อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 148 อ๋องหมิงฆ่าคน
อันที่จริงโม่เยว่เข้าใจดี
แต่เมื่อเผชิญกับสายตาที่ดุดันนั้นของนาง……เขาก็ยิ่งอยากได้ยินว่า ท้ายที่สุดแล้วหยุนหว่านหนิงคิดเช่นไร
ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่ายหัว “เจ้าพูดให้ชัดเจนสักหน่อยเถอะ”
“ทำให้เขาปิดปากตนเองเสีย”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้กล่าวไร้สาระ แต่กล่าวออกมาตรงๆ “หากปิดปากไม่ได้ เช่นนั้นก็ฆ่าเขาเสีย! แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นคนที่เชื่อฟังกว่า มาเป็นชินเทียนเจี้ยนคนนี้!”
นางหัวเราะขึ้นมาอย่างร้ายกาจ
และในขณะนี้ เจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นมา
ยังคงเป็นครั้งแรก ที่โม่เยว่เห็นางไร้ความปรานี และใบหน้าที่เย่อหยิ่งเช่นนี้!
เขาเท้าคาง และมองนางเหมือนกับว่าครุ่นคิดอะไรอยู่
ผู้หญิงคนนี้ ยังไม่หายโกรธใช่หรือไม่?
ฉะนั้นจึงจงใจใช้ความโกรธที่มีต่อเขา ระบายไปที่สำนักดาราศาสตร์?
ในใจของเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจสำนักดาราศาสตร์เล็กน้อย……
“เจ้าคิดที่จะทำเช่นไร?”
“หรือว่าเจ้าไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วมองไปที่โม่เยว่ “เจ้าเป็นผู้ชาย หากข้าวางแผนการแทนเจ้าได้ ข้ายังจะสามารถฆ่าสำนักดาราศาสตร์ แทนเจ้าได้เลยเชียวหรือ?”
“ข้าเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่งเท่านั้น!”
เมื่อเห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของนาง โม่เยว่ก็หัวเราะ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงหรือ?
ผู้หญิงคนนี้เข้าใจความหมายของประโยคนี้ผิดหรือเปล่า?
มีผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงสักกี่คน ที่กระโดดโลดเต้นได้เหมือนนาง?
มองนางที่ออกไปโดยไม่หันกลับมามอง โม่เยว่ก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทีแรกข้าคิดที่จะจัดการแก้ปัญหาดีๆ และให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับเสด็จพ่อ ส่วนการยั่วยุและวางแผนการร้ายของโม่หุยเฟิง ตราบใดที่เขาให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับเสด็จพ่อ ก็จะไม่สนใจการกระทำของเขา
แต่สิ่งที่หยุนหว่านหนิงพูดเมื่อครู่นี้ก็ไม่ผิด
เจ้าไม่รุกรานข้า ข้าก็ไม่รุกรานเจ้า
เขาปฏิบัติต่อโม่หุยเฟิง ตอนนี้เป็นการเคารพรักอยู่ห่างๆ
ใครจะรู้ว่าเขาจะกัดไม่ปล่อย……เช่นนั้นก็ควรทำให้เขาจดจำไว้ว่า วันหลังอย่าริอ่านมาคิดร้ายกับเขา!
มิฉะนั้นแล้วหากเรื่องในครั้งนี้ไม่ได้รับการแก้ไข วันหลังโม่หุยเฟิงก็ยังคงคิดร้ายกับเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน
มีเพียงแค่ตัดขาดจากมูลเหตุเท่านั้น จึงจะสามารถตัดขาดปัญหาได้ตลอดไป!
โม่เยว่คิดวิธีแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
เขาใช้วิธีการที่ง่ายที่สุด และโหดเหี้ยมที่สุด : คือการจับมัดชินเทียนเจี้ยนหลิวต้าเหวินโดยตรง
เช่นนั้นในค่ำคืนที่ลมเคลื่อนเดือนดับ……หลิวต้าเหวินเพิ่งจะนอนลงไป ก็ถูกชายชุดดำลักพาตัวออกมา และนำเขาไปที่คูเมือง
หลิวต้าเหวินตื่นตระหนกตกใจ แม่กลับไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้
เมื่อไปถึงคูเมือง หลิวต้าเหวินได้ยินเสียงน้ำ ในใจก็กระวนกระวายเป็นที่สุด
เขาถูกมัดมือมัดเท้า ปิดตาทั้งคู่ และยัดท่อนไม้ไว้ในปาก
ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรอบได้อย่างชัดเจน แต่เขากลับสามารถได้ยินการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างชัดเจน
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งหวาดกลัว
เขายังคงข่มขู่ว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? พวกเจ้าลักพาตัวข้ามาต้องทำอะไร? ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้เลยนะ ว่าขาคือชินเทียนเจี้ยนที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางใจที่สุด!”
