอ๋อง
“เปล่า”
หยวนเป่าส่ายหัวอย่างหมดอาลัยตายอยาก “พี่หรูเยียน พ่อเก๊คนนั้นของข้าไปไหนล่ะ? เหตุใดข้าค้นหาทั่วทั้งจวนอ๋องแล้ว ก็ยังหาเขาไม่เจอ?”
“อีกทั้งพี่หรูโม่พี่หรูอวี้ก็ไม่อยู่ พวกเขาไปไหนกัน?”
“พ่อเก๊?”
หรูเยียนถูกการเรียกชื่อนี้ทำให้ตกใจ
ใช้เวลาครู่หนึ่งจึงได้สติกลับมา ที่แท้คุณชายน้อยกำลังพูดถึงท่านอ๋อง……
หากท่านอ๋องได้ยินการเรียกชื่อนี้ แน่นอนว่าจะต้องโกรธเจียนตายเลยใช่หรือไม่?
อย่างไรเสียเขาก็รักคุณชายน้อยขนาดนั้น!
หรูเยียนกลั้นรอยยิ้ม และกล่าวอย่างจนใจว่า “เกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายเสินจีเล็กน้อย เมื่อสามวันก่อนท่านอ๋องจึงรีบไปจัดการ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”
สามวันก่อนหรือ?
นั่นไม่ใช่พอดีกับว่า เขามาหาโม่เยว่เป็นครั้งแรกหรอกหรือ?
มิน่าล่ะรออยู่สามวันเต็ม เขาก็ยังไม่มาขอโทษท่านแม่ และง้องอนท่านแม่อีก
ที่แท้ก็เป็นเพราะว่า เกิดเรื่องที่ค่ายเสินจีอย่างนั้นหรือ?
“เกิดเรื่องอะไรกัน? คาดไม่ถึงว่าจะต้องจัดการถึงสามวันเลยหรือ?”
สีหน้าของหยวนเป่าดูเป็นกังวลเล็กน้อย
เขากับเด็กวัยเดียวกันนั้น เขาเฉลียวฉลาดกว่ามาก
เด็กวัยสามขวบคนอื่นๆ อาจจะยังเล่นดินเล่นโคลนอยู่ แต่หยวนเป่าใส่ใจ”เรื่องใหญ่ในราชวงศ์”แล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพ่อเก๊ของข้า?”
“เอ่อ……”
คำถามนี้ทำให้หรูเยียนชะงักเช่นกัน
นางก็อยากไปสอบถามข่าวคราวเช่นกัน แต่เคยถามหรูโม่แล้ว หรูโม่ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้เลย
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ได้ถามอะไรอีกเลย
“เจ้าก็ไม่รู้หรือ?”
หรูเยียนส่ายหัว “ข้าไม่ทราบจริงๆ”
หยวนเป่ารู้สึกผิดหวัง “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปดูที่ค่ายเสินจีสักหน่อย!”
“อย่าเลย!”
หรูเยียนคว้าเขาไว้ และกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “ได้ยินมาว่าเรื่องของค่ายเสินจี มันเกี่ยวข้องกับอ๋องหยิง! ถ้าเจ้าไปในตอนนี้ ถ้าถูกคนของอ๋องหยิงเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่แน่ใจประวัติชีวิตที่แท้จริงของหยวนเป่า
แต่ด้วยใบหน้านี้ของเขาที่ละม้ายคล้ายกับโม่เยว่ 70-80% ใครๆ ก็คิดว่าเขาเป็นบุตรชายของโม่เยว่!
ในเวลานี้ หรูเยียนไม่สามารถให้เขาไปเสี่ยงอันตรายได้!
“อีกอย่างหนึ่ง ค่ายเสินจีมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีกับดักมากมายอยู่ด้านใน เด็กน้อยเพียงคนเดียวอย่างเจ้า จะเข้าไปมั่วๆ ได้อย่างไร?”
หรูเยียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเจ้าจะต้องเป็นกังวลนะ!”
