อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 2 ปล่อยท่านแม่ข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 2 ปล่อยท่านแม่ข้า
พอได้ยินเสียงนี้ เจ้าก้อนแป้งก็ดิ้นรนอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ติดอยู่ตรงนั้นมุดออกไปไม่ได้ เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นขอความช่วยเหลือจากโม่เยว่“ท่านอาที่แสนจะใจดี ท่านดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรท่าทางสง่างามไม่ธรรมดาดูก็รู้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง รีบช่วยข้าออกไปทีเถอะ”
เมื่อครู่ยังมีท่าทีราวกับว่าตนเองนั้นร้ายกาจที่สุดอยู่เลยมิใช่หรือ แค่ชั่วพริบตาก็ยอมก้มหัวขอให้เขาช่วยแล้วหรือ
ท่าทีของเจ้าก้อนแป้งเปลี่ยนไปเร็วมาก หากไม่เห็นเองกับตา โม่เยว่ก็คงไม่เชื่อ
“ท่านอาที่ใจดี”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าเป็นลูกบ้านไหน ถึงกล้าเรียกข้าว่าท่านอา”
“ไม่ให้เรียกว่าท่านอา จะให้เรียกว่าพี่ชายหรือไง ปีนี้ข้าสามขวบแล้ว ดูแล้วท่านก็น่าจะยี่สิบกว่ากระมัง ข้าเรียกท่านว่าพี่ชายท่านจะกล้าขานรับหรือ”
เจ้าก้อนแป้งนับนิ้วของตนเอง
“เอ่อ……”
ก็ไม่กล้าขานรับจริงๆนั่นแหละ
เป็นครั้งแรกที่โม่เยว่ถูกต้อนจนพูดไม่ออก
เมื่อนับดูแล้ว เจ้าก้อนแป้งเรียกเขาว่าท่านอาก็ไม่ผิด
ตอนนี้เอง เสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว “หยุนเสี่ยวหยวน ถ้าเจ้าเก่งจริง อย่าให้ข้าจับเจ้าได้นะ ไม่เช่นนั้นข้าจะตีก้นเจ้าให้ยับเลย”
“ไม่ได้การแล้ว พี่หนิงไล่ตามมาแล้ว พี่ชายช่วยข้าด้วย……”
สีหน้าของเจ้าก้อนแป้งเปลี่ยนไป ดวงตาสุกใสของเขามีแววกระวนกระวายวาบขึ้นมา
พี่หนิง?
พี่ชาย ?
โม่เยว่ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นแขนเสื้อของเขาก็ถูกเจ้าก้อนแป้งดึงเอาไว้ ใช้แรงดึงอย่างแรง ขาเขาลื่นไถล เกือบจะเอาหัวชนกำแพงแล้ว
ส่วนเจ้าก้อนแป้งที่ใช้แรงดึงแขนเสื้อของเขาอย่างแรงเมื่อครู่ ได้หายไปจากรูสุนัขเรียบร้อยแล้ว
สายตาของโม่เยว่หรี่ต่ำลง รีบก้มลงไปมองด้านในของรูกำแพง
เห็นเพียงเจ้าก้อนแป้งถูกคนจูงมือไปแล้ว และกำลังหันมามองเขาด้วยสายตาที่น่าสงสาร ราวกับกำลังถูกพ่อค้าทาสเอาไปขายอย่างไรอย่างนั้น
โม่เยว่ไม่ชอบเด็กจริงๆนั่นแหละ
แต่กับเจ้าก้อนแป้งคนนี้ กลับรู้สึกชื่นชอบจากใจ
ที่นี่คือจวนอ๋อง เป็นพื้นที่ของเขา
เจ้าก้อนแป้งถูกคนรังแกภายใต้ขอบเขตพื้นที่ในการควบคุมดูแลของเขา ไร้เหตุผลสิ้นดี
“หยุดนะ”
โม่เยว่ตะโกนกับรูสุนัขนั่น “ปล่อยเจ้าก้อนแป้งในมือเจ้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจ”
หยุนหว่านหนิงกำลังจูงมือเจ้าก้อนแป้งที่ร่างกายเลอะโคลนเดินกลับเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงที่ส่งมาจากตรงกำแพงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา หันกลับไปมอง และเห็นใบหน้าหล่อเหล่าที่อยู่ด้านนอกรูกำแพงนั่นพอดี
นางเลิกคิ้วขึ้นมา
อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ว่า ท่าทีของเขาเช่นนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก
โม่เยว่รีบลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าออก สั่งการหรูโม่ “เปิดประตู”