“พวกเจ้ากล้าทำอะไรกับข้า ฮ่องเต้จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน!”
เสียงดัง”เพี๊ยะ” เสียงตบลงไปที่หน้าของเขาดังสนั่น
หลิวต้าเหวินถูกตบจนหน้าหัน รู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนบนใบหน้า จนร้องไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
“เอะอะโวยวาย!”
น้ำเสียงเย็นชาดังทอดเข้ามาข้างๆ หู จากนั้นคอเสื้อก็ถูกจับเอาไว้แน่น และถูกยกขึ้นมาเหมือนไก่ตัวเล็กๆ “เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าทำเรื่องผิดบาปอะไรเอาไว้บ้างล่ะ?”
สองเท้าของหลิวต้าเหวินลอยอยู่กลางอากาศ ออกแรงถีบอยู่หลายครั้ง แต่ปลายเท้าก็ยังไม่แตะพื้น
เขาจึงยอมแพ้ และตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ข้า ข้าเปล่า!”
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ว่าตรงหน้าเขาไม่ได้มีแค่คนเดียว
ผู้ชายที่หิ้วเขาขึ้นมา ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน!
เขาคาดเดาไม่ผิด
คนที่หิ้วเขาคือหรูโม่ สีหน้าของเยว่โม่เคร่งขรึม ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างๆ หรูอวี้ชกเข้าที่ท้องของหลิวต้าเหวินอย่างแรง “เจ้ากล้าพูดโกหกหรือ? !”
หลิวต้าเหวินขดตัวงอด้วยความเจ็บปวด เหมือนกุ้งต้มตัวหนึ่ง
“ข้าไม่ได้โกหก ข้า ข้าพูดความจริง!”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ โม่เยว่เงยหน้าขึ้น บอกใบ้ให้หรูโม่นำหลิวต้าเหวินโยนลงไปในคูเมือง
หรูโม่เข้าใจดี นำหลิวต้าเหวินโยนลงไปโดยตรง!
เสียงดัง”ตูม” น้ำกระจายไปทุกทิศทาง
หลิวต้าเหวินเหมือนหมูตายตัวหนึ่ง ที่ถูกโยนลงไปในคูเมืองโดยตรง!
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกโยนลงมา แต่ในมือของหรูโม่ดึงเชือกเอาไว้แน่น หลิวต้าเหวินลอยผุดขึ้นผุดลงอยู่ในคูน้ำ แขนขาถูกจับมัดแม้กระทั่งแรงดิ้นก็ไม่มี
เขาลอยขึ้นมา แล้วก็จมลงไป ในปากก็กินน้ำไปไม่น้อย
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
เขาร้องตะโกนว่า “ข้าว่ายน้ำไม่เป็น!”
ตะโกนร้องสองสามครั้ง อีกทั้งยังดื่มน้ำเข้าไปไม่น้อย
น้ำในคูหนาวเย็นจนเข้ากระดูก และเขาก็สวมชุดบางๆ เพียงชั้นเดียว
หรูโม่ดึงเขามาข้างๆ คู
เสื้อผ้าของหลิวต้าเหวินเปียกชื้นจนติดอยู่กับตัว เขาหนาวสั่น และริมฝีปากก็เริ่มคล้ำ “พวกเจ้าเป็นใคร?”
“อ๋องหยิงบงการเจ้า ให้พูดจาเพ้อเจ้อใส่ร้ายอ๋องหมิงใช่หรือไม่?”
ได้ฟังคำพูดนี้ ในใจของหลิวต้าเหวินก็เข้าใจถึงสถานการณ์ทันที
หรือว่าคนที่ลงมือกับเขาในคืนนี้ คืออ๋องหมิง? !
นี่ใจกล้ามากเกินไปแล้ว!
