อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 20 ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 20 ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย
หยุนหว่านหนิงคิดไม่ถึงว่า หลบโม่เยว่พ้น แต่กลับหลบคนข้างนอกไม่ได้
ใครจะคาดคิดว่า เพิ่งจะออกจากประตูได้ก็พบเข้ากับเต๋อเฟย
รู้ดีว่าแม่สามีคนนี้ของนางไม่ชอบนาง หยุนหว่านหนิงก็รู้ตัวดีจึงไม่ได้เข้าหาเพื่อจะได้ไม่ลำบากใจ ด้วยเหตุนี้จึงคิดจะหนีไปก่อน คิดไม่ถึงว่าเต๋อเฟยจะเห็นนางเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้ กั้นประตูเอาไว้บีบให้นางต้องถอยกลับเข้าไป
“ข้าไม่รู้เลยว่า หญิงที่ถูกทอดทิ้งและกักบริเวณอย่างเจ้า ยังสามารถเข้าออกจวนอ๋องอย่างอิสระได้ด้วย”
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงค่อยๆถอยหลังทีละก้าว เต๋อเฟยก็มีสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อนึกถึงการลงโทษด้วยการโบยของเต๋อเฟย ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว
ตอนนั้น คำนึงแค่ว่าอยู่ใต้ชายคาคนอื่นก็ต้องก้มหัว รวมไปถึงความรู้สึกของหยวนเป่า
ตอนนี้แม้ว่านางจะถูกถอนคำสั่งกักบริเวณแล้ว และได้ทำข้อแลกเปลี่ยนกับโม่เยว่สำเร็จ ถ้าหากถูกเต๋อเฟยจับจุดอ่อนแล้วถูกรังแกอีก นั่นก็เท่ากับว่านางไร้ความพยายาม
ปลาเค็มอย่างนางต้องกลับมามีชีวิตอีกครั้งให้ได้
หยุนหว่านหนิงยิ้ม “ลูกก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเสด็จแม่ชื่นชอบการปิดกั้นประตูเอาไว้”
“บังอาจ”
เต๋อเฟยโมโห กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไป เพื่อให้ลูกสะใภ้ที่โอหังคนนี้รู้จักหลาบจำซะบ้าง ก็เห็นโม่เยว่เดินเข้ามาใกล้ประตู
นางยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่หยุนหว่านหนิงกลับร้องขึ้นด้วยเสียงออดอ้อนว่า “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย”
ต่อหน้าเต๋อเฟย นางโถมตัวเข้าไปในอ้อมอกของโม่เยว่
เต๋อเฟยมองตาค้าง ฝ่ามือที่ยกขึ้นแข็งค้างกลางอากาศ
โม่เยว่ก็อึ้งไปชั่วครู่ แต่ด้านข้างของเอวกลับถูกหยุนหว่านหนิงหยิกเอาไว้ นางกำลังเตือนถึงข้อแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเขา ข้อแลกเปลี่ยน ข้อแลกเปลี่ยน ตกลงกันแล้วว่าต่อหน้าผู้อื่น ต้องปกป้องนาง
เมื่อเขาได้สติ ก็ใช้มือข้างหนึ่ง โอบหญิงสาวไว้ในอ้อมอก
อีกมือหนึ่ง ก็คว้ามือของเต๋อเฟยเอาไว้ “เสด็จแม่ มีอะไรก็พูดจากันดีๆเถอะ”
เห็นดังนั้น เต๋อเฟยก็นิ่งอึ้งไป
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าถูกผู้หญิงคนนี้ กรอกยาเสน่ห์หรืออย่างไร”
ไม่สนใจแล้วว่ากำลังยืนอยู่นอกประตูจวนอ๋อง เต๋อเฟยถามขึ้นอย่างโมโห “หรือเจ้าจะลืมไปแล้ว นางเคยทำอะไรกับเจ้าไว้บ้าง และทำอะไรเฟยเฟยไว้บ้าง”
“เสด็จแม่ มาคุยกันข้างในเถอะ”
โม่เยว่รู้สึกระอาใจ โอบหยุนหว่านหนิงเดินนำเข้าไปในจวนก่อน
ในโถงใหญ่
มองดูสายตาของเต๋อเฟยที่ราวกับจะกลืนกินหยุนหว่านหนิง โม่เยว่ได้แต่อธิบายอย่างจนใจว่า “เสด็จแม่ หยุนหว่านหนิงได้เปลี่ยนแปลงตนเองใหม่แล้ว ลูกเองก็ ให้อภัยนางแล้วด้วย”
“และหวังว่าเสด็จแม่ อย่าได้หาเรื่องนางอีกเลย”
“ข้าหาเรื่องนางอย่างนั้นหรือ”
เต๋อเฟยโกรธมาก คว้าแก้วชาที่อยู่ข้างๆขว้างปาออกไป
