อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 160 โม่เยว่สงสัยนาง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 160 โม่เยว่สงสัยนาง
“พระชายา พระชายา…”
บ่าวรับใช้รีบปิดประตู ตามไปอย่างตะลีตะลานทำอะไรไม่ถูก
แต่หยุนหว่านหนิงกับซ่งจื่ออวี๋เดินไวมาก พอถึงหน้าห้องหนังสือหยุนหว่านหนิงก็เพียงเคาะประตูพอเป็นมารยาท จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปเลย
ซ่งจื่ออวี๋ตามเข้าไปด้วย ประตูห้องหนังสือที่ทำใหม่ถูกปิดลง
โม่เยว่กำลังหารือกับขุนนางใหญ่สองสามคนเรื่องค่ายเสินจี
และคำสั่งเมื่อก่อนหน้านั้นของโม่จงหราน ที่ให้เขาแก้ไขเรื่องการเก็บเกี่ยวของประชาชนให้ได้…
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามา เขาก็ขมวดคิ้ว “ไม่มีอนุญาตจากข้า ใครให้เจ้าเข้ามา”
“ข้าก็ไม่ได้อยากเข้ามา แต่ตอนนี้มีเรื่องใหญ่ต้องการหารือกับเจ้า”
เมื่อขุนนางใหญ่ทั้งหลายเห็นพวกเขาสองสามีภรรยาต่างใส่กัน หลังจากมองหน้ากันแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างรู้สถานการณ์ “ท่านอ๋อง พวกกระหม่อมขอลาก่อน”
เมื่อนั้นโม่เยว่จึงเห็นซ่งจื่ออวี๋ที่อยู่ข้างหลังหยุนหว่านหนิง
สายตาโม่เยว่พลันเคร่งขรึม ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “หยุนหว่านหนิง นี่เจ้าหมายความว่าอะไร”
“จะประกาศศึกกับข้าหรือ”
เขาก็คาดเดาในทันทีเหมือนกัน ว่าหยุนหว่านหนิงคิดจะเลี้ยงผู้ชายจริงๆ
“ไม่นับว่าประกาศสงคราม แต่เป็นการทำข้อตกลง”
หยุนหว่านหนิงนั่งลง ส่งสัญญาณให้ซ่งจื่ออวี๋นั่งลงด้วย “ถ้าข้าช่วยเจ้าแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ได้ เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร”
“อ้อ?”
โม่เยว่นึกสนใจขึ้นมา “เจ้าลองว่ามาก่อน ว่าเจ้าจะแก้ไขอย่างไร”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงอย่างไรข้าไม่เพียงแต่ช่วยเจ้าแก้ไขวิกฤติได้ แต่ยังจะช่วยเจ้าโค่นโม่หุยเฟิงด้วย”
เพียงคำพูดนี้ สายตาโม่เยว่ก็วูบไหวไม่หยุด
เขาไม่ได้สงสัยว่าหยุนหว่านหนิงจะไม่มีความสามารถ
แต่เพราะเขารู้ดีกว่าใคร ว่านางผู้นี้มีความสามารถเหลือล้ำต่างหาก!
กลอุบายในหัวของนาง หากนำออกมาใช้หมด ต้องทำให้เมืองหลวงร้อนเป็นไฟแน่นอน!
“เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนเจ้าอย่างไร”
“อย่างแรก ไม่ว่าเวลาใด สถานการณ์ใด ก็ห้ามใช้หยวนเป่าข่มขู่ข้า รวมถึงความปลอดภัยในชีวิตของหยวนเป่า และการมีอยู่ของเขาก็ห้ามบอกใครเด็ดขาด”
หยุนหว่านหนิงเอ่ยอย่างเห็นเป็นสำคัญ
บุตรชายคือทุกสิ่งทุกอย่างของนาง!
ไม่ว่าเมื่อไร นางก็ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของหยวนเป่า!
โม่เยว่คิดไม่ถึง ว่าเงื่อนไขแรกของนางก็คือหยวนเป่า
เขาพยักหน้ารับปากจากใจจริง “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
หยวนเป่าไม่ใช่บุตรชายของหยุนหว่านหนิงเพียงคนเดียว แต่เป็นบุตรชายของเขาด้วย!
