อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 150 นี่คือพระชายาเข้าข้างอยู่นะ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 150 นี่คือพระชายาเข้าข้างอยู่นะ
“ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
หลิวต้าเหวินรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต “ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย ข้าน้อยถูกบีบบังคับให้สารภาพ แต่ในระหว่างทาง ได้คิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้งเถอะ ให้โอกาสข้าน้อยได้ชดเชยความผิดด้วย!”
ชดเชยความผิดหรือ?
โม่หุยเฟิงจ้องมองด้วยแววตาเคร่งขรึม “พูดมา! หากไม่สามารถชดเชยความผิดได้ ข้าจะสับเนื้อเจ้าเอาไปให้หมากินเสีย!”
หลิวต้าเหวินตัวสั่น และพูดแผนการของตนเองอย่างสั่นเทา
สุดท้าย กล่าวอ้อนวอนพร้อมน้ำตาน้ำมูกไหล “ท่านอ๋อง ความผิดของข้าน้อยไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัว! ได้โปรดท่านอ๋องเมตตา ไว้ชีวิตครอบครัวของข้าน้อยด้วย!”
โม่หุยเฟิงไม่ตอบ
เขามองหลิวต้าเหวินอย่างครุ่นคิด เมื่อพิจารณาคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ที่ว่า”โอกาสที่จะชดเชยความผิด”แล้ว มีความเป็นไปได้แค่ไหน
……
และในเวลาเดียวกันนี้ ที่จวนอ๋องหมิง
“นายท่าน ท่านคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด หลิวต้าเหวินไปที่จวนอ๋องหยิงจริงๆ ด้วย”
หรูโม่กำลังกล่าวกับโม่เยว่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “หลิวต้าเหวินจะต้องไปกล่าวฟ้องอ๋องหยิงอย่างแน่นอน ยังต้องไว้ชีวิตเขาอยู่หรือไม่?”
“ไม่ไว้ชีวิตแล้วเจ้าจะทำอะไรได้? ฆ่าเขาหรือ?”
โม่เยว่หัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหัว
เวลานี้ตีสามแล้ว แต่เขาไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย
“ถึงแม้จะไปฟ้องพี่สาม……สมองนั้นของพี่สาม ก็คิดอะไรดีๆ ไม่ออกหรอก”
เข้าเลิกคิ้วเล็กน้อย และยกยิ้มริมฝีปาก “ข้าอยากรู้นัก ว่าพี่สามจะจัดการปัญหาอย่างไร จะฆ่าหลิวต้าเหวิน? หรือให้เขาออกความคิดเห็น?”
ความคาดเดาของเขา มีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า
โม่หุยเฟิงมีเพียงความกล้าแต่ไร้แผนการ หลายปีมานี้ล้วนพึ่งพาอาศัยขุนนางในการวางแผนอยู่เบื้องหลัง
ผู้นำก็คือ อัครเสนาบดีฉินตงหลิน
ยังมีฮองเฮาจ้าว ตระกุลจ้าวและคนอื่นๆ
จึงดำเนินมาได้อย่างราบรื่นจนถึงวันนี้
หากจะให้เขาจัดการปัญหาเองจริงๆ ……
“คืนนี้พี่สามน่าจะโกรธจัดเลย คงอยากจะโค่นล้มข้าเสียเดี๋ยวนี้ ฉะนั้นจึงไม่สนใจที่จะส่งคนไปถามฉินตงหลิน และสั่งให้หลิวต้าเหวินดำเนินการโดยตรง”
นิ้วมือที่เรียวยาว เคาะเบาๆ บนโต๊ะ
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ทำให้เกิดเสียงดังอย่างชัดเจน
โม่เยว่มองถ้วยชาบนโต๊ะ “เขาจะสามารถออกความเห็นอะไรได้? ก็เพียงแค่ให้หลิวต้าเหวินเข้าวังไปกล่าวฟ้องเสด็จพ่อ เพื่อให้ข้าเข้าเฝ้าก็เท่านั้น”
หรูอวี้ขมวดคิ้ว “แต่ว่านายท่าน ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จะไม่ทรงลงโทษท่านหรอกหรือ?”
“เจ้าคิดว่า มีหยุนหว่านหนิงอยู่ นางจะปล่อยให้เสด็จพ่อลงโทษข้าเลยหรือ?”
โม่เยว่เลิกคิ้วมองหรูอวี้ สีหน้าลำพองใจโดยไม่รู้ตัว
หรูอวี้ : “……”
ทำไมเขาจึงรู้สึกว่า เวลานี้รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่าน ดูชั่วร้ายเล็กน้อย? !
แต่ว่าไม่นาน เขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “จะพูดเช่นนั้นก็ถูก พระชายาจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกท่านได้เป็นอันขาด!”
“คุณชายน้อยได้แอบบอกกับข้าว่า พระชายากล่าวว่า……มีเพียงนางที่รังแกท่านได้เท่านั้น ส่วนคนอื่นแม้แต่นิ้วของท่านก็ห้ามแตะต้อง!”
หรูอวี้เข้ามาใกล้ๆ “นายท่าน นี่คือพระชายาเข้าข้างอยู่นะ ดูเหมือนว่าจะใส่ใจนายท่านเป็นอย่างมาก”
หรูโม่เหลือบมองเขาอย่างดูถูก “เจ้าช่างประจบประแจงเป็นที่สุดเลย”
หรูโม่หันกลับมาถลึงตาใส่เขา “เจ้ามีความสามารถมาประจบประแจงนายท่านหรือไม่ล่ะ?”
โม่เยว่หุบยิ้ม และถีบเข้าไปหนึ่งที
หรูอวี้ถูกตำหนิอย่างฉับพลัน จึงยืนน้อยใจอยู่ข้างๆ “นายท่าน หรูโม่เป็นคนพูดก่อนนะ! ข้าน้อยแค่อยากจะบอกว่า พระชายาใส่ใจนายท่านจริงๆ”
“พระชายาเป็นคนใบหน้าเย็นชาแต่จิตใจอบอุ่น ปากร้ายใจดี!”
“ถึงแม้ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกับนายท่าน แต่ก็ยังคิดถึงนายท่านด้วยใจจริง!”
ความสัมพันธ์ของหรูอวี้กับหยวนเป่านับว่าดีมาก สถานะ”เป็นพี่เป็นน้อง”กันแล้ว
มีการฝากฝังจากหยวนเป่า……
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้นายท่านกับพระชายากลับมาคืนดีกัน “ท่านดูสิ พอได้ยินว่านายท่านมีปัญหา พระชายาก็ไม่รีรอ เข้ามาที่ค่ายเสินจีโดยตรง เพื่อวางแผนการแทนนายท่าน!”
“ถึงแม้ว่าครั้งนี้หลิวต้าเหวินจะกล่าวฟ้องกับฮ่องเต้ พระชายาก็จะต้องปกป้องนายท่านอย่างแน่นอน!”
“ใครเลยจะไม่รู้ว่า พระชายาของเราเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุด?”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้โม่เยว่สุขกายสบายใจเป็นอย่างมาก
ในแววตาของเขากลับมามีรอยยิ้ม มองหรูอวี้ด้วยความพึงพอใจ “เจ้าไปเรียนรู้จากใครมา ถึงได้พูดจากะล่อนเช่นนี้”
เคยชินที่จะเอาอกเอาใจเขา!
“ไม่ใช่ว่าข้าน้อยกะล่อนหรอก ข้าน้อยพูดตามความจริง! ว่ากันว่าสามีภรรยาทะเลาะกันหัวเตียงปลายเตียงก็ดีกันแล้ว ไม่มีความเคียดแค้นค้างคา เจ้านายกับพระชายาโกรธกันมาหลายวันแล้ว ควรไปรับพระชายากลับจวนได้แล้ว!”
หรูอวี้ยิ้มและกล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายน้อยก็อยากจะกลับมาอย่างแน่นอน!”
โม่เยว่หลุบตาลง อดไม่ได้ที่จะคิดถึงรอยยิ้มและน้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงแล้ว
ยังมีหยวนเป่าอีกด้วย……
ในใจของเขายังมีอยู่เล็กน้อย ที่คิดถึงพวกเขา
“ตกลง รอให้จัดการเรื่องในครั้งนี้เสร็จ ข้าจะไปที่ตระกูลกู้ ไปรับพวกเขาแม่ลูกกลับจวนด้วยตนเอง”
โม่เยว่ยืนกรานแล้ว
หรูอวี้จึงโล่งอก ใจอยากจะรีบบอกข่าวดีนี้กับคุณชายน้อยโดยเร็วที่สุด ให้คุณชายน้อยเร่งดำเนินการ โน้มน้าวให้พระชายายอมกลับจวนอ๋อง
เช้าวันต่อมา โม่เยว่เข้าพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้า
หลิวต้าเหวินเห็นเขา เหมือนหนูที่เห็นแมว หลบสายตาไม่กล้าจ้องมอง
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้
ในการเข้าเฝ้าตอนเช้า โม่จงหรานเอ่ยถามเรื่องค่ายเสินจีกับโม่เยว่ ว่ามีวิธีจัดการปัญหาอย่างไร
โม่เยว่ยังไม่ทันตอบกลับ ก็เห็นหลิวต้าเหวินเดินออกมา และคุกเข่าลงไป เพื่อกล่าวฟ้อง”พฤติกรรมชั่ว”เมื่อคืนนี้ของโม่เยว่ทั้งน้ำตา
“ฮ่องเต้ผู้ทรงปรีชาญาณ!”
หลิวต้าเหวินร่ำไห้กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ฮ่องเต้ทรงนำหน้า”
“ฮ่องเต้พระราชทานยศชินเทียนเจี้ยนให้ข้าน้อย แม้นว่าอ๋องหมิงจะเคลือบแคลงความสามารถของข้าน้อย เขาก็ควรกระทำต่อหน้าฮ่องเต้ แต่อ๋องหมิงเมื่อคืนนี้ กลับส่งคนมาลักพาตัวข้าน้อย”
“หลังจากนั้นก็โยนข้าน้อยลงไปในคูเมือง! ข่มขู่บีบบังคับข้าน้อยให้เปลี่ยนคำพูด บอกว่าค่ายเสินจีไม่ได้เป็นสาเหตุของความเสียหายในพืชผลของประชาชน!”
“ฮ่องเต้ไม่ทรงทราบหรอกว่า พฤติกรรมชั่วของอ๋องหมิงไม่ได้ต่างอะไรกับโจรเลย! เมื่อคืนข้าน้อยเกือบจะเสียชีวิตไปแล้ว!”
หลิวต้าเหวินหมอบลงกับพื้น “ได้โปรดฮ่องเต้ทรงตัดสินใจให้ข้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ต่างตกตะลึง!
บรรดาขุนนางต่างมองไปที่โม่เยว่อย่างตกตะลึง และกระซิบกระซาบกัน
“ปกติแล้วอ๋องหมิงดูเย่อหยิ่งเย็นชา ไม่เหมือนคนประเภทนั้นเลยนะ!”
“ใช่สิ ใครจะรู้ว่าเป็นคนรู้หน้าไม่รู้ใจ คาดไม่ถึงว่าอ๋องหมิงจะโหดเหี้ยมเช่นนี้?”
“พฤติกรรมชั่วเช่นนี้ ทำให้คนคาดไม่ถึงเลยจริงๆ!”
“เรามาฟังกันว่าฮ่องเต้จะจัดการเช่นไร!”
“……”
ได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของพวกขุนนางสีหน้าโม่เยว่ไม่ได้เปลี่ยนไป เมื่อคืนนี้เขาคาดเอาไว้แล้ว ว่าโม่หุยเฟิงจะต้องให้หลิวต้าเหวินมากล่าวฟ้องฮ่องเต้
โอกาสที่ดีที่สุดคือการเข้าเฝ้าตอนเช้า
ต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพาร ก็กล่าวฟ้องเสด็จพ่อโดยตรง
การคาดเดาของเขา ไม่มีผิดเลยจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าโม่จงหรานคาดไม่ถึงว่า โม่เยว่จะทำเรื่องอย่างนี้ แต่ว่าเรื่องนี้ มันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในราชสำนัก และทำให้พวกขุนนางต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงมา
“เจ้าเจ็ด เรื่องนี้เจ้าจะพูดว่าอย่างไร?”
โม่จงหรานมองโม่เยว่อย่างไม่พอใจ “ข้า ต้องการคำอธิบายจากเจ้า!”