โม่เยว่คืออ๋องหมิง แต่เขาคือชินเทียนเจี้ยน คนที่ฮ่องเต้ทรงไว้ใจ!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะหาญกล้าเช่นนี้ ลักพาตัวเขาออกมาจากจวน ตอนนี้ยังกล้าทรมานเขาอย่างนี้อีกหรือ? !
หลิวต้าเหวินกล่าวด้วยตัวสั่นเทา “เจ้า พวกเจ้า พวกเจ้าเป็นคนของอ๋องหมิงใช่หรือไม่? หากมีอะไร ก็ไปกล่าวต่อหน้าฮ่องเต้สิ! มาทำกับข้า ระบายความโกรธใส่ชินเทียนเจี้ยน จะมีประโยชน์อะไรล่ะ?”
“ไอ๊หยา เจ้ายังคงปากแข็งอยู่อีกหรือ? นี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่หรือไม่?”
หรูอวี้หัวเราะเยาะ ถูๆ มือและเดินเข้าไปใกล้ๆ
เขาถีบเข้าไปที่หน้าอกของหลิวต้าเหวินโดยไม่ลังเล
เขาหงายหลัง และตกลงไปในน้ำอีกครั้ง!
ดวงตาของหลิวต้าเหวิน จมูก ปาก ในหูถูกน้ำเข้าทั้งหมด จนไออย่างควบคุมไม่ได้ “ปล่อยข้านะ! อ๋องหมิงฆ่าคน! ช่วยด้วย!”
หรูโม่ลากเขาขึ้นฝั่งมาอีกครั้ง
หลิวต้าเหวินเปียกโชกเหมือนหมูตายแล้ว นอนคว่ำอยู่บนพื้นอย่างกระหืดกระหอบ
“ยังกล้าปากแข็งอีกไหม?”
หรูโม่เหยียบไปที่สะโพกของเขา “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมรับสารภาพอีก ข้าจะนำเจ้าไปมัดไว้ข้างแม่น้ำ และเอาน้ำผึ้งมาทาหน้าเจ้า ให้มดมากัดแทะใบหน้าของเจ้า”
“แม้กระทั่งลูกตาของเจ้า ก็จะถูกควักออกมาด้วย!”
เขากับสองพี่น้องหรูโม่ ร่วมมือกันอย่างลับๆ มาหลายปีแล้ว
คนหนึ่งมีหน้าที่ลงมือ อีกคนหนึ่งทำหน้าที่ใช้วาจา
หรูโม่เป็นคนลงมือ และลงมืออย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
หรูอวี้เป็นคนใช้วาจา ใช้อำนาจข่มขู่บังคับทุกประโยค
“รอปลาในน้ำ และปลิงในน้ำคลานไปทั่วร่างกายของเจ้า ฉีกเนื้อบนร่างกายของเจ้าทีละน้อย แม้แต่เลือดเนื้อของเจ้า ก็จะถูกปลิงดูดจนหมด!”
“เจาะกระดูกของเจ้าจนเป็นรูนับไม่ถ้วน และปลาก็ว่ายเข้าไป……”
หรูอวี้พูดด้วยความฮึกเหิม ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายแปลกๆ ราวกับว่านึกถึงฉากนั้นอยู่
แต่หลิวต้าเหวิน กลับตกใจกลัวจนหน้าถอดสี!
การข่มขู่ หรือกรีดร้องขอความเมตตาอะไร ถูกโยนออกจากหัวสมองไปหมดแล้ว
ปากของเขาสั่นเทา ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
โม่เยว่มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลิวต้าเหวินด้วยใบหน้าที่เย็นชา หรูอวี้กำลังจะพูดต่อ ก็ได้ยินหลิวต้าเหวินพูดขึ้นว่า “หยุดพูดได้แล้ว!”
“ปล่อยข้าเถอะ ขอร้องพวกเจ้าล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ!”
“ตราบใดที่เจ้ายอมรับสารภาพ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า”
หรูอวี้นั่งลงยองๆ และตบเบาๆ บนใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำเย็นเชียบในแม่น้ำ
หลิวต้าเหวินกัดฟันจนสั่นเทา และไม่กล้าปากแข็งอีกต่อไป จึงกล่าวด้วยเสียงร่ำไห้ว่า “ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว!”