อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 179 ทำไมเจ้าไม่มีเหตุผล
ซุนตายิ่งค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อกี้หยุนหว่านหนิงตั้งใจหลอกนาง และก็ตั้งใจว่านาง?
“พี่ชายข้าไปหาเรื่องอะไรท่าน?”
รู้ถึงความร้ายกาจของหยุนหว่านหนิงแล้ว ซุนตายิ่งไม่กล้าสู้กับนางโดยตรง จำต้องหันไปมองโม่จงหรานอย่างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ท่านต้องช่วยหม่อมฉัน…..”
“พูดจาดีดี”
โม่จงหรานควักรูหูตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ร้องไห้จนข้ารำคาญ”
ซุนตายิ่งไม่กล้าร้องไห้อีก จำต้องสะอึกสะอื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ วันนี้พี่ชายของข้าเพิ่งเคยเจอกับพระชายาหมิงเป็นครั้งแรก….”
“ก็เพราะเคยเจอข้าเป็นครั้งแรก แล้วก็กล้าจ้องมองดูข้าด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ข้าเพียงแค่ควักลูกตาของนาง ไม่ได้สั่งประหารไปเลย ถือเป็นการไว้หน้าเจ้าแล้ว”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้น
ซุนตายิ่งอึ้งไปสักพัก
พี่ชายของนาง กล้าจ้องมองพระชายาหมิงด้วยสายตาหยาดเยิ้ม?
เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย
นิสัยสันดานพี่ชายตนเองเป็นยังไง ใช่ว่าซุนตายิ่งจะไม่รู้
เวลาเขาเห็นหญิงงามก็จะก้าวเท้าไม่ออกแล้ว
หยุนหว่านหนิงที่งดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้แบบนี้ ซุนต้าเฉียงเห็นแล้ว ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะจ้องมอง….ยังไง พี่ชายนางก็เป็นคนไม่มีประสบการณ์อะไรมาก่อน
ซุนตายิ่งคิดในใจ
แล้วนางก็ไม่มั่นใจขึ้นมา
แต่ด้วยความโปรดปรานที่โม่จงหรานมีต่อนาง นางตอบโต้ขึ้นว่า “แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พระชายาหมิงก็ไม่ควรลงมือรุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ควรคิดดีๆ ค่อยตัดสิงไจไม่ใช่หรือ?”
“ข้าคิดดีๆ แล้ว”
หยุนหว่านหนิงไม่ไว้หน้านางสักนิด
ซุนตายิ่งพูดไม่ออก นานสักพักค่อยพูดขึ้นว่า “ทำไมท่านถึงไม่มีเหตุผล?”
“ข้าไม่มีเหตุผล แล้วยังไง?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ยพร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าก็คิดที่จะปล่อยซุนต้าเฉียงไป แต่ซุนตายิ่งไม่ยอมแบบนี้ ยังมาหาว่าข้าทำไม่ดี ฟ้องเสด็จพ่อ….”
“หากท่านอ๋องรู้ ชีวิตพี่ชายของเจ้าคงไม่เหลือ”
“เจ้าไม่ซาบซึ้ง ยังมาโทษข้า งั้นข้าก็จะสั่งลงไป ไม่ปล่อยชีวิตของพี่ชายเจ้าไว้แล้ว”
พูดเสร็จ หยุนหว่านหนิงก็ตะโกนพูดสั่งด้านนอกว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ พาคนไปลากตัวซุนต้าเฉียงเข้าวังมาเดี๋ยวนี้ แล้วใช้กระบองทุบตีให้ตาย”
ได้ยินแบบนี้ ซุนตายิ่งตกตะลึงจนอึ้ง
เหลียงเสี่ยวกงกงก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก รีบตอบรับทันที
ซุนตายิ่งมองดูสีหน้าไม่สะทกสะท้านของหยุนหว่านหนิง แล้วก็รีบหันไปพูดขอร้องโม่จงหรานว่า “ฮ่องเต้ ท่านดูสิ พระชายาหมิงทำเกินไปแล้ว ยังเห็นท่านอยู่ในสายตาอยู่ไหม”
“ท่านต้องให้ความยุติธรรมหม่อมฉันกับพี่ชาย”
หยุนหว่านหนิงยกแก้วน้ำชาขึ้นมากินอย่างเชื่องช้า
โม่จงหรานพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ซุนต้าเฉียงเสียมารยาทกับพระชายาหมิง สมควรลงโทษ”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้ซุนตายิ่งรู้สึกเหมือนดั่งตกนรก
ยังไงนางก็คิดไม่ถึง ฮ่องเต้ที่ปกติตามใจนางทุกอย่าง วันนี้กลับไม่สนใจนางถึงขนาดนี้?
