อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 16 ท่านอ๋อง มาทำการแลกเปลี่ยนกัน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 16 ท่านอ๋อง มาทำการแลกเปลี่ยนกัน
“ว่ามา”
โม่เยว่ตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นไหวไปชั่วครู่ พู่กันในมือของหยวนเป่าไหวตามไปด้วย ทำเอาพู่กันสะบัดหมึกไปที่ใบหน้าของหรูโม่
“ท่านแม่ พวกท่านคุยกันก่อนเถอะ ข้าจะออกไปเล่น”
หยวนเป่าทำหน้าน่าสงสาร วางพู่กันในมือลงและเดินออกไปราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ
หรูยี่ที่อยู่หน้าประตูไม่ต้องให้เจ้านายสั่งการ ก็เดินตามไปอย่างรู้หน้าที่
ก่อนหน้านี้เต๋อเฟยเหนียงเหนียงได้สั่งการไว้แล้ว ให้เขาตรวจสอบให้ชัดเจนว่า คุณชายตัวน้อยท่านนี้เป็นลูกชายใครกันแน่
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า จะเป็นลูกของท่านอ๋องของพวกเขา
เพราะฉะนั้นก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย คุณชายน้อยท่านนี้ก็คือเจ้านายน้อยของเขา
ใบหน้าของหรูโม่เต็มไปด้วยความโกรธ เช็ดน้ำหมึกบนหน้าตนเอง กลับกัน น้ำหมึกนั้นไม่เพียงแต่เช็ดไม่ออกแต่ได้เลอะไปทั่วใบหน้า “ท่านอ๋อง นักฆ่าคนนั้นช่ำชองเส้นทางในเมืองหลวงมาก ”
“ข้าน้อยตามอยู่นานมาก จึงพบว่าเขามีความสัมพันธ์กับจวนอ๋องหยิง ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
“จวนอ๋องหยิง”
โม่เยว่แววตาตื่นตะลึง ลุกขึ้นยืนอย่างไม่อยากเชื่อ “หลักฐานเล่า”
แค่นึกถึงเรื่องคืนนั้น เขาที่เป็นถึงท่านอ๋องกลับถูกนักฆ่าตัวเล็กๆคนหนึ่งทำให้บาดเจ็บ ทั้งยังถูกหยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้เต๋อเฟยบอกว่า เรื่องนี้เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องทั้งหลายอย่างแน่นอน
โม่เยว่ยังไม่ยินดีจะเชื่อ
พี่ชายทั้งหลายของเขา ปกติแล้วมักจะยิ้มทักทายเขาเสมอ ทำไมจึงได้ทำเรื่องที่ซ่อนดาบในรอยยิ้มเช่นนี้ได้
แต่ตอนนี้ จะไม่สงสัยก็คงไม่ได้แล้ว
“ข้าน้อยเห็นเองกับตา นักฆ่าคนนั้นเข้าไปในจวนอ๋องหยิงจากทางประตูหลังอย่างคุ้นเคย แต่ก็ไม่รู้ว่าใช่คนของจวนอ๋องหยิงหรือไม่ หรือว่าเป็นแค่กลลวงตา”
หรูโม่พูดขึ้น
กลลวงตาที่ว่า เป็นไปได้อยางยิ่งว่าเป็นแผนการของอ๋องท่านอื่น จงใจใส่ร้ายป้ายสีโม่หุยเฟิง
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล”
โม่เยว่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
หยุนหว่านหนิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับหัวเราะขำ
“เจ้าหัวเราะอะไร”
โม่เยว่ขมวดคิ้วมองไป ก็เจอเข้ากับสายตาที่ยั่วโมโห ทำให้รู้สึกไม่พอใจ “หยุนหว่านหนิง ถ้าหากเจ้ายังกล้าใช้สายตาเช่นนี้มองข้าอีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมาซะ”
“นี่ท่านอ๋องมีความชอบประหลาดอย่างการควักลูกตาคนอื่นด้วยหรือ”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้รู้สึกตกใจเลย
นางหัวเราะเสียงต่ำ “ทำไมท่านอ๋องไม่ลองคิดดู ในเมืองหลวงนี้ยังมีใครเจ้าเล่ห์กว่าอ๋องหยิงอีกหรือ”
“กลลวงตา ตอนนี้ท่านอ๋องตกอยู่ในแผนการอย่างต่อเนื่อง ทำไมวิธีคิดยังดูง่ายดายเช่นนี้อยู่”
โม่หุยเฟิงนั้นจิตใจโหดเหี้ยม เจ้าเล่ห์เพทุบายมาก
