อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 184 ชดใช้ หนึ่งล้าน
“เจ้าเจ็ด ข้าคือประมุขแห่งวังหลัง วันนี้ชายาเจ้าทำความผิด ข้าดำรงกฎของวังหลวง เจ้าคงไม่ขัดขวางกระมัง”
ฮองเฮาจ้าวประกาศกร้าวก่อน
“หม่อมฉันหาใช่คนไม่มีเหตุผล”
โม่เยว่เดินเข้ามาใกล้ “ดังนั้นหม่อมฉันจึงตั้งใจจะพูดเหตุผลกับเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
มีเหตุผล?
หัวคิ้วฮองเฮาจ้าวขมวดมุ่น
เจ้าเจ็ดเนี่ยหรือมีเหตุผล!
ผายลม!
หากเขามีเหตุผล เฟิงเอ๋อร์ก็ไม่ต้องถูกฝ่าบาทกักตัวอยู่ที่จวนอ๋องหยิงแล้ว!
ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่ ‘ผลงาน’ ของเจ้าเจ็ดกับหยุนหว่านหนิงอีกหรือ!
พอตอนนี้โม่เยว่บอกว่าจะพูดเหตุผล…หนังตาข้างขวาของฮองเฮาจ้าวกระตุกรุนแรงมากขึ้น “ข้าก็อยากจะดูสิว่า เจ้าจะพูดเหตุผลอะไร”
นางจ้องโม่เยว่ด้วยความเย็นชา
“ซุนตายิ่งมีใจคิดชั่วกับเฟยเฟย ไม่เห็นกฎวังหลวง สมควรตาย”
โม่เยว่ไม่พูดพล่าม เริ่มทันที “หนิงเอ๋อร์ปกป้องเฟยเฟย ปกป้องหน้าตาของราชวงศ์ ทำคุณงามความดี สมควรตกรางวัล มิใช่ลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
เขามองฮองเฮาจ้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หมดแล้ว?”
รออยู่ครู่หนึ่ง เห็นเขาไม่พูดต่อ ฮองเฮาจ้าวจึงอดถามขึ้นไม่ได้
“พ่ะย่ะค่ะ”
โม่เยว่พยักหน้า
ฮองเฮาจ้าว “…”
นางรอนานขนาดนี้ เดิมนึกว่าโม่เยว่จะพูดหลักทฤษฎีบทยาวอะไร ไหนเลยจะรู้ว่าพูดง่ายๆ แค่ไม่กี่คำก็จบแล้ว!
“ฉะนั้นเจ้าหมายความว่าอะไร”
“ซุนตายิ่งสมควรรับโทษ เฟยเฟยสมควรได้รับการปลอบใจ หนิงเอ๋อร์ควรได้รับรางวัลพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เยว่พูดอย่างไม่คิด
ฮองเฮาจ้าว “…”
วันนี้นางถูกอุดปากพูดไม่ออกเป็นอีกครั้ง ถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ!
กลับเป็นหยุนหว่านหนิงตบมือสรรเสริญ “ท่านอ๋องบ้านข้าช่างมีเหตุผลนัก! เสด็จแม่ นี่ก็คือหลักการที่หม่อมฉันอยากพูดกับเสด็จแม่นี่แหละเพคะ”
ขมับฮองเฮาจ้าวเต้น ‘ตุบๆ’ หัวใจก็เจ็บเป็นครั้งๆ
สองคนนี่ จงใจยั่วโมโหนางกระมัง!
ระยะก่อนถูกหยุนหว่านหนิงยั่วโมโหจนล้มป่วย ตอนนี้ยังปวดหัวไม่หายเลย
วันนี้นางต้องควบคุมอารมณ์ ควบคุมอารมณ์…
ฮองเฮาจ้าวพร่ำเตือนตัวเอง
“เหอะๆๆ”
นางฉายรอยยิ้มที่แย่ยิ่งกว่าร้องไห้ “เจ้าเจ็ดพูดถูก ข้าถึงกับไม่มีคำพูดแย้ง”
“ฉะนั้นเสด็จแม่ พวกหม่อมฉันไปได้หรือยังเพคะ”
หยุนหว่านหนิงมองนางอย่างจริงจัง
“ไม่ได้!”