“ฮ่องเต้”
นางไม่พอใจ
เพิ่งพูดออกมาหนึ่งคำ ก็ได้ยินโม่จงหรานพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้าไม่รู้สำนึก ก็จะลงโทษเจ้าด้วย ตัดลิ้นให้สุนัขกินดีไหม?”
ซุนตายิ่งตกตะลึงจนสั่นเทา ก้มหน้าลงด้วยหัวใจแหลกสลาย
เวลานี้ นางค่อยรู้ซึ้งว่า อะไรคือเดชานุภาพของกษัตริย์
โม่จงหรานเพียงพูดขึ้นมา ก็สามารถทำให้นางลงนรกได้ทันที
ตอนนี้นางถึงรู้ว่า ที่หยุนหว่านหนิงพูดว่า “ข้าไม่มีครั้งที่หนึ่งครั้งที่สอง” นั้น หมายความว่าอะไร
คนในราชวงศ์ สถานะสูงศักดิ์ คำพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถเอาชีวิตคนถึงตายได้
ถึงตอนนี้นางจะเป็นนางบำเรอคนโปรด….
พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ โม่จงหรานเพียงเห็นว่านางสดใหม่ หลังจากผ่านความสดใหม่ไปแล้ว นางก็ไม่ใช่อะไรเลย ถึงตอนนั้นก็จะได้เป็นเพียง คนแก่ตายในวังคนนี้
ดูอย่างฮองเฮาจ้าว มีเพียงตำแหน่งสถานะฮองเฮา แต่ก็ทำได้เพียงโดดเดี่ยวไปจนแก่
เต๋อเฟยเป็นคนโปรดมานานหลายปี ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่สนใจก็คือไม่สนใจ
ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นเพียงนางบำเรอคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าวังมา
ความโปรดปรานของฮ่องเต้ หายวับไปในไม่ช้า
มีเพียงคว้าอำนาจไว้ในมือ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด….ตอนนี้ นางต้องรีบมีโอรสให้กับโม่จงหราน ถึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ได้
นางเป็นเพียงหญิงบำเรอคนหนึ่ง อยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิงที่เป็นพระชายาหมิงนั้น ไม่มีค่าอะไรเลย
วันนี้ ซุนตายิ่งรู้ซึ้งกับความจริงนี้แล้ว
“หม่อมฉันไม่กล้าแล้ว”
ซุนตายิ่งก้มหน้าพูดตอบว่า “ฮ่องเต้ วันนี้เป็นเพราะหม่อมฉันไม่ดี หม่อมฉันสำนึกผิด ต่อไปจะไม่กระทำผิดอีก ขอฮ่องเต้โปรดให้โอกาสหม่อมฉันสักครั้ง”
เห็นแบบนี้ ยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
เฮ้อ
ซุนซันฝูคนนี้ รู้จักรุกรู้จักถอย
เมื่อกี้ยังฟ้องอยู่อย่างร้องห่มร้องไห้เลย พริบตาเดียวก็รู้จักสำนึกผิดแล้ว?
เห็นทีผู้หญิงคนนี้ มีเล่ห์เหลี่ยมไม่เบา
โม่จงหรานเห็นท่าทีนางอ่อนน้อมถ่อมตน ความโกรธในใจก็ค่อยหายลงบ้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อสำนึกผิดแล้ว ก็ลุกขึ้นมาเถอะ”
ซุนตายิ่งลุกขึ้นมาอย่างน่าสงสาร
เห็นนางร้องไห้จนตาบวมแล้ว โม่จงหรานถึงสั่งซูปิ่งซ่าน ส่งซุนตายิ่งกลับไปด้วยตนเอง
ภายในห้องทรงพระอักษร เหลือเพียงโม่จงหรานกับหยุนหว่านหนิงสองคน
“เสด็จพ่อ ท่านเหนื่อยไหม?”
หยุนหว่านหนิงถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้โม่จงหรานอึ้ง แล้วถามขึ้นว่า “เหนื่อย? ข้าตรวจอ่านฎีกาทุกวัน ผ่านมาแบบนี้ตั้งหลายสิบปีแล้ว เหนื่อยไม่เหนื่อยแล้วยังไง?”
“ไม่ใช่ ความหมายของข้าคือ….”
นางหันไปทางหน้าประตู
ด้านนอกประตู มีนางกำนัลประคองซุนตายิ่ง แผ่นหลังงดงามสง่า
“อืม?”
โม่จงหรานไม่เข้าใจ
“ท่านมีนางงามในวังในสามพันนาง การดูแลผู้หญิงพวกนี้ เหนื่อยไหม?”
หยุนหว่านหนิงถามขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย
โม่จงหรานขมวดคิ้วแน่น นานสักพักค่อยพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เจ้าไม่ควรถาม ก็หุบปาก เจ้าจะสนใจทำไมว่าข้าจะเหนื่อยหรือไม่เหนื่อย”
มองดูท่าทีที่หยิ่งผยอง….
หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหยวนเป่า
เห็นที ความหยิ่งผยองของหยวนเป่าไม่เพียงได้มาจากโม่เยว่
ยังข้ามรุ่นได้มาจากโม่จงหรานที่เป็นเสด็จปู่คนนี้ด้วย
บางทียีนหยิ่งผยองของตระกูลโม่ มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนโม่จงหรานแล้ว
นางคิดไปเรื่อยอยู่อย่างวุ่นวาย
โม่จงหรานเห็นสายตานางสั่นไหว ท่าทีครุ่นคิด ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้ากำลังคิดตำหนิอะไรข้า?”
เขารู้จักนังเด็กใจกล้าคนนี้เป็นอย่างดี
“เปล่า”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นอย่าง‘กล้าทำไม่กล้ายอม’รับว่า “ลูกสะใภ้เพียงแค่คิดว่า ความรู้สึกที่เสด็จพ่อมีต่อซุนตายิ่งนั้น ค่อนข้างแตกต่าง”
โม่จงหรานถามขึ้นมาอย่างสนใจว่า “ว่ามา แตกต่างตรงไหน?”
“ดูเหมือนเสด็จพ่อจะโปรดปรานนาง แต่ความจริงแล้วรังเกียจรำคาญมาก”
นางพูดขึ้นอย่างละเอียดอีกว่า “ประกอบกับที่ท่านแม่ไม่เป็นที่โปรดปราน ข้ารู้สึกเหมือนเสด็จพ่อกำลังวางหมากรุก”
พวกเขาทุกคน น่าจะล้วนเป็นหมากในกระดานนี้
“ลูกสะใภ้แปลกใจมาก ลูกสะใภ้อยู่ในกระดานนี้ เป็นหมากตัวไหน? มีไว้เพื่ออะไร?”
โม่จงหรานตกตะลึง
ในบรรดาพวกลูกสะใภ้ มีเพียงหยุนหว่านหนิงที่กล้าพูดกับเขาเช่นนี้
และก็มีเพียงนาง ที่มองออกทุกอย่าง
นางเดารู้ว่า เขากำลังทำอะไรอยู่?
แต่เขาเป็นใคร?
เป็นถึงกษัตริย์
กษัตริย์ไม่เปิดเผยความรู้สึกใดใดออกมา (ไม่ใช่)
นี่เป็นเพียงโม่จงหรานประเมินตนเอง เขารู้สึกดีกับตัวเอง มักรู้สึกว่าเขาไม่เปิดเผยความรู้สึกใดใดออกมา เขานึกว่าเขาเย็นชา เขาน่าเกรงขาม เขาเผด็จการ
ที่ไหนได้ อยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิง เป็นเสือเฒ่าที่มองไม่เห็นก้น
บางทีก็หัวเราะเสียงดัง บางทีก็เต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธ บางทีก็หยิ่งเคร่งขรึม
เจ้าเฒ่าที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ขู่จะตัดหัว
เห็นสีหน้าโม่จงหรานครุ่นคิด หยุนหว่านหนิงก็ถามขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ตอนนี้ท่านยังจะยกเฟยเฟยให้กับซุนต้าเฉียงไหม?”