ไม่ว่านักฆ่าจะถูกส่งมาฆ่าโม่เยว่ หรือว่านักฆ่าจะถูกฉินซื่อเสวียส่งมาฆ่าหยุนหว่านหนิง ต้องคาดเดาได้อยู่แล้ว ว่าโม่เยว่ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่ อย่างไรเสียก็ต้องตรวจสอบจนพบต้นตอ
เพราะฉะนั้น กลลวงตานี้จะเป็นแผนการที่โม่หุยเฟิงวางเอาไว้หรือไม่ ยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที
ฟังออกถึงสิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดนาง โม่เยว่อดไม่ได้ที่จะมองนาง
หยุนหว่านหนิงเป็นถึงคุณหนูของจวนยิ่งกั๋วกง เป็นหญิงที่ไร้ความสามารถที่สุด และโง่ที่สุดในเมืองหลวง
ครั้งนี้ กลับวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดขนาดนี้
ยังมีคำพูดของนางเมื่อครู่ คำแนะนำเกี่ยวกับค่ายเสินจี โม่เยว่รู้สึกสงสัยในใจ ว่าผู้หญิงคนนี้ยังใช่หยุนหว่านหนิงคนเดิมหรือไม่
เขาขมวดคิ้ว โบกมือไล่หรูโม่ออกไป
“เจ้ายังมีความคิดอะไรอีก”
“ทำไมข้าต้องบอกท่านด้วย”
หยุนหว่านหนิงพิงอยู่กับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน หยิบเอาหนังสือบนโต๊ะขึ้นมา ปิดที่หน้าตนเองเอาไว้ “ท่านอ๋องน่าจะรู้ ว่าโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่ต้องมีสิ่งตอบแทน”
“เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ”
โม่เยว่มองนางด้วยสายตาเคร่งขรึม
“ก็ไม่ใช่ผลประโยชน์อะไร ล้วนดีกับเราทั้งสองฝ่ายต่างหาก”
หยุนหว่านหนิงนั่งตัวตรง วางหนังสือกลับไปไว้ที่โต๊ะอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเรื่องค่ายเสินจี หรือว่าเรื่องนักฆ่า ข้าอยากจะทำข้อแลกเปลี่ยนกับท่านอ๋อง”
“ข้อแลกเปลี่ยน”
แววตาของโม่เยว่ไหววูบเล็กน้อย
จากนั้น ก็หัวเราะเสียงต่ำ “หยุนหว่านหนิง เจ้าคงไม่ลืมหรอกกระมังว่าเจ้ามีฐานะอะไร”
ก็แค่นักโทษที่ถูกคุมขังคนหนึ่ง ยังกล้าเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเขาอีกหรือ
“ถ้าหากท่านอ๋องไม่ยินดี ก็คิดเสียว่าเมื่อครู่ข้าไม่เคยพูดอะไรเลย แต่ข้ารู้ว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนโง่ น่าจะรู้ว่าควรจะตัดสินใจเลือกอย่างไร”
หยุนหว่านหนิงทำท่าแบมือ
นี่หมายความว่า ขอเพียงไม่ร่วมมือกับนาง ก็จะกลายเป็นคนโง่ซินะ
“เพราะเรื่อง ค่ายเสินจีในตอนนี้ ทำให้ท่านอ๋องทั้งหลายต่างก็จองท่านตาเป็นมัน……”
นางยิ้มบางๆ “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด เสด็จพ่อคงจะให้เวลาท่านอย่างจำกัด ให้ท่านทำผลงานออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะยึดค่ายเสินจีกลับไป”
ค่ายเสินจีเป็นเรื่องสำคัญมาก
แม้ฮ่องเต้จะมอบหมายให้กับโม่เยว่ ก็แค่อยากจะทดสอบความสามารถของเขาเท่านั้น
ถ้าหากมีความสามารถจริง ก็จะปล่อยให้เขาเป็นผู้ฝึกฝน
หากไร้ความสามารถ ก็จะมอบให้กับคนที่มีความสามารถไปจัดการ
คิดไม่ถึงว่า นางจะเดาได้ถูกต้อง
แววตาของโม่เยว่เป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็วอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ก็ยังคงทำตัวปากแข็ง “หยุนหว่านหนิง อย่ามาอวดฉลาดต่อหน้าข้า”
หยุนหว่านหนิงไม่ยี่หระ เลิกคิ้วถามว่า “ในเมื่อข้าเดาถูก ไม่ทราบว่าท่านอ๋องอยากจะฟังหรือไม่ ว่าข้าอยากเสนอข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับท่าน”ฃ
“ว่ามา”
โม่เยว่ตั้งใจฟังมาก แต่กลับทำหน้าบึ้งตึง ราวกับการให้นางพูดเป็นเกียรติแก่นางมาก