“ข้าอายุ 3 ขวบแล้ว! ไม่ใช่เด็กขวบสองขวบ ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร”
หยวนเป่าเป็นเด็กแก่แดด เรียนรู้ท่าทางของกู้ป๋อจ้งที่เอามือไพล่หลัง และทำเสียงไม่พอใจเดินออกจากเรือนชิงหยิ่งไพล่ไป
เห็นเช่นนั้น หรูเยียนก็รู้สึกตลกขบขัน
รีบตามไป และนำหยวนเป่าไปส่งที่ตระกูลกู้
……
ตระกูลกู้
หยุนหว่านหนิงเอนตัวลงนอนอยู่ใต้ต้นซากุระ
ฉับพลันลมที่พัดโชยเข้ามา ดอกซากุระก็โปรยปราย แม้แต่ถ้วยชาที่อยู่ในมือ ก็ยังมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ หยุนหว่านหนิงรู้สึกสดชื่น มีท่าที”ท้อแท้ใจ”เสียที่ไหนกัน?
ว่ากันว่าไม่ควรสัมผัสแสงแดดในวสันตฤดู
การสัมผัสแสงแดด จะทำให้ใบหน้ามีฝ้ามีกระ
หยวนเป่าเข้ามาเห็นนางนอนอาบแดดอยู่ใต้ต้นซากุระ เกรงว่าแม่ของตนเองจะถูกแสงแดดแผดเผา จึงถอดเสื้อคลุมมาคลุมใบหน้าของนางเอาไว้
“หยุนเสี่ยวหยวน เจ้าจะทำอะไร?”
หยุนหว่านหนิงเกือบหายใจไม่ออกเพราะเขา
“จากนี้ไปท่านอยากให้ข้าเรียกท่านว่าหยุนกระหรือ?”
หยวนเป่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “ตอนนี้ท่านทะเลาะกันกับพ่อเก๊ของข้าอยู่ หากท่านอาบแดดเสียจนหน้าลาย ถึงเวลานั้นเขาก็จะยิ่งรังเกียจท่าน”
“ไม่ว่าจะเป็นคนรักที่ไม่ได้แต่งหรือคนแต่งที่ไม่ได้รัก เขาก็จะต้องหย่าขาดกับท่านเพราะว่าใบหน้าลายเช่นนี้!”
หยุนหว่านหนิง : “……”
ไม่ใช่บอกว่า บุตรสาวเป็นดั่งเสื้อหนาวบุนวมที่ใกล้ชิดที่สุด
ส่วนบุตรชายเป็นดั่งเสื้อคลุมทหารที่อบอุ่นไม่ใช่หรือ?
แต่เสื้อคลุมทหารนี้ของนาง เหมือนมีลมรั่วอย่างรุนแรงเลยล่ะ?
“ท่านจะเป็นหยุนกระนะ”
หยุนหว่านหนิงผลักมืออ้วนๆ ของเขาออกอย่างอารมณ์เสีย และนำเสื้อคลุมของเขาสวมให้เขาดังเดิม “หยุนเสี่ยวหยวน ข้าไม่ได้เก็บเจ้ามาจากถังขยะใช่ไหม?”
“หรือบุตรชายอย่างเจ้านี้ ข้าได้เป็นของแถมมา?”
“เจ้าต่อว่าแม่ของเจ้าขนาดนี้เลยหรือ?”
นางถลึงตาใส่เขา “คนรักที่ไม่ได้แต่งคนแต่งที่ไม่ได้รักอะไรกัน แล้วหย่าร้างอะไร เจ้าไปฟังใครพูดมา?”
นางแน่ใจว่า นางไม่เคยพูดคำพูดเหล่านี้ต่อหน้าหยวนเป่าเลย!
“ข้าเคยได้ยินท่านกับท่านลุงเฒ่าพูดคุยกัน”
หยวนเป่ากะพริบตาปริบๆ ไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย “ข้าเพิ่งบังเอิญเจอกับพี่หรูเยียนที่ด้านนอกประตู! นางบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายเสินจี และพ่อเก๊ของข้าก็ไปที่ค่ายเสินจี สามวันเต็มแล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย”
“ท่านแม่ เขาเลี้ยงดูอนุภรรยาอยู่ข้างนอกใช่หรือไม่?”