ฮองเฮาจ้าวตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง! แต่ข้าให้คนซ่อมแซมหลังคาของตำหนักซีเยว่ ทำไมเจ้าถึงสั่งให้คนรื้อเสียเล่า!”
“นี่ไม่ใช่จงใจเป็นปรปักษ์กับข้าหรือ!”
เรื่องของซุนตายิ่งนางแย้งไม่ได้ ดังนั้นจึงเริ่มใช้เรื่องนี้มาเอาเรื่อง
ดังนั้นหากวันนี้ลงโทษหยุนหว่านหนิงไม่ได้ นางก็จะไม่สมใจจริง
“เสด็จแม่ ตำหนักซีเยว่เป็นสถานที่อันตรายเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงคล้ายตกใจเล็กน้อย “สถานที่เช่นนั้นจะอยู่ได้อย่างไร ซุนตายิ่งดีชั่วก็เป็นคนโปรดคนใหม่ของเสด็จพ่อ ตำหนักเช่นนั้นไม่เหมาะสมกับฐานะและบุคลิกของนางเลยเพคะ!”
ซุนตายิ่งที่อยู่ด้านข้างเหงื่อชุ่มโชก “???”
สัญชาตญาณบอกนาง หยุนหว่านหนิงต้องหาเรื่องอีกแน่
นังสารเลวนี่ ทำไมถึงยกยอนังนั่นอยู่ได้!
ถึงนางจะเป็นคนโปรดคนใหม่ของฮ่องเต้ แต่นังสารเลวนี่ยังจะให้ความสำคัญกับนางอีก ตอนนี้นางจะทำอะไรกันแน่!
คำว่า ‘คนโปรดคนใหม่’ นี้ เสียดหูของฮองเฮาจ้าว
“เหอะ ฝ่าบาทประทานตำหนักนอนให้นาง เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าสู้หวังดี สั่งให้คนซ่อมแซมหลังคาตำหนัก ทำไมสุดท้ายยังมาลงที่ข้าอีก”
ฮองเฮาจ้าวพูดเหน็บ
หยุนหว่านหนิงแก้ไขไปตามสถานการณ์ ราดน้ำมันใส่ไฟ “ใครกล้าโทษเสด็จแม่ ลูกจะเอาเรื่องผู้นั้นเป็นคนแรกเลยเพคะ!”
ฮองเฮาจ้าว “…”
หยุนหว่านหนิงประสาทกระมัง
หลี่หมัวมัวที่เดินมาถึงนอกประตูพอดี “…”
นี่พระชายาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ
ถึงกับแสดงความภักดีต่อพระพักตร์ฮองเฮา นี่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงแล้ว?!
“หยุนหว่านหนิง เจ้าจะทำอะไรกันแน่”
ฮองเฮาจ้าวกัดฟันถาม
“เสด็จแม่ทรงฟังหม่อมฉันก่อนเพคะ! ลูกย่อมรู้ดี ว่าที่ซุนตายิ่งพักอยู่ที่ตำหนักซีเยว่ไม่ใช่ประสงค์ของพระองค์ แต่คนอื่นไม่รู้นี่เพคะ! ก็เสด็จแม่ทรงเป็นใหญ่ในวังหลังนี่”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ คิ้วของฮองเฮาจ้าวก็ย่นยู่หนักกว่าเดิม “พูดต่อ”
“ถ้าคนอื่นเข้าพระทัยเสด็จแม่ผิด นั่นจะไม่ดีเพียงไร”
หยุนหว่านหนิงยิ้มประจบ “ฉะนั้นวันนี้ ลูกจึงจงใจให้คนรื้อตำหนักซีเยว่เสีย นี่เพื่อปกป้องพระนามของเสด็จแม่นะเพคะ!”
