อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 181 รื้อ หลัง คา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 181 รื้อ! หลัง! คา!
ซุนตายิ่งพักตำหนักซีเยว่
ยามนี้ ผิวเผินดูเหมือนว่านางจะได้รับความโปรดปราน แต่ตำหนักซีเยว่นับว่าเป็นสถานที่ห่างไกลของวังหลัง
ตำหนักที่หรูหรามากที่สุดคือตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่ว
พวกซูเฟยคือคนเก่าที่อยู่มานาน ล้วนอยู่ละแวกตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่ว อย่างเช่นตำหนักฉางชุน ตำหนักฉางเย่และอื่นๆ มีเพียงนางสนมที่เพิ่งเข้ามาใหม่ นางสนมที่มีฐานะต่ำต้อย สนมไม่เป็นที่โปรดจึงจะอยู่สถานที่ห่างไกล
และตำหนักซีเยว่ของซุนตายิ่งก็คือสถานที่ห่างไกลของสถานที่ห่างไกลนั่นเอง
ด้านนอกกำแพงด้านหลังของตำหนักซีเยว่ก็คือตำหนักเย็น
หยุนหว่านหนิงเดินจากตำหนักเว่ยหยางมาครึ่งชั่วยามเต็มๆ!
โม่เฟยเฟยร้องไห้จนดวงตาทั้งสองบวมเป่ง ทีแรกนางไม่อยากตามมาด้วย แต่เห็นหยุนหว่านหนิงโมโหพลุ่งพล่าน กลัวจะรื้อหลังคาของตำหนักซีเยว่จริงๆ ดังนั้นจึงได้แต่ตามมา
เนื่องจากสองสามวันก่อนเพิ่งมีพายุลูกหนึ่ง
อีกทั้งตำหนักซีเยว่ไม่ได้บูรณะมาหลายปี ขณะซุนตายิ่งเข้าวัง ฮองเฮาจ้าวก็แค่สั่งให้คนทำความสะอาดลวกๆ ให้นางเข้าพัก
วันนี้อากาศแจ่มใส
ดังนั้นจึงมีคนกำลังซ่อมแซมหลังคาของนาง รวมไปถึงทาสีกำแพงและทำอย่างอื่น
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงและโม่เฟยเฟยเข้ามา เหล่าข้ารับใช้ก็รีบลงมาคำนับ
หยุนหว่านหนิงมองพวกเขาแวบหนึ่ง ในดวงตามีความหมายลุ่มลึกปราดผ่าน
ซุนตายิ่งอยู่ในตำหนัก นางกำนัลนางหนึ่งกำลังเย็บพื้นรองเท้าอยู่ตรงปากประตู
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิง นางกำนัลผู้นั้นก็รีบวางพื้นรองเท้า แล้วเข้าไปส่งข่าวข้างใน
หยุนหว่านหนิงส่งสายตา หรูเยียนที่อยู่ด้านหลังแวบตัวไปทันที จับนางกำนัลผู้นั้นด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า ด้วยสถานการณ์คับขัน นางกำนัลผู้นั้นจึงได้แต่ตะโกนเข้าข้างใน “พี่ชุ่ยจือ!”
จากนั้นนางก็ถูกหรูเยียนอุดปาก ลากไปอีกทางหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงส่งสายตาแหลมคมไป แววตาเย็นชาทำให้นางกำนัลผู้นั้นตกใจตัวสั่นเทา ขาพับคุกเข่าลงกับพื้น
“มีอะไรหรือ”
เสียงผู้หญิงสายหนึ่งดังออกมาจากข้างใน
จากนั้นนางกำนัลร่างสูงโปร่งก็เดินออกมา
โม่ลี่รีบพูดขึ้น “พระชายา นางก็คือชุ่ยจือเจ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือหยุนหว่านหนิงและโม่เฟยเฟย ชุ่ยจือก็ตกใจจนหน้าถอดสี หมุนตัวเดินเข้าไปรายงานกับซุนตายิ่งทันที
หรูเยียนแลที่ข้างเท้า เตะเศษกระเบื้องที่คนซ่อมแซมหลังคาที่ตกลงมาออกไป
เศษกระเบื้องปักเข้าที่เข่าของชุ่ยจืออย่างแม่นยำฉับไว นางคุกเข่าลงกับพื้น ‘ตุบ’ หัวเข่าเสียดสีถลอก
เห็นได้ว่าฝีมือของหรูเยียนไม่ธรรมดา!