“เจ้านาย ที่นี่คือเรือนชิงหยิ่ง สี่ปีก่อน ท่านเป็นคนออกคำสั่งเอง ให้ปิดตายประตูที่นี่”
หรูโม่พูดขึ้น
“ข้าให้เจ้าเปิดก็เปิด จะพูดมากทำไม”
โม่เยว่ทำเสียงไม่พอใจ
หรูโม่จึงได้แต่ไปเปิดประตู ใช้สายตามองส่งเจ้านายของตนที่เดินเข้าไปในเรือนชิงหยิ่งด้วยท่าทีองอาจ ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วก็รีบตามเข้าไปทันที
หยุนหว่านหนิงจูงมือหยุนเสี่ยวหยวน ขมวดคิ้วมองโม่เยว่ที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สี่ปีก่อน นางทะลุมิติมาที่นี่ แค่คืนแรกก็ถูกผู้ชายหน้าเนื้อใจเสือคนนี้ย่ำยีจนแทบไม่เหลือสภาพความเป็นคน
ตอนนั้นร่างเดิมร่างนี้อ่อนแอมาก และนางก็ไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ ……แม้ว่านางจะไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่แค้นนี้นางจะจำไว้ในใจแน่
สี่ปีมานี้ นางถูกขังไว้ในเรือนชิงหยิ่งอย่างแท้จริง โดยไม่เคยก้าวออกไปข้างนอกเลยแม้แต่ครึ่งก้าว
แต่เจ้าลูกตัวดีของนาง กลับขุดรูตรงใต้กำแพง มักจะออกไปก่อเรื่องด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง
บางครั้งหยุนหว่านหนิงก็สงสัยว่า ที่นางให้กำเนิดออกมานั้นไม่ใช่ลูกคน แต่เป็นหนูที่ชอบขุดรูตัวหนึ่ง
เด็กอายุสามขวบคนหนึ่ง จะยกจอบไหวได้อย่างไร ทั้งยังขุดจนกำแพงเป็นรูได้
วันนี้ นางให้หยุนเสี่ยวหยวนอ่านและเขียนหนังสือ
ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าเด็กดื้อคนนี้ จะวาง“ยานอนหลับ”ในน้ำชาของนาง นางซึ่งไร้ความระแวง จึงร่วงอยู่ในมือของลูกชายตัวน้อยเช่นนี้เอง สองตาเหลือกขึ้นและหลับไปกลางอากาศ
ตอนที่ตื่นขึ้นมา มีเศษกระดาษอยู่เต็มโต๊ะ และมีรูปวาดเต่าเต็มไปหมด
หยุนหว่านหนิงโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงออกมาจับตัวด้วยความกราดเกรี้ยว
และตอนนี้ นางก็กำลังจูงมือหยุนเสี่ยวหยวน กำลังคิดอยู่ว่าจะตีสั่งสอนดีหรือไม่
แต่บังเอิญ ก็พบเข้ากับสามีที่นางไม่ได้เจอหน้ากันมาถึงสี่ปี
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงที่ขมวดคิ้วแน่น โม่เยว่ก็คิดไม่ถึงว่า พี่หนิงที่เจ้าก้อนแป้งเรียกขานเมื่อครู่นี้จะเป็นนาง เขาไม่ได้เจอพระชายามาสี่ปีแล้ว หยุนหว่านหนิง
เขาจ้องนางตาเขม็ง สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ค่อยถูกต้อง
ในสี่ปีนี้ เขาไม่ให้ใครมารับใช้นางเลย
และไม่ให้ใครหน้าไหนมาส่งของใช้จำเป็นให้นาง อาหารสามมื้อต่อวันก็ลดเหลือแค่สองมื้อ เป็นอาหารที่เทียบกับของคนใช้ยังไม่ได้เลย ……
เดิมทีเขาคิดว่า หยุนหว่านหนิงน่าจะตัวผอมโซเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว
ถูกทรมานทั้งทางจิตใจและร่างกาย นางน่าจะลำบากจนบรรยายไม่ได้แล้ว น่าจะมีชีวิตเป็นหญิงแก่หน้าเหลืองผอมแห้งไร้ความสวยจึงจะถูกต้อง
แต่ทำไมมองดูแล้ว……
เห็นเพียงผิวของนางที่ขาวดุจหิมะ รูปร่างสมส่วนเต็มอิ่ม ในดวงตาสดใสนั้นไม่เห็นแววลำบากเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีแววขุ่นเคืองอยู่หลายส่วน ทำให้ละสายตาไม่ได้
นางสวมเสื้อผ้าที่ไม่ได้ทำให้ดูต่ำต้อยเลย
แม้จะเป็นชุดธรรมดาแต่สะอาดสะอ้าน แต่แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเนื้อผ้าที่มีมูลค่าสูง เครื่องประดับก็ไม่งดงามมาก แต่กลับเสริมให้นางดูสวยงามโดดเด่นขึ้น ไม่เหมือนหญิงสาวข้างนอกที่ประโคมเครื่องประทินโฉมต่างๆมากมาย
