อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 201 เพื่อกินข้าวทั้งนั้น
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 201 เพื่อกินข้าวทั้งนั้น
โม่เยว่ฟังออกถึงความหมายแฝงของหยุนหว่านหนิง
แต่นางพูดไม่ผิด ฐานะของหยวนเป่ายังป่าวประกาศไม่ได้ในตอนนี้ แม้ว่าเขาอย่างกู่ก้องให้โลกรู้ เขาโม่เยว่มีบุตรชายแล้วก็ตาม!
แต่การทำเช่นนี้ มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัวหยวนเป่า
ดังนั้น เขาจึงได้แต่ผงกหัวคล้อยตาม “หนิงเอ๋อร์พูดถูก”
เพียงแต่หัวใจของเขา เจ็บระทมเท่าใดกันนะ
“เด็กผู้น่าสงสาร!”
โจวหยิงหยิงจุปาก มองหยวนเป่าด้วยสายตาสงสารเอ็นดู
โจวเถียนเถียนในอ้อมแขนนางหยุดร้องไห้แล้ว กำลังมองสำรวจหน้ากากบนใบหน้าของหยวนเป่าด้วยความสนใจพอดี ดวงตาวิบวับ ทันใดนั้นก็ยื่นมือจะคว้าหน้ากาก
หยวนเป่าพลันรู้ตัว ปัดมือนางออก “กีบหมูน้อย” “เจ้าจะทำอะไร!”
การปัดมือนี้ ทั้งดังทั้งกังวาน
‘บัวรดน้ำ’ ที่เพิ่งหยุดร้องไห้จึงเริ่มรดน้ำอีกครั้งทันที
โจวหยิงหยิงก็รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง “เถียนเถียน รีบหยุดร้องไห้เลย! อาจะซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลให้เจ้า!”
เมื่อกล่าวจบ โจวเถียนเถียนก็ยื่นมือออกไปชี้ผลไม้เคลือบน้ำตาลที่หรูอวี้แบกอยู่ ตะโกนเสียงเด็กน้อย “ท่านอา ข้าก็ต้องการซื้ออันนี้!”
หรูอวี้ลำบากใจ “นี่ไม่ขายขอรับ”
หยุนหว่านหนิงมองหยวนเป่า สอบถามความเห็นจากเขา “หยวนเป่า ให้น้องสาวไม้หนึ่งดีหรือไม่”
หยวนเป่าพยักหน้า “ก็ได้ ข้ามอบให้นางสองไม้”
หยุนหว่านหนิงดึงผลไม้เคลือบน้ำตาลออกมาสองไม้ มอบให้โจวเถียนเถียน โจวหยิงหยิงรีบให้นางขอบคุณ
“พวกท่านจะไปไหนหรือ”
หยุนหว่านหนิงถามโจวหยิงหยิง
“นี่อย่างไร ท่านอ๋องบ้านข้าบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของอ๋องหมิง จะไปอวยพรเขาที่จวนอ๋องหมิงเป็นการเฉพาะ นี่คือลูกสาวของพี่ใหญ่ข้า ชื่อว่าโจวเถียนเถียน”
ว่าแล้วโจวหยิงหยิงก็บอกกับโจวเถียนเถียน “เถียนเถียน รีบเรียกอาสะใภ้เร็ว”
โจวเถียนเถียน?
ทำไมพวกเขาตระกูลโจวตั้งชื่อเรียกง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ
หยุนหว่านหนิงยิ้มน้อยๆ
โจวเถียนเถียนเอาแต่กินผลไม้เคลือบน้ำตาล ใบหน้าแก้มยุ้ยเปื้อนน้ำเชื่อมเต็มไปหมด
โม่เยว่เหลือบมองโม่ฮั่นอี่ว์หนึ่ง “พี่รองมาอวยพรวันเกิดข้ามือเปล่าหรือ”
โม่ฮั่นอี่ว์หน้าแดง “ข้ายังไม่ทันได้ซื้อของขวัญต่างหาก! ไม่รีบ ยังเช้าอยู่เลยมิใช่หรือ ข้าจะซื้อให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ ไม่สาย”
เขาละอายใจ
พวกเขาสองสามีภรรยาจะไปจวนอ๋องหมิงจริงๆ นั่นแหละ
แต่ไม่ได้จะไปอวยพรวันเกิดให้โม่เยว่ แต่เพื่อ…กินข้าว
รู้มานานว่าหยุนหว่านหนิงมีฝีมือการทำครัวยอดเยี่ยม วันนี้ต้องเข้าครัวเองแน่นอน โม่ฮั่นอี่ว์กับโจวหยิงหยิงจึงวางแผนไว้นานแล้ว คืนนี้จะไปกินข้าวที่จวนอ๋องหมิง
ไหนเลยจะรู้ว่าจะพบระหว่างทาง
เมื่อนั้นจึงเก้ๆ กังๆ
โม่ฮั่นอี่ว์มองร้านปิ่นมุกที่อยู่ด้านข้าง เข้าไปครู่หนึ่งก็ออกมา ยื่นปิ่นมุกที่เลือกให้หยุนหว่านหนิง แต่เขากลับพูดกับโม่เยว่ “น้องเจ็ด สุขสันต์วันเกิดนะ!”