ชุ่ยจือสีหน้าทรมาน ร้องครางเบาๆ
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้ แลนางจากที่สูง “เจ้าก็คือชุ่ยจือ?”
ชุ่ยจือไม่กล้าใช้เล่ห์อีก พลันผงกศีรษะ “เรียน เรียนพระชายา บ่าวคือชุ่ยจือเจ้าค่ะ”
“ดีมาก! เมื่อกี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครคือชุ่ยจือ ที่แท้คือเจ้า ดีที่ได้ผู้รับใช้น้อยคนนี้ พอส่งเสียงก็เรียกเจ้าออกมาได้แล้ว ข้าก็เลยไม่ต้องเปลืองแรง”
สีหน้านางกลายเป็นขมึงตึงช้าๆ “เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดูหน่อยสิ”
ชุ่ยจือไม่กล้าปฏิเสธ รีบเงยหน้าขึ้น ทว่าไม่กล้าสบสายตากับหยุนหว่านหนิง
“ปากกว้าง ลิ้นยาวจริงๆ ด้วย”
หยุนหว่านหนิงยกยิ้ม “ในเมื่อปากของเจ้าพูดจาเพ้อเจ้อ เช่นนั้นจะเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
“หรูเยียน ตัดลิ้นของนางไปเลี้ยงสุนัข!”
“เจ้าค่ะ พระชายา”
ที่จวนอ๋อง หรูเยียนมีฐานะเท่าเทียมกับหรูโม่และหรูอวี้ นับเป็นตัวตนที่เหมือนกับองครักษ์ลับ จะต่างก็แต่เพียงนางเป็นผู้หญิง
แต่นางกลับลงมือโหดเหี้ยม กระทั่งยังรวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าบุรุษ
นางจับหัวไล่ของชุ่ยจือหมับ ราวกับถูกกรงเล็บของเหยี่ยวจับเอาไว้
ชุ่ยจือร้องด้วยความเจ็บปวด รีบร้องของชีวิต “พระชายาหมิง ละเว้นชีวิตด้วยเจ้าค่ะ!”
หยุนหว่านหนิงไม่มีความอดทนฟังนางวิงวอนอย่างเห็นได้ชัด สายตาจริงจัง ชุ่ยจือถูกหรูเยียนลากออกไปแล้ว
ก่อนจะออกจากประตู ชุ่ยจือตะโกนร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง “นายหญิง นายหญิงช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ!”
อันที่จริงซุนตายิ่งที่อยู่ในตำหนักได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกแต่แรกแล้ว
แต่หยุนหว่านหนิงไม่ได้เข้ามา นางจึงทำเป็นเฉยไม่ออกไป ต่อหน้าองค์ฮ่องเต้นางยังไม่ไว้หน้านางสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอยู่ลับหลัง
นางสั่งกับนางกำนัลที่อยู่ข้างตัวสองประโยค
นางกำนัลลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็แอบหนีออกไปจากประตูหลัง
เมื่อนั้นซุนตายิ่งจึงเงยหน้าขึ้น เห็นหยุนหว่านหนิงกับโม่เฟยเฟยเข้ามาแล้ว
“ข้ายังคิดว่าใคร! ที่แท้ก็พระชายาหมิงกับองค์หญิงเก้านี่เอง! ตำหนักซีเยว่ของข้าอยู่ไกล วันนี้ลมอะไรพัดมาถึงกับทำให้พวกเจ้า…”
แม้นางกำลังฝืนยิ้มแย้ม
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหยุนหว่านหนิงเอ่ยแทรก
ตอนที่นางกับโม่เฟยเฟยมาถึง ไม่เพียงพาโม่ลี่กับหรูเยียนมา แต่ยังพาสาวใช้ตำหนักเว่ยหยางมาด้วยอีกหลายคน
“ลงมือ!”
หยุนหว่านหนิงออกคำสั่ง โม่ลี่ที่อยู่ด้านหลังลงมือก่อน หยิบแจกันดอกไม้ที่อยู่บนชั้นทุ่มลงกับพื้นแรงๆ!
เสียงแตก ‘เพล้ง’ ซุนตายิ่งตกใจเอามือปิดหูกรีดร้อง!
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร! นี่คือตำหนักซีเยว่ พวกเจ้าจะกำแหงเกินไปแล้ว!”
ทีแรกนางคิด ที่หยุนหว่านหนิงมาครั้งนี้ อย่างมากก็แค่มาหาเรื่องเท่านั้น
นางรับมือด้วยความระวังก็พอ
ไหนเลยจะรู้ว่าพอนังสารเลวนี่เข้ามา ก็ถึงกับสั่งให้นางกำนัลทำลายข้าวของ!