โม่เยว่นิ่งชะงักไปชั่วครู่
นี่มัน ยังใช่หยุนหว่านหนิงหรือเปล่า
คิดถึงตอนนั้น คุณหนูใหญ่แห่งจวนยิ่งกั๋วกงหยุนหว่านหนิง แม้จะมีใบหน้างดงาม
แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ แทบจะเทียบไม่ได้เลย ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้
นี่นาง ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง หรือเสพสุขอยู่ในนี้กันแน่
โม่เยว่รู้สึกตื่นตะลึง แล้วก็หันไปมองรอบๆ
เดิมทีคิดว่า สามารถมองเห็นลานบ้านแห่งนี้ นางจะปลูกผักต่างๆเพื่อดำรงชีพ แต่ในลานบ้านนั้นสะอาดมาก แม้แต่ใบไม้ที่ตกอยู่ใต้ต้นอู๋ถง ยังถูกกวาดทำความสะอาดจนเกลี้ยง
ผู้หญิงคนนี้ กินอะไรดื่มอะไรในชีวิตประจำวันกันแน่
ทำไมจึงยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าหลงใหลขนาดนี้
ยังมีเจ้าก้อนแป้งที่นางจูงอยู่อีกเล่า เป็นใครกันแน่
คำถามผุดขึ้นมาในหัวของเข้ามากมาย โม่เยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ดุด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หยุนหว่านหนิงบังอาจนัก เห็นข้าแล้ว ทำไมไม่คุกเข่า”
คุกเข่า
“ท่านอ๋องคู่ควรหรือ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น
“เจ้าว่าอะไรนะ”
โม่เยว่นึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา
ไหนเลยจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ยังคงยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง “ข้าเป็นพระชายาอย่างถูกต้องของท่านอ๋อง เป็นนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้ แต่ท่านอ๋องกลับขังข้าไว้ในเรือนชิงหยิ่ง นางถึงสี่ปี”
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด คนภายนอกคงจะคิดว่าพระชายาหมิงอย่างข้า คงจะตายไปแล้ว”
“ท่านเป็นถึงสามี แต่กลับไม่เคยทำหน้าที่ของสามีเลย ทำไมข้าต้องคุกเข่าให้ท่านด้วย”
นางส่ายหน้าอย่างอวดดี “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังได้ยินเป็นครั้งแรกว่า เมื่อเห็นสามีตัวเองแล้วต้องคุกเข่าให้”
ท่าทีส่ายหน้าเช่นนี้ เหมือนกับเจ้าก้อนแป้งที่ติดอยู่ตรงรูสุนัขเมื่อครู่นี้ ไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
อวดดีพอกัน
และน่ารักเหมือนกันด้วย
ให้ตายเถอะ นี่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักอย่างนั้นหรือ
เห็นแววเยาะเย้ยอยู่ในแววตานางหลายส่วน โม่เยว่ใบหน้าบึ้งตึง อดที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนไม่ได้ หยุนหว่านหนิงใช้แผนการอะไรกับเขา และโม่เฟยเฟย……
“หยุนหว่านหนิง ไม่เจอกันสี่ปี เจ้าปากคอเราะรายขึ้นไม่เบาเลย”
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน
ทันใดนั้น ความโมโหที่ถูกไทเฮาตำหนิจากในวังวันนี้ ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เขากระชากข้อมือของนางขึ้นมา ใช้แรงลากเข้าไปในเรือน “ข้าจะดูซิว่า เจ้าจะปากคอเราะรายไปถึงไหน”
ใครจะรู้ว่าในเวลานี้เอง เจ้าก้อนแป้งได้ดิ้นหลุดจากมือของหยุนหว่านหนิง ใช้แรงกอดมือของโม่เยว่เอาไว้ “ปล่อยท่านแม่ข้า ท่านรีบปล่อยท่านแม่ข้าเลยนะ”