“เจ้าก็รู้ว่าพี่รองไม่มีเงิน ของขวัญเล็กน้อย น้ำใจยิ่งใหญ่! อย่าได้รังเกียจ!”
โม่เยว่มองปิ่นมุกในมือหยุนหว่านหนิงทีหนึ่ง “พี่รอง วันนี้เป็นวันเกิดข้านะ”
ไม่ใช่วันเกิดของหยุนหว่านหนิง!
“ข้ารู้ว่าเป็นวันเกิดของเจ้า! แต่คืนนี้คนที่ทำอาหารต้องเป็นหว่านหนิงแน่กระมัง คนเขาเข้าครัวลำบาก ย่อมต้องมอบของขวัญให้นาง สำหรับเจ้า…แค่คำว่าสุขสันต์วันเกิดก็พอแล้ว คำอวยพรเบาดั่งขนนก หนักดุจเขาไท่ซัน!”
โม่ฮั่นอี่ว์เอ่ยพลางหัวเราะ
หยุนหว่านหนิงระอาใจ
เพื่อเรื่องกินจริงๆ ด้วย!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็กลับไปเถอะ ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว”
ทุกคนจึงกลับจวนอ๋องหมิง
แต่เพิ่งเข้าประตู บ่าวรับใช้ก็รายงาน ว่าองค์หญิงเก้ารออยู่ที่ห้องโถงแล้ว
นางต้องนำของขวัญของเต๋อเฟยออกวังมาเพื่ออวยพรวันเกิดโม่เยว่แน่ หยุนหว่านหนิงเหล่มองโม่ฮั่นอี่ว์ รวมถึงโจวหยิงหยิงที่กำลังอุ้มโจวเถียนเถียนด้วยหางตา…
โม่เฟยเฟยรู้ฐานะของหยวนเป่า
แต่ดีที่นังเด็กนี่อยู่ฝั่งเดียวกับนาง ไม่ได้บอกเต๋อเฟย
ถ้าหลุดปากต่อหน้าพวกโม่ฮั่นอี่ว์…
สายตาหยุนหว่านหนิงเป็นประกายวิบวับ พูดกับหยวนเป่า “หยวนเป่า เจ้าพาน้องเถียนเถียนไปเล่นเถอะ!”
หยวนเป่าคือเด็กฉลาด
ตอนที่หยุนหว่านหนิงอธิบายชาติกำเนิดของโม่ฮั่นอี่ว์ที่ถนน เขาก็รู้แล้วว่าควรร่วมมือกับมารดาตนอย่างไร
เขาพยักหน้า “ทราบแล้ว แม่บุญธรรม”
หยวนเป่าจูงโจวเถียนเถียนเดินจากไป หรูอวี้รีบส่งแท่งฟางเสียบผลไม้เคลือบน้ำตาลให้กับบ่าวรับใช้ จากนั้นก็ตามพวกหยวนเป่าไป
บัดนี้เมื่ออยู่ในจวนอ๋อง เขาก็คือ ‘พี่เลี้ยง’ ผู้ดูแลเด็กอย่างขยันขันแข็ง
หากคุณชายน้อยผิวถลอกไปแม้แต่น้อยนิด นายท่านต้องตีขาสุนัขเขาหักแน่!
หยุนหว่านหนิงสั่งคนรับใช้ ให้ไปเชิญโม่เฟยเฟยที่ห้องโถงไปยังห้องครัวทันที “ให้เฟยเฟยไปรอที่ห้องครัว ประเดี๋ยวมาเป็นลูกมือข้า สักครู่ข้าจะไป”
“ท่านอ๋อง ท่านก็ต้อนรับพี่รองกับพี่สะใภ้สองให้ดีเถอะ”
“อื่ม”
โม่เยว่พยักหน้า ไม่มีท่าทีขัดขืน
เมื่อเห็นดังนั้น โม่ฮั่นอี่ว์ก็เดาะลิ้น “ดูสิ ตอนนี้น้องเจ็ดถูกหว่านหนิงคุมจนว่านอนสอนง่ายแล้ว!”
“แล้วเจ้าล่ะ”
โจวหยิงหยิงปราดดวงตาคมมีดไป “ข้าคุมเจ้าไม่ได้?”
“ไม่ใช่ ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น…”
โม่ฮั่นอี่ว์หัวเราะเลิ่กลั่ก พวกเขาเดินไปทางห้องโถง
โจวหยิงหยิงสีมือ “หนิงเอ๋อร์ ข้าก็ไปห้องครัวเป็นลูกมือเจ้าแล้วกัน!”
“ไม่ต้องแล้ว พี่สะใภ้รอง ท่านบอบบางสูงส่ง ดูแล้วคงทำไม่เป็นกระมัง ไปเล่นไพ่เย่จื่อ(ไพ่ชนิดหนึ่ง)กับพวกเขาเถอะ มื้อเย็นยังต้องอีกสักพัก”
หยุนหว่านหนิงรีบห้าม
นางกล่าวได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเพราะตระกูลโจว หรือยังเพราะออกเรือนเข้าจวนอ๋องฮั่น สิบนิ้วของโจวหยิงหยิงล้วนไม่เคยทำงานบ้าน
เมื่อครู่นางก็พูดตามมารยาทไปอย่างนั้น
เมื่อได้ยินหยุนหว่านหนิงกล่าวเช่นนี้ โจวหยิงหยิงก็โล่งอก “หนิงเอ๋อร์ เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงยิ้ม รีบเข้าห้องครัว
โม่เฟยเฟยอยู่ในห้องครัวรอนางแล้ว “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านก็รู้ ข้าทำเรื่องในครัวเป็นที่ไหน ท่านต้องการพูดอะไรกับข้าหรือ”
นังเด็กนี่ฉลาดแฮะ
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า จากนั้นก็พูดเรื่องของหยวนเป่า
โม่เฟยเฟยรับคำ ตบหน้าอกรับประกัน “พี่สะใภ้เจ็ดวางใจ! เรื่องชาติกำเนิดของหยวนเป่า จะมีแต่ท่านกับพี่เจ็ดเท่านั้นที่มีสิทธิ์ประกาศ”
“ก่อนที่พวกท่านจะพูด ข้าจะไม่ปริปากบอกใครทั้งนั้น! เสด็จแม่ก็ด้วย!”
หยุนหว่านหนิงประทับใจ มองนางด้วยความปลาบปลื้ม
“จะเล่นละครก็ต้องสมจริง ช่วยข้าปอกกระเทียมแล้วกัน”
เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อโม่เฟยเฟย นางจึงยื่นกระเทียมหัวเบ้อเร่อให้นาง
โม่เฟยเฟย “…”
นางย่นจมูก เริ่มปอกกระเทียมอย่างอมทุกข์
ม่านราตรีเพิ่งจะคลุมท้องฟ้า มื้อเย็นก็เสร็จ
สาวใช้และแม่นมต่างนำอาหารขึ้นโต๊ะตามลำดับ หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่งเข้าห้องอาหารหยวนเป่ากับกระโจนเข้ามา “แม่บุญธรรม โจวอ้วนน้อยเป็นผีขี้แย ข้าไม่อยากเล่นกับนาง!”
โจวอ้วนน้อย?
ตัวดี นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย หยวนเป่าก็ตั้งสมญานามให้คนอื่นแล้ว?
หยุนหว่านหนิงจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ ยื่นหน้ากากอีกอันหนึ่งให้หยวนเป่า “แม่บุญธรรมใส่หน้ากากอันนี้ให้เจ้าก็แล้วกัน อย่างนี้ถึงจะกินได้”
หยวนเป่าสวมหน้ากากอย่างเชื่อฟัง
สองแม่ลูกเดินเข้าห้องอาหาร พวกเขาแยกย้ายกันนั่งแล้ว
หยุนหว่านหนิงนั่งข้างโม่เยว่ เห็นโม่เฟยเฟยมองหยวนเป่าด้วยตะลึง “พี่สะใภ้เจ็ด หนูน้อยน่ารักคนนี้คือใครหรือ!”
“น่ารักจังเลย! ใช่ลูกบุญธรรมของท่านหรือไม่!”
“ข้าชอบเขาจังเลย! ในเมื่อเป็นลูกบุญธรรมของท่าน อย่างนั้นก็คือลูกบุญธรรมของข้าด้วย!”
โม่เฟยเฟยอุ้มหยวนเป่า บีบใบหน้าที่โผล่ออกมาจากหน้ากาก “เจ้าลูกบุญธรรม รีบมาให้ข้าหอมเร็ว!”
หยุนหว่านหนิง “…”
เฟยเฟยเอ๋ย เจ้าแสดงเกินไปแล้วหรือไม่
ทักษะการเล่นละครจะเกินงามไปแล้วกระมัง
อาจเป็นเพราะการเล่นละครที่ ‘ยอดเยี่ยม’ ของโม่เฟยเฟย จึงทำให้โม่ฮั่นอี่ว์ถามขึ้นด้วยความสงสัย “หว่านหนิง ทำไมเด็กคนนี้ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาด้วย”
หยุนหว่านหนิงหัวใจบีบรัด
หรือว่าโม่ฮั่นอี่ว์จะดูอะไรออก?
เขากำลังสงสัยอะไร!