“หยุนหว่านหนิง! อย่าให้มันเกินไปนัก! ถ้าฝ่าบาททรงทราบ ต้องไม่ละเว้นเจ้าแน่!”
สายตาซุนตายิ่งเคียดแค้น
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น “ทางเสด็จพ่อ ข้าต้องไปขอพระอาญาเองแน่ แต่เจ้าน่ะหรือ…วันนี้จะเป็นหรือตาย ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าเท่านั้น!”
เมื่อกล่าวออกมา ซุนตายิ่งก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่น!
นังสารเลว!
ถึงกับ ถึงกับใจกล้าเทียมฟ้า!
“เจ้ากล้า!”
ซุนตายิ่งปากสั่น “ข้าเป็นผู้หญิงของฮ่องเต้นะ!”
โม่เฟยเฟยมองนางด้วยความดูถูก “ผู้ใดให้ความมั่นใจแก่เจ้า?”
ซุนตายิ่งสะอึก เกือบจะสำลักตาย
โม่ลี่ละคนอื่นๆ ทำลายข้าวของแตกกระจายเกลื่อนพื้น ซุนตายิ่งมองตำหนักที่รกรุงรัง ทรวงอกยกกระเพื่อมหนัก “รังแกกันเกินไปแล้ว!”
“รังแกกันเกินไปแล้วนะ!”
“นี่นับอะไร”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “นี่นับว่ารังแกเกินไปหรือ เจ้าที่ไร้ฟ้าไร้กฎหมายเช่นนี้…”
“ข้าว่านะ หลังคาตำหนักซีเยว่ของเจ้านี่ คงยัดตัวเจ้าไม่ลงหรอก สมควรเปิดหลังคาแล้วให้บารมีเจ้าชะลูดขึ้นฟ้าไปเสียเลย!”
“เช่นนี้จึงจะเชิดชูชื่อ ‘สนมโปรด’ ของเจ้า!”
“ถ้าข้ารื้อตำหนักซีเยว่นี้ของเจ้าไปเสีย ไม่แน่นะ เสด็จพ่ออาจทรงเวทนา ประธานตำหนักนอนที่ดีกว่านี้ให้เจ้าก็ได้”
ซุนตายิ่งรู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมา
นางเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร”
หยุนหว่านหนิงเดินสองสามก้าว มองประเมินตำหนักทรุดโทรม แล้วหมุนตัวเดินออกไป
โม่เฟยเฟยรีบตาม
ซุนตายิ่งคิดเล็กน้อย แต่ก็รีบสาวเท้าตามออกไปเหมือนกัน “หยุนหว่านหนิง เจ้าคิดจะทำอะไร!”
หยุนหว่านหนิงเดินออกตำหนักไปแล้ว สั่งกับคนที่กำลังซ่อมแซมหลังคา “ไม่ต้องซ่อมหลังคาแล้ว! รื้อให้ข้าเสียเลย!”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
ซุนตายิ่งยังนึกว่าตนหูฝาด
นังสารเลวนี่ กล้ารื้อหลังคาของนางจริงหรือ!
เหล่าคนทำงานตะลึงครู่หนึ่ง “พระชายาหมิง ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงให้ซ่อมแซมนะขอรับ”
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปบอกกับเสด็จพ่อเอง”
หยุนหว่านหนิงโบกมือ คนเหล่านั้นลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลงมือ…รื้อหลังคา
เศษกระเบื้องตกลงมาไม่หยุด เกือบจะตกใส่ซุนตายิ่งแล้ว
นางกระโดดวี๊ดว๊ายลงบันได ราวกับเสียสติ “หยุนหว่านหนิง เจ้ารังแกกันเกินไปแล้วนะ! ข้าจะไปทูลฮองเฮาเหนียงเหนียงเดี๋ยวนี้!”
นางทำท่าจะไป
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ห้าม เพียงแต่มองนางด้วยสายตาคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มทีหนึ่ง
ซุนตายิ่งอย่างไรก็ก้าวเท้าไม่ออก
นังสารเลวคนนี้จะข่มขู่อย่างไรก็ไม่ได้ผล…
นางได้แต่มองหลังคาตำหนักตัวเองถูกรื้อต่อหน้าต่อตา
ดีที่ยังรื้อไม่ถึงครึ่ง ก็มีเสียงตวาดดังมาจากปากประตู “หยุด!”