แก้วนั้นถูกปาอย่างแม่นยำไปตรงหน้าของหยุนหว่านหนิงอย่างโหดเหี้ยม ถ้าหากกระแทกโดนละก็
น้ำชาร้อนๆในแก้วชาจะลวกใบหน้าของนางหรือไม่ก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าหากกระแทกถูกใบหน้า แล้วทำให้เสียโฉมคงไม่ดีแน่
กำไลหยกเกิดความร้อนอย่างรุนแรงขึ้นมา หยุนหว่านหนิงกำลังจะเตรียมตัวหลบ
แต่กลับเห็นโม่เยว่ยกมือขึ้น รับแก้วชาเอาไว้อย่างมั่นคง มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย”
เมื่อรู้ว่าโม่เยว่มีความคิดที่จะปกป้องนาง แม้ว่าจะอยู่บนพื้นฐานข้อแลกเปลี่ยนของพวกเขาสองคน
หยุนหว่านหนิง จึงทำตามอย่างว่าง่าย
เต๋อเฟยมองนางด้วยสายตาโมโห “เยว่เอ๋อร์ นี่เจ้าหลงนางจนสติเลอะเลือนแล้วหรือ”
“เสด็จแม่ ลูกไม่ได้หลงนางจนไร้สติ แต่หยุนหว่านหนิงยังมีประโยชน์ต่อข้าอยู่”
โม่เยว่เดินเข้าไปใกล้ วางแก้วน้ำชาไว้ใกล้มือเต๋อเฟย
เขากับหยุนหว่านหนิงตกลงกันแล้ว ว่าไม่สามารถบอกเรื่องข้อแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเขาให้ใครฟังได้ แม้แต่เต๋อเฟยก็ห้ามบอก
หยุนหว่านหนิงที่ยืนอยู่นอกประตูได้ยินเข้า ก็จากไปอย่างวางใจ
ตอนนี้นางได้อิสระกลับคืนมาแล้ว บัญชีแค้นที่มีต่อฉินซื่อเสวีย นางจะค่อยๆคิดบัญชีให้ครบ แต่ก่อนจะทำอย่างนั้น เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากอีกเรื่องต้องจัดการก่อน
การขออภัยจากโม่เฟยเฟย รวมไปถึงความไว้ใจจากเต๋อเฟย
ไม่เช่นนั้น ถ้าหากสองแม่ลูกนี้ลอบกัดนางขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่โม่เยว่ก็ไม่สามารถปกป้องนางได้ตลอดเวลา
เรื่องที่เคยกระทำต่อโม่เฟยเฟยในตอนนั้น แม้ว่าจะเป็นการถูกใส่ร้ายจากฉินซื่อเสวีย แต่นางเองก็มีเจตนาไม่ดีจริงๆ
ต้องการจะใช้ความบริสุทธิ์ของโม่เฟยเฟยมาบีบบังคับให้โม่เยว่ยอมศิโรราบ ตอบรับการแต่งงานกับนาง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ฉินซื่อเสวียจะยื่นมือเข้ามาสอด ทำเอาโม่เฟยเฟยเกือบจะเสียความบริสุทธิ์ไปจริงๆ
เพราะฉะนั้น ต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้โม่เฟยเฟยเข้าใจให้ได้
……
ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดหยุนหว่านหนิงก็นับว่าทำความเข้าใจงานต่างๆในจวนจนเกือบหมดแล้ว กู้ป๋อจ้งตื่นตั้งแต่เช้าและมาที่เรือน สอนหยวนเป่าเขียนอ่านอยู่ในห้องหนังสือ
ภายใต้การสั่งสอนหยวนเป่าจากท่านตา นางรู้สึกวางใจลงไม่น้อย
ตื่นมาตอนเช้าก็เห็นว่ากู้ป๋อจ้งพาหยวนเป่าออกไปจากเรือนชิงหยิ่ง หยุนหว่านหนิงก็คิดว่าจะออกไปข้างนอก
ใบหน้าเล็กๆของหยวนเป่า ช่างโดดเด่นมาก
ถ้าหากถูกคนอื่นเห็นเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะนำเรื่องยุ่งยากมาให้ได้
เพราะฉะนั้น รอให้นางสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้แล้ว จึงจะสามารถพาหยวนเป่าไปเยี่ยมท่านน้ากู้หมิงได้
ทางด้านจวนยิ่งกั๋วกง ก็มีบัญชีต้องสะสางเช่นเดียวกัน
หลายวันมานี้ นางได้ส่งคนไปเฝ้าสังเกตการณ์ฉินซื่อเสวียอย่างลับๆแล้ว ในจวนยังไม่มีคนที่นางสามารถเชื่อใจได้ทั้งหมด จึงไม่กล้าให้ใครช่วยตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน
เรื่องแก้แค้น จะกระทำการอย่างรีบร้อนไม่ได้
แต่เรื่องที่เกี่ยวกับโม่เฟยเฟย หยุนหว่านหนิงได้ขอให้โม่เยว่ช่วยแล้ว