“อย่างนี้เถอะ แม้ลูกจะทำไม่ถูกต้องจริง! วันนี้ลูกจะชดเชยในราคาตลาดก็แล้วกัน”
นางหยิบเครื่องคิดเลขออกมาจากช่องว่างเครื่องหนึ่ง…
ไม่ถูก หยุนหว่านหนิงรีบยัดกลับไปแบบมือเร็วตาไว
พวกโม่เยว่ยังไม่เห็นชัดเจน เห็นเพียงว่ามือยัดของดำๆ เข้าไปในแขนเสื้อ
หยุนหว่านหนิงหยิบลูกคิดออกมา ทำท่าดีดสองสามที “หนึ่งอิฐ หนึ่งกระเบื้อง หนึ่งไม้ หนึ่งทราย ลูกชดเชยให้ตามราคาดีไหมเพคะ”
“เงินชดเชยนี่ใช้สร้างตำหนักซีเยว่ใหม่ได้พอดี”
“หนึ่งจะได้รักษาพระนามและพระเกียรติของเสด็จแม่ สองยังสามารถกำจัดภัยพิบัติแฝงตัวอาคารของวังหลวง ให้ซุนตายิ่งได้อยู่ตำหนักใหม่ นี่ยังมิใช่วิธีที่ดีทั้งสองฝ่ายอีกหรือเพคะ”
แววตาโม่เยว่มีความคิด
เขาชินแล้ว พอนางล้วงแขนเสื้อ ก็มักล้วงได้ของแปลกประหลาดออกมา
ลูกคิดนี่นับว่าไม่แปลกแล้ว
เขายังเคยเห็นของที่พิลึกพิลั่นมากกว่านี้เยอะ
บางครั้งเขายังสงสัย แขนเสื้อนางมีกลไกอะไรกันแน่
แต่สองวันก่อนตอนที่หยุนหว่านหนิงหลับ เขาแอบฉวยโอกาสศึกษามาแล้ว แขนเสื้อนางไม่มีอะไรทั้งสิ้น!
หลังจากพลิกผ้าผ่อนของนางทั้งหมดดู ก็ไม่มีของประหลาดอะไร
ตอนนี้จึงมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว นางผู้นี้ต้องรู้วิชามารแน่!
สี่ปีนี้ ระหว่างที่นางถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่…
โม่เยว่เห็นเป็นปกติ ทว่าพวกฮองเฮาจ้าวกลับตกตะลึง
พระชายาบ้านไหนพกลูกคิดติดตัวกัน?!
เห็นชัดว่าวันนี้ที่นางรื้อตำหนักซีเยว่ มีการเตรียมการมาก่อน!
“เจ้าชดเชยไหวหรือ”
ฮองเฮาจ้าวยิ้มเย็น “ตำหนักในวังหลวง ที่ไหนยังมิใช่สร้างด้วยหลายแสนตำลึง เจ้ามีเงินจำนวนนั้น?”
“นี่เสด็จแม่ดูถูกลูกหรือเพคะ”
หยุนหว่านหนิงวางลูกคิด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกจะชดเชยเป็นสองเท่าเลยเพคะ! ล้านตำลึง พอกระมังเพคะ”
ฮองเฮาจ้าวซี้ด!
“หยุนหว่านหนิง! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่!”
นั่นคือหนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ ไม่ใช่แค่หนึ่งหมื่นตำลึงธรรมดา!
“โอ้อวดเกินไป จะถูกหัวเราะเยาะไปทั่วนะ”
ฮองเฮาจ้าวกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องนาง
“เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงเพคะ! เอาไว้ลูกออกวังแล้วจะให้คนส่งหนึ่งล้านตำลึงมา ตอนนี้ปัญหาก็คลี่คลายแล้ว เช่นนั้นลูกไปได้แล้วหรือยังเพคะ”
หยุนหว่านหนิงมั่นใจเต็มร้อย
ฮองเฮาจ้าวมองนาง สายตาเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
นังเด็กหน้าเหม็น ตอนนี้ช่างทำให้นางต้องเปลี่ยนทัศนคติจริงๆ…“ได้! แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเจ้าไม่ส่งหนึ่งล้านตำลึงมาในวันนี้ ข้าจะถลกหนังเจ้า!”
“เสด็จแม่ทรงรอได้เลยเพคะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มน้อยๆ
ทั้งสามหมุนตัวจากไป
เพิ่งออกจากตำหนักคุนหนิง โม่เฟยเฟยก็อดถามไม่ได้ “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านจะเอาเงินหนึ่งล้านตำลึงมาจากไหน!”
“ขายเจ้า เกรงว่ายังรวบรวมเงินหนึ่งล้านตำลึงไม่ได้กระมัง!”