“สอง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนก็ห้ามสงสัยในตัวข้า! ที่ข้าทำทุกอย่างต่อให้ไม่ทำเพื่อเจ้า ก็ทำเพื่อหยวนเป่า! ข้ายังคำเดิม เจ้าลงเรือลำเดียวกับข้า ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
เรื่องนี้ยากจะรับปากอยู่นิดๆ…
โม่เยว่มองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง “ได้”
เพื่อหยวนเป่า เขายินดีเชื่อนาง
“สาม ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้ว ข้าจะวางแผนให้เจ้า เจ้าต้องคุ้มครองความปลอดภัยให้ข้า”
“ไม่มีปัญหา”
ข้อนี้ โม่เยว่รับปากอย่างรวดเร็วฉับไว
เพราะได้ความช่วยเหลือจากหยุนหว่านหนิงระยะนี้ ค่ายเสินจีจึงพัฒนารวดเร็วมาก กระทั่งว่าเขายังได้รับความสำคัญจากเสด็จพ่อ เบียดโม่หุยเฟิงตกอันดับ
“สี่ นับจากนี้ห้ามเจ้าพูดถึงคนที่รักแต่มิได้เคียงคู่ ผู้เคียงคู่มิได้รัก หรือฉินซื่อเสวียฉินซื่อซวงอะไรนั่นกับข้าอีก!”
หยุนหว่านหนิงกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “ตอนนี้ข้ายังไม่อยากเล่นงานนางตาย”
“แต่ถ้าเจ้าบีบข้ามาก ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้นางไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุข! เรื่องนี้ห้ามเจ้าถาม! ไม่ว่าข้าจะทำอะไรกับนาง ก็เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับนางเท่านั้น!”
โม่เยว่รู้ว่า ฉินซื่อเสวียมีบุญคุณความแค้นส่วนตัวกับหยุนหว่านหนิงไม่น้อย
อีกอย่าง ฉินซื่อเสวียจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ข้ารับปากเจ้า”
ครั้งนี้ที่พวกเขามีปากเสียง ทำสงครามประสาทมาเกือบจะเดือนนี้ก็เพราะฉินซื่อเสวีย
โม่เยว่เองก็ไม่อยากให้สถานการณ์เช่นนี้ดำรงต่อเหมือนกัน
“ห้า!”
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงยังจะพูดต่อ โม่เยว่ก็ไม่พอใจ “เจ้ามีเงื่อนไขกี่ข้อกันแน่! เจ้าจะช่วยข้าอย่างไร คุ้มค่ากับเงื่อนไขเหล่านี้หรือไม่!”
นางยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ทำไมเขาต้องรับปากเงื่อนไขนางข้อแล้วข้อเล่า?!
“อย่างนั้นก็ได้ ถึงอย่างไรข้าก็ยังคิดข้าห้าไม่ออก เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
หยุนหว่านหนิงคว่ำปาก “อ้อ จริงสิ ข้อที่ห้า เจ้าต้องให้ทองคำขาวข้าแสนตำลึง”
โม่เยว่ “…เจ้าเป็นคนขัดสนหรือ!”
ถึงกับยื่นมือมาขอเงินจากเขา!
เมื่อได้ยินที่เขาพูด หยุนหว่านหนิงก็ไม่พอใจ “เจ้าจะสนใจทำไมว่าข้าขัดสนหรือไม่! ข้าเป็นชายาเจ้า หรือว่าเจ้าไม่ควรให้เบี้ยหวัดข้าทุกเดือน?”
“เจ้าควรเลี้ยงข้า? ข้าแค่เอาจากเจ้าครั้งเดียว เจ้ายังจะมีน้ำโหอีก?”
โม่เยว่หายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กดอารมณ์โกรธในใจ “ได้”
เขาเป็นรองเรื่องเหตุผล เขาไม่เถียง
“แสนตำลึงใช่หรือไม่ เอาไว้ข้าจะให้คนส่งไปที่เรือนชิงหยิ่ง”
ความหมายคือ กำลังบอกเป็นนัยว่านางควรกลับจวนอ๋องแล้ว
“ได้”
หยุนหว่านหนิงไม่แย้งอีก ทอดบันไดให้เขาลง “เจ้าส่งคนไปรับหยวนเป่ากลับมา! พรุ่งนี้ข้าจะไปอธิบายกับทางท่านตาเอง”
“ได้”
โม่เยว่โล่งอก
เขาเพิ่งพิศมองนาง “เช่นนั้นตอนนี้จะบอกข้าได้หรือยัง ว่าเจ้าคิดจะทำอย่างไร”
“ไม่ใช่ว่าข้าจะทำอย่างไร คือเขาจะทำอย่างไรต่างหาก”
หยุนหว่านหนิงโยนมาทางซ่งจื่ออวี๋ ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
บัดนี้ซ่งจื่ออวี๋ก็คือไพ่ตายของนาง!
ซ่งจื่ออวี๋งุนงงเล็กน้อย
ระหว่างทางลงเขา หยุนหว่านหนิงได้บอกจุดประสงค์ในการลงเขากับเขาแล้ว เดิมนึกว่าเรื่องแรกที่ทำก็คือให้เขากอบกู้เรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน
ไหนเลยจะรู้ เขากลับมานั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่นี่ ดูพวกเขาสามีภรรยาทะเลาะกันนานนม?!
พลันอีหลักอีเหลื่อ
กระทั่งถูกหยุนหว่านหนิงพูดถึง เขาจึงผงกศีรษะกับโม่เยว่ “อ๋องหมิง”
“ท่านนี้คือ?”
โม่เยว่หรี่ดวงตาลงเล็กน้อย
“ซ่งจื่ออวี๋”
หยุนหว่านหนิงแนะนำอย่างง่าย “ท่านนี้คือศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิง ศิษย์เพียงคนเดียวของเสวียนซันเซียนเซิง!”
ครั้นได้ยินนางเอ่ย โม่เยว่ก็ตะลึง!
“เจ้าว่าอะไรนะ”
เพิ่งจัดการหลิวต้าเหวินไป ตอนนี้กลับมีศิษย์เสวียนซันเซียนเซิงโผล่มาอีกคน?!
หยุนหว่านหนิงคนนี้ กำลังล้อเล่นกับเขาอยู่หรือ!
“ไหนบอกว่าเสวียนซันเซียนเซิงไม่มีลูกศิษย์”
เขามองซ่งจื่ออวี๋ด้วยความเย็นชามาดร้าย “เสวียนซันเซียนเซิงไร้ข่าวคราวการติดต่อ ข้าส่งคนไปหาเบาะแสร่องรอยที่อยู่ของเขามากกว่าก็ไม่ได้ข่าว”
“นี่เจ้า หาคนผู้นี้มาจากไหน”
ความเคลือบแคลงใจในคำพูดของเขาปราศจากการปกปิด
แม้แต่ซ่งจื่ออวี๋ก็ฟังออก
แต่เขาไม่โกรธ เพียงแต่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ร่องรอยของท่านอาจารย์ค้นหายากมากจริงๆ”
“ฉะนั้น หยุนหว่านหนิง เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายๆ ใช่หรือไม่”
โม่เยว่กวาดตามองซ่งจื่ออวี๋ทีหนึ่ง สายตาที่มองหยุนหว่านหนิงเย็นชามืดมน “เจ้าพาคนมาพบข้า มีจุดประสงค์อะไร ต้องการร่วมมือกับใครมาต่อกรกับข้า!”
หลิวต้าเหวินสมคบคิดกับโม่หุยเฟิง
ดังนั้นเมื่อหลิวต้าเหวินถูกเปิดโปง โม่หุยเฟิงจึงถูกลงโทษไปด้วย
โม่เยว่คิดไปตามสัญชาตญาณ ว่าหยุนหว่านหนิงก็จะใช้คนผู้นี้มาโค่นเขาเหมือนกัน!
หยุนหว่านหนิงถูกคำพูดของเขาทำให้โกรธจนหัวเราะ
นางยิ้มด้วยความโกรธจัด อดกลั้นความอยากตบหน้าเขาอย่างหนักหน่วง กัดฟันกรอดถาม “โม่เยว่ ข้อตกลงที่เราตกลงเมื่อกี้ ข้อที่สองคืออะไร!”
“เจ้า…”
โม่เยว่ยังไม่ทันกล่าวจบ ฝ่ามือหนึ่งก็ตีมาที่ใบหน้าของเขา!