แต่ละประโยคที่น่าตกใจ ออกมาจากปากเด็กคนนี้ ทำให้มุมมองทั้งสามของหยุนหว่านหนิงแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เขาจะต้องทำเรื่องไม่ดีลับหลังท่านอย่างแน่นอน ท่านแม่ท่าต้องการไปดูที่ค่ายเสินจีสักหน่อยไหม?”
จะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้ต้องการหลอกล่อให้นางไปที่ค่ายเสินจี หยุนหว่านหนิงรู้สึกคันฝ่ามือเล็กน้อย ต้องการตีคนเพื่อแก้ความคันนี้!
นางจะตีเข้าไปที่ก้นของหยวนเป่าหนึ่งที “สิ่งดีๆ เจ้าไม่เรียนรู้ แต่กลับเรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้”
“ใครสอนให้เจ้านอกลู่นอกทางแบบนี้?!”
หยวนเป่าคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่านางจะต้องลงมือ
ฝ่ามือของนางยังไม่ทันตกลงมา เขาก็ก้าวขาสั้นๆ หนีออกไป “พี่หรูอวี้เป็นคนสอนข้า!”
“หรูอวี้คนนี้! ข้าจะถลกหนังของเขา และดึงกระดูกของเขามาทำฟืนอย่างแน่นอน!”
หยุนหว่านหนิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
หยวนเป่าวิ่งหนีไป แล้วก็วิ่งกลับมาอยู่ข้างๆ นาง
หยุนหว่านหนิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขายื่นมือออกไปโอบกอดคอของเขา และนำศีรษะของเขามากดไว้ในอ้อมแขนของเขา “ท่านแม่ อย่าร้องไห้เสียใจเพราะพ่อเก๊ผู้ชายเลวๆ คนนั้นเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่ายังมีข้าอยู่หรอกหรือ? เขาไม่รักท่านแต่ข้ารักท่านนะ!”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกตื้นตันจน”น้ำตาไหลอาบหน้า”
เพียงแต่หยวนเป่าออกแรงมากเกินไป จนเขาเกือบจะโดนรัดคอตาย!
“ปล่อย”
นางดึงมืออ้วนๆ ของเขาออก กระแอมไอสองสามทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เมื่อครู่นี้เจ้าวิ่งหนีไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วจะกลับมาทำไมอีก?”
“ท่านแม่ ท่านไปดูที่ค่ายเสินจีหน่อยเถอะ”
หยวนเป่าขมวดคิ้ว “พี่หรูเยียนบอกว่า ที่ค่ายเสินจีเกิดเรื่องขึ้นและอาจจะเกี่ยวข้องกับอ๋องหยิงด้วย สามวันแล้วพ่อเก๊ก็ยังไม่กลับมา จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน”
“ข้าเกรงว่าพ่อเก๊เพียงคนเดียวจะจนปัญญาที่จะรับมือได้”
เขาพูดถึง”พ่อเก๊”ทุกถ้อยทุกคำ ทำให้หยุนหว่านหนิงขบขันเป็นอย่างมาก
เจ้าเป็นห่วงเขาหรือ?”
“อืม”
หยวนเป่าพยักหน้า “อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านพ่อของข้า……”
เห็นเขาเก็บสีหน้าที่เฉลียวฉลาดและซุกซนเอาไว้ ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
ใช่สิ ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายคนนั้นก็เป็นท่านพ่อของบุตรชาย
ปกติแล้วบุตรชายจะไม่พูดอะไร อะไรๆ ก็พึ่งพาอาศัยนาง แต่อันที่จริงแล้วในใจก็รู้ดีกว่าใครๆ
โม่เยว่ ก็คือท่านพ่อของเขา
“เอาล่ะ เห็นแก่หน้าของเจ้า ข้าจะไปดูที่ค่ายเสินจีสักหน่อยก็แล้วกัน”
หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืน จัดระเบียบกระโปรงให้เรียบร้อย และประกาศกร้าวว่า : “หากจะรังแกจะต้องเป็นข้าที่รังแกท่านพ่อของเจ้าได้เท่านั้น คนอื่นอย่าได้คิดมาแตะต้องเขาแม้แต่นิ้วเดียว!”