สองวันมานี้ โม่เยว่ได้จัดสรรให้หรูยี่มาอยู่กับนาง ช่วยนางทำงานชั่วคราว
ยังมีสาวรับใช้อีกคนที่ชื่อว่า หรูเยียน ก็ถูกเขาส่งมาให้รับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกายนาง
หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะพาหรูเยียนเดินออกไปข้างนอก หรูยี่ก็วิ่งกลับมาด้วยความร้อนใจ “พระชายา ข้าน้อยตรวจสอบชัดเจนแล้ว ในบรรดาคนเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้เหลือเพียงคนที่ชื่อโหยวเอ้อยังมีชีวิตอยู่”
“โหยวเอ้อคนนี้เป็นพวกเกียจคร้าน ชอบรังแกคนอ่อนแอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ถูกคนรุมทำร้ายจนมือและขาหัก”
“เขาอยู่ไม่เป็นที่ อาศัยซุกหัวนอนอยู่ในวัดร้างทางด้านตะวันออกของเมืองหลวง”
“ดีมาก”
ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงค่อยๆเย็นชาลง “ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ไปพบเขาซะหน่อย”
“พระชายา จะไปตอนนี้เลยหรือ”
หรูยี่ส่ายหน้า “แล้วท่าน จะไม่รายงานนายท่านสักหน่อยหรือ”
“ตอนนี้ข้ามีอิสระแล้ว ยังต้องรายงานอะไรเขาอีก”
หยุนหว่านหนิงค้อนให้เขาหนึ่งที ควักเงินออกมายื่นให้ “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไปกับข้า หรือไม่ เจ้าก็กลับไปรับใช้เจ้านายของเจ้า อย่ามาขวางทางข้า ”
เงินอีกแล้ว
หลายวันมานี้เขาทำงานให้พระชายา ได้รับการตบรางวัลจนมีเงินเป็นของตนเองไม่น้อยเลย
หรูยี่รับเงินไปอย่างดีใจ ยัดเก็บไว้ในอกเสื้อ “มีหรูโม่คอยรับใช้อยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าน้อยคอยอยู่รับใช้ด้วย”
“ข้าน้อยไม่ได้อยากจะได้เงินทองอะไร ที่จริงก็เป็นเพราะ พระชายาเดินทางไปที่ห่างไกลเช่นนั้นตามลำพัง ต้องมีอันตรายแน่ๆ ให้ข้าน้อยจะปกป้องท่านดีกว่า”
อย่างนี้ค่อยยังชั่ว
หยุนหว่านหนิงเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง เชิดหน้าขึ้นเดินออกจากประตูไป
หรูเยียนกับหรูยี่ต่างสบตากัน แล้วตามไปทันที
หยุนหว่านหนิงไม่รู้เลยว่า นางเพิ่งจะออกไปจากจวน ในตรอกมืดตรงกันข้ามกับจวนอ๋อง มีชายวัยกลางคนที่ทำตัวลับๆล่อๆคนหนึ่ง ก็หมุนตัวหายไปในตรอกมืดนั้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผ่านไปชั่วครู่ ชายวัยกลางคนคนนี้ก็เข้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง
“พระชายาหมิงเข้าออกอย่างอิสระได้แล้ว ข้าเห็นกับตาว่านางไปทางตะวันออกของเมืองแล้ว ข้างกายยังมีองครักษ์ประจำกายของท่านอ๋องติดตามไปด้วย มีหรูยี่คอยรับใช้อยู่ตลอด คิดว่าคงจะได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหมิงจริงๆ”
ชายหนุ่มก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ในสายตา มองเห็นเพียงรองเท้าที่ถูกปักลายสวยงามและประณีตคู่นั้น
“ข้าคงดูถูกนางคนชั้นต่ำคนนี้เกินไป ถูกกักบริเวณถึงสี่ปียังสามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะส่งนางกลับไปอยู่ในนรกอีกครั้ง ให้นางมีชีวิตแบบอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่เก้าอี้ หัวเราะเสียงเย็น “เด็กๆ”
“ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ไปจับนางคนชั้นต่ำมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”