“ท่านต้องถอนคำสั่งกักบริเวณข้า”
หยุนหว่านหนิงเอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ข้าจะช่วยท่านวางแผนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องค่ายเสินจี หรือว่าเรื่องการรับมือกับท่านอ๋องคนอื่นๆ ”
“ง่ายๆแค่นี้หรือ”
โม่เยว่ไม่เชื่อ
“ย่อมไม่ได้มีเพียงเท่านี้”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “ไม่เพียงต้องถอนคำสั่งกักบริเวณข้า ยังต้องคืนอำนาจของพระชายาให้ข้าด้วย เรื่องราวเล็กๆน้อยๆในจวนข้าจะไม่ยุ่ง แต่เรื่องใหญ่หลังบ้าน ต้องได้รับการเห็นชอบจากข้า”
“อีกอย่าง เงินเดือนที่พระชายาควรจะได้ทุกเดือน ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียว”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอกท่านต้องให้เกียรติข้า ไม่ว่าใครจะมาหาเรื่องข้า ท่านก็ต้องปกป้องข้า……”
นี่มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไหนกัน
เห็นได้ชัดว่า นางต้องการให้โม่เยว่เทิดทูนนางเอาไว้บนหิ้งเลยทีเดียว
สีหน้าของโม่เยว่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่พอใจ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากตัดบทการพูดราวน้ำไหลไฟดับของนาง “พอแล้ว หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก”
“ท่านอ๋อง ทั้งสองเรื่องของท่านไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ดีไม่ดีอาจต้องหัวหลุดจากบ่าเชียวนะ”
ช่วงนี้ นางคุ้นเคยกับอารมณ์โกรธง่ายเป็นประจำของเขาแล้ว กะพริบตาปริบๆ “สิ่งที่ข้าขอคืนก็แค่สิ่งที่ข้าควรจะมีอยู่แล้ว ทำไมจึงกลายเป็นเรื่องได้คืบจะเอาศอกไปได้เล่า”
“ถ้าหากท่านอ๋องไม่ยินดี ก็ลองเอากลับไปคิดดูก่อน คิดเสร็จแล้วค่อยมาบอกข้า”
ว่าแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ไล่แขกโดยไม่พูดอะไรสักคำ
โม่เยว่ใบหน้าดำคล้ำยืนนิ่งอยู่กับที่
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮึ ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าเขาจะขอร้องให้นางช่วยทำงานอย่างนั้นหรือ
ไม่มีนาง เขาก็ยังคงเป็นชายหนุ่มที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองอยู่ดี
เพิ่งจะเดินออกจากประตูบ้าน ก็เห็นหยวนเป่ากำลังเขย่งเท้าเด็ดเชอร์รี่ที่อยู่บนกิ่งไม้ และไม่ยอมให้หรูยี่ช่วย ท่าทางนั้นดูแล้วช่างน่ารักจริงๆ ทันใดนั้นเขาก็ลืมความขุ่นเคืองเมื่อครู่ไปจนสิ้น ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา
“เจ้าก้อนแป้ง เจ้าอยากกินหรือ”
เขากำลังจะช่วยเด็ดลูกเชอร์รี่ที่สุกใสลงมาให้ กลับได้ยินหยวนเป่าบอกว่า “ไม่ใช่”
“แม่ข้าชอบกินที่สุด ข้าจะเด็ดไปให้นาง”
โม่เยว่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองเลย
หยวนเป่าหมุนตัวไปมองหรูยี่ ส่ายหน้าไปมาด้วยความสงสัย “ท่านอ๋องเป็นอะไรไป ประจำเดือนมาหรือ ทำไมอารมณ์จึงได้เปลี่ยนเร็วนัก”
“ประจำเดือน”
หรูยี่รู้สึกระอาใจ
เจ้านายของเขา ไม่มีประจำเดือน
พอโม่เยว่เดินจากไป กลับมาที่เรือนชิงหยิ่งอีกทีก็ตอนที่ท้องฟ้าเกือบจะมืดแล้ว
หยุนหว่านหนิงกำลังล้างถ้วยชามอยู่ เห็นเขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดำคล้ำ ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ท่านอ๋อง คิดเสร